“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ชี้แจงละเอียดเหตุยุติสัญญา “มาซาทาดะ อิชิอิ” ยืนยันเป็นการประเมินตามข้อมูลเทคนิคและสถิติ พร้อมย้ำสมาคมฯ ปฏิบัติถูกต้องตามข้อตกลงทุกประการ
หลังจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศยุติสัญญากับ มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ล่าสุด “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฯ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่ออธิบายเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งนี้อย่างละเอียด
มาดามแป้งระบุว่า การยกเลิกสัญญาครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามสิทธิ์ของผู้ว่าจ้าง และเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าผ่านการพิจารณาของฝ่ายเทคนิคอย่างรอบคอบ โดยใช้หลักสถิติและข้อมูลทางวิชาการเป็นตัวชี้วัด
> “การเปลี่ยนหัวหน้าผู้ฝึกสอนเป็นเรื่องธรรมดาในวงการฟุตบอลทั่วโลก สมาคมฯ ต้องรับผิดชอบต่อผลงานของทีมชาติไทยและความคาดหวังของแฟนบอลทุกคน” — มาดามแป้งกล่าว
นายกสมาคมฯ กล่าวต่อว่า ฝ่ายเทคนิคได้ใช้ตัวเลขอัตราชนะ (Winning ratio) และผลงานในรายการสำคัญเป็นเกณฑ์หลักในการประเมิน โดยเปรียบเทียบกับยุคของ มาโน่ โพลกิ้ง ที่มีอัตราชนะราว 56% และยุคของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 50%
มาดามแป้งเผยว่า การแต่งตั้งอิชิอิเมื่อเดือนธันวาคม 2023 มีเป้าหมายชัดเจนคือพาทีมชาติไทยเข้ารอบ 3 ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก แต่จากผลงานที่ผ่านมา ทั้งการพลาดโอกาสเข้ารอบในเดือนมิถุนายน 2567 และการเสียแชมป์อาเซียนปี 2024 ทำให้ฝ่ายเทคนิคเห็นควรให้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อยกระดับทีม
> “ฟุตบอลทีมชาติไม่ใช่ห้องทดลอง แต่ละเกมมีความหมายในทุกวินาที สมาคมฯ จึงต้องตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูล ไม่ใช่อคติหรืออารมณ์” — มาดามแป้งกล่าว
เธอยืนยันว่า สมาคมฯ ปฏิบัติต่ออิชิอิอย่างเป็นธรรม โดยชำระค่าชดเชยครึ่งหนึ่งของเงินเดือนตามสัญญาที่เหลืออยู่ และดำเนินการด้วยความสุภาพตามข้อตกลงทุกขั้นตอน
ในช่วงท้ายของแถลงการณ์ มาดามแป้งกล่าวขอบคุณแฟนบอลที่ติดตามและให้กำลังใจ พร้อมย้ำว่า สมาคมฯ จะเดินหน้าพัฒนาฟุตบอลไทยอย่างมืออาชีพต่อไป
> “แป้งขอให้คำมั่นว่าจะนำฟุตบอลไทยไปข้างหน้าอย่างมีศักดิ์ศรี และน้อมรับทุกคำติชมจากแฟนบอลด้วยความเคารพ”
การชี้แจงดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ มาซาทาดะ อิชิอิ โพสต์ข้อความเปิดใจบนอินสตาแกรมส่วนตัว ซึ่งสร้างกระแสสนใจอย่างกว้างขวางในทั้งไทยและญี่ปุ่น โดยสมาคมฯ ยืนยันว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปเพื่อความก้าวหน้าของฟุตบอลทีมชาติไทยในระยะยาว