ช้างศึกคืนฟอร์ม! บุกถล่มไต้หวัน 6-1 ธีรศักดิ์แฮตทริก เปิด 5 ประเด็นร้อนหลังเกม

[ 1 ] จัดทัพไม่ฝืน 'เคมี' ลงตัว เกมรุกไหลลื่น

สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในเกมนัดนี้คือการจัดทัพที่ 'ไม่ฝืนธรรมชาติ' ของผู้เล่น ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกมของทีมชาติไทย ดูไหลลื่นและมีมิติมากขึ้น 

มาซาทาดะ อิชิอิ ตัดสินใจเลือกใช้ผู้เล่นที่ถนัดในตำแหน่งของตัวเองอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการส่ง วันชัย จารุนงคราญ ลงเป็นแบ็กซ้ายตัวจริง แทนที่จะโยก นิโคลัส มิคเคลสัน มายืนฝั่งซ้ายเหมือนที่เคยทำ ซึ่งทำให้นักเตะแต่ละคนสามารถเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติและแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ การให้โอกาส ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า ก็ถือเป็นแท็กติกที่ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนี้ เพราะเขาคือกองหน้าธรรมชาติที่สามารถพักบอลและเป็นคนคอยค้ำกับแนวรับฝั่งตรงข้าม

ดาวยิงจาก การท่าเรือ เอฟซี ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการระเบิดแฮตทริกได้อย่างน่าประทับใจ 

อย่างไรก็ตาม มีสิ่งที่ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่คือในนาทีที่ 78 ที่สกอร์อาจจะขาดลอยไปแล้วก็จริง แต่ อิชิอิ กลับเลือกที่จะถอด ธีรศักดิ์ ออก และเปลี่ยนกลับไปใช้ระบบ ฟอลส์ ไนน์ (False Nine) อีกครั้ง ทั้งๆ ที่กองหน้าดาวรุ่งกำลังมีความมั่นใจ แทนที่การใช้นักเตะที่เล่นได้แบบธรรมชาติก็กำลังสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับเจ้าบ้านได้อย่างต่อเนื่อง

[ 2 ] 'ประตูไว' ปลดล็อกทุกอย่าง ความกดดันหายไปทันที

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมชาติไทย เล่นได้ง่ายขึ้นอย่างมหาศาล คือการได้ประตูอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 3 ของเกม การขึ้นนำอย่างรวดเร็วนี้ถือเป็นการ 'ปลดล็อก"' ทุกสิ่งอย่างออกไปแบบปลิดทิ้ง

หากสกอร์ยังคง 0-0 ต่อไปนานเท่าไหร่ ความกดดันทั้งหมดจะตกอยู่กับทัพช้างศึกเพียงฝ่ายเดียวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อประตูแรกมาเร็ว ประตูที่สองก็เกิดขึ้นตามมาในอีกไม่นาน ซึ่งเป็นการสร้างความได้เปรียบทั้งในเชิงสกอร์และความมั่นใจให้กับผู้เล่นไทย อย่างชัดเจน รวมถึงประตูที่ 3 ที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้งระหว่างผู้เล่นที่เคยผ่านประสบการณ์ใน เจลีก มาแล้ว 

สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณที่ดีว่านักเตะไทย ชุดนี้กำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้องในการเล่นฟุตบอลที่เน้นเกมรุกและการจบสกอร์ที่เฉียบขาดขึ้นกว่าเดิม

[ 3 ] สุภโชค คือนักเตะที่สร้าง 'ความแตกต่าง' โดยแท้จริง

แม้จะมีแฮตทริกของ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย แต่คนที่ได้รับเลือกให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ต้องเขาเท่านั้น...สุภโชค สารชาติ 

แนวรุกจาก คอนซาโดเล่ ซัปโปโร คือนักเตะที่สร้างความแตกต่างในเกมอย่างแท้จริง ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นและเหนือกว่าผู้เล่นคนอื่นในสนามอย่างเห็นได้ชัด 

การเคลื่อนที่, การจ่ายบอลและการจบสกอร์ของเขามีความเฉียบคม อีกทั้งยังเต็มไปด้วยคุณภาพในเพลย์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวะที่เขาจ่ายบอลแบบเหนือชั้นในนาทีที่ 76 อันเป็นที่มาของแอสซิสต์ที่สวยงามมาก มันได้พิสูจน์ให้เห็นถึง 'จินตนาการ' อันล้ำเลิศในการสร้างสรรค์เกมรุก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมชาติไทย ขาดหายไปนาน

หากรักษามาตรฐานระดับนี้ต่อไปเรื่อยๆ และเล่นได้ดีในเกมที่พบกับชาติที่แกร่งกว่า - ทัพช้างศึกจะมีทีเด็ดไว้จัดการกับคู่แข่งแน่นอน

[ 4 ] ยังขาด 'ความละเอียด และ 'ความเฉียบคม' ที่ต้องแก้ไขกันต่อ

แม้จะถล่มไปถึง 6 ประตู แต่ก็ใช่ว่าทีมชาติไทย จะไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็น การที่โดนไต้หวัน ยิงคืนมา 1 ประตูนั้น มาจากการเสียสมาธิและความผิดพลาดที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลัง

เข้าใจได้ว่าเมื่อสกอร์ห่าง เกมเริ่มเปิด เพราะเจ้าบ้านเองก็กล้าที่จะเล่น กล้าที่จะลุยมากขึ้น ซึ่งทำให้พวกเขามีโอกาสเข้าทำประตูหลายต่อหลายครั้ง และเกือบจะได้ประตูที่สองอยู่หลายหน

จริงอยู่ที่ทีมชาติไทย เองก็มีจังหวะที่ผ่อนเกมลงไปอย่างชัดเจน ทำให้เจ้าบ้านได้โอกาสครองบอลและสร้างสรรค์เกมรุกได้มากขึ้น และยังมีอีกหลายจังหวะที่ผู้เล่นช้างศึกเล่นไม่ละเอียด จ่ายบอลพลาดง่ายๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงสมาธิที่ไม่โฟกัสกับเกมตลอด 90 นาที ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อันตรายมากหากต้องเจอกับทีมที่แข็งแกร่งกว่านี้

ในส่วนของการจบสกอร์เองก็ยังขาดความเฉียบคมเช่นเคย ถึงแม้ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย จะทำแฮตทริกได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขายังขาดความเฉียบขาดอยู่บ้าง เพราะนอกจาก 3 ประตูที่ทำได้ เขายังมีโอกาสหลุดเข้าไปยิงอีก 2-3 ครั้ง แต่กลับพลาดไปแบบไม่น่าเชื่อ 

เช่นเดียวกับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่ได้รับโอกาสสับไกเหมือนในเกมนัดแรก แต่ก็ไม่อาจส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้เช่นเคย ซึ่งเป็นจุดที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ต้องนำกลับไปขบคิดและปรับปรุงแก้ไขต่อในอนาคตข้างหน้า

[ 5 ] เสียงเชียร์จากช้างศึกพลัดถิ่นและแฟนๆ ที่ไต้หวันคือพลังขับเคลื่อนที่แท้จริง

สิ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือ 'พลังอันยิ่งใหญ่' ที่ส่งมาจากขอบสนาม - เสียงเชียร์จากแฟนฟุตบอลชาวไทย ที่อยู่ใน ไทเป มูนิซิปัล สเตเดี้ยม ถือเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้ทัพช้างศึกเหมือนได้เล่นอยู่ในบ้านของตัวเอง 

ภาพที่ปรากฏผ่านหน้าจอโทรทัศน์เห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีจำนวนแฟนๆ ชาวไทยมากกว่าฝั่งของเจ้าถิ่นอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่ว่าจะความหนาตาหรือเสียงตะโกนก็ดังว่า "ไทยแลนด์ ไทยแลนด์" ตลอด 90 นาที

การได้กำลังใจจากช้างศึกพลัดถิ่น รวมไปถึงคนที่อยู่ที่ไต้หวัน อยู่แล้ว ทำให้ผู้เล่นมีความฮึกเหิมและมีพลังในการต่อสู้ตลอดทั้งเกม 

กระทั่งสามารถบุกมาถล่มได้แบบท่วมท้น ซึ่งสิ่งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า 'แฟนฟุตบอลคือผู้เล่นคนที่ 12' และเป็นพลังขับเคลื่อนโดยแท้จริง