หลังทีมชาติไทยชนะไต้หวัน 2-0 แฟนบอลคาดหวังมากขึ้น ทั้งการใช้กองหน้าอาชีพ, เกมรุกเฉียบคม, ความกระหายไล่บี้ และ แนวรับที่นิ่งกว่าเดิม ในเกมที่ต้องดวลไต้หวันอีกครั้ง 14 ต.ค. 68 เวลา 17.30 น. ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐทีวี HD (ช่อง 32), TrueVisions Now และ BG SPORTS (YouTube)
[ 1 ] หยุด False Nine และใช้กองหน้าธรรมชาติ
เข้าใจได้ว่าการถอนตัวของ ปรเมศย์ อาจวิไล และ ศุภชัย ใจเด็ด แถมไม่เรียก ธีรศิลป์ แดงดา กลับมากู้สถานการณ์ มันจึงจำเป็นที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ต้องปรับหมากการเล่น
นี่คือประเด็นแรกที่ถูกพูดถึงมากที่สุดหลังการแข่งขัน การใช้ระบบ 'ฟอลส์ ไนน์' (False Nine) ไม่ตอบโจทย์ในตอนนี้เลย การที่ เบนจามิน เดวิส ต้องถอยลงมาล้วงบอลบ่อยๆ ทำให้เกมรุกขาดจุดพักบอลและตัวยืนค้ำในแดนหน้าอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่แฟนฟุตบอลและผู้สันทัดลูกหนังไทย ต่างอยากเห็นคือการกลับไปใช้ 'กองหน้าอาชีพ' ที่มีสัญชาตญาณในการจบสกอร์และการยืนตำแหน่งที่ดีกว่า เพื่อให้ทีมสามารถเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
การส่ง ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ลงสนามตั้งแต่นาทีแรก หรือให้กองหน้าตัวเป้าได้มีเวลาในสนามมากขึ้น น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและมิติในแนวรุกให้กับทัพช้างศึก
[ 2 ] เล่นด้วยความกระหาย: บดบี้ให้เหนือกว่าทั้งเกม
แม้จะมีคำชื่นชมถึงความทุ่มเทที่มากขึ้นในครึ่งหลังของนัดแรก จนสถิติการบุกแทบจะอยู่แต่ในแดนไต้หวัน ตลอด 90 นาที แต่แฟนฟุตบอลยังอยากเห็นความกระหายในระดับต่อเนื่องในเกมที่ไชนีส ไทเป
การปล่อยให้เกมอืดอาดในช่วงต้นของการแข่งขัน โดยเฉพาะการสร้างโอกาสยิงได้เพียง 6 ครั้งในครึ่งแรก แม้จะครองบอลถึง 65 เปอร์เซ็นต์ เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
สิ่งที่หลายๆ คนคาดหวังคือการบดบี้ขยี้ไต้หวัน ตั้งแต่วินาทีแรก เพื่อให้สามารถ ปลดล็อกสกอร์ได้อย่างรวดเร็ว และไม่ปล่อยให้พวกเขาซึ่งมีวินัยเกมรับที่ดี ได้มีโอกาสตั้งเกมรับที่เหนียวแน่นได้นานเกินไป
[ 3 ] ปิดสกอร์ให้เฉียบคมกว่านี้
ปัญหา 'ใช้โอกาสเปลือง' เป็นเสมือนรอยด่างบนเสื้อของทีมชาติในระยะหลังที่ยังซักไม่ออก การมีโอกาสมากมาย แต่แปรเปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ ไม่เพียงแต่ทำให้เกมยากขึ้น ทว่ามันยังเพิ่มความกดดันให้กับทีมโดยไม่จำเป็น
จังหวะที่ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ พลาดถึง 3 ครั้ง หรือการจบสกอร์ที่น่าผิดหวังของคนอื่นๆ คือสิ่งที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน สิ่งที่แฟนฟุตบอลต้องการเห็นคือความเด็ดขาด, การจบสกอร์ที่เฉียบคมและเปลี่ยนโอกาสให้เป็นสกอร์ได้ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้มีกำลังใจในการต้านทานได้ตลอดรอดฝั่ง
[ 4 ] สมาธิและความนิ่งของแนวรับ
นอกเหนือจาก 'ความเฉียบคม' ที่ยังเป็นโจทย์ใหญ่ของทัพช้างศึกในช่วงหลัง อีกสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ 'สมาธิ' โดยเฉพาะในเกมรับ จุดที่ทีมชาติไทย มักจะพลาดบ่อยในช่วงสำคัญของเกม ไม่ว่าจะเป็นการเสียบอลง่ายหน้ากรอบเขตโทษ หรือการยืนตำแหน่งที่หลุดในจังหวะครอสของคู่แข่ง
แม้เกมเยือนไต้หวัน จะดูไม่ใช่งานที่เหนือบ่ากว่าแรง แต่ฟุตบอลระดับนานาชาตินั้น ไม่มีคำว่าง่าย โดยเฉพาะเมื่อต้องเล่นในฐานะทีมเยือน ที่ต้องเจอกับปัจจัยรอบด้าน
สภาพสนามที่ไม่คุ้นเคย, อากาศชื้น, อาหารที่ไม่ถูกปาก, การพักผ่อนในสถานที่ที่แปลกใหม่และแม้แต่เสียงเชียร์ของแฟนฟุตบอลเจ้าถิ่น ที่พร้อมสร้างแรงกดดันตลอด 90 นาที
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทดสอบ 'ความนิ่ง' ของแนวรับไทย อย่างแท้จริง เพราะแม้เกมรุกจะพลาดได้บ้าง แต่แดนหลังนั้นห้ามหลุดเด็ดขาด โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ทีมต้องการเก็บ 6 คะแนนเต็มในช่วงฟีฟ่าเดย์ รอบนี้เพื่อสร้างความมั่นใจต่อเนื่องก่อนเข้าสู่ปีสำคัญในเส้นทางสู่ เอเชียน คัพ 2027
[ 5 ] เก็บ 3 คะแนนออกมาให้สำเร็จ
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดเหนืออื่นใดนั่นคือ 'ผลลัพธ์' แม้ว่ารูปเกมจะต้องพัฒนา แต่การเก็บ 3 คะแนนเต็ม เป็นเรื่องที่จะขาดไม่ได้ในการเดินหน้าสู่รอบต่อไป
การคว้าชัยชนะในเกมที่สองจะเป็นการตอกย้ำถึงความเหนือกว่า และทำให้สถานการณ์ของทีมชาติไทย อยู่ในเส้นทางที่สดใส
ชัยชนะที่มาพร้อมกับรูปเกมที่พัฒนาและสกอร์ที่ขาดกว่าเดิม จะเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับแฟนฟุตบอล อีกทั้งยังเป็นการลดความกดดันที่จะถาโถมใส่ มาซาทาดะ อิชิอิ หากผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามที่ทุกคนคาดหวัง