แม้ ทีมชาติไทย เก็บ 3 แต้มเหนือ ไต้หวัน ได้ตามเป้าในศึก เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก แต่ฟอร์มโดยรวมยังมีหลายจุดต้องปรับ ‘SIAMSPORT’ ชี้ 5 ประเด็นสำคัญหลังเกม ทั้งแท็กติก, เกมรุก, การจบสกอร์ และการบ้านใหญ่ของ มาซาทาดะ อิชิอิ ก่อนบุกเยือนไทเป 14 ต.ค. นี้
[ 1 ] ฟอลส์ ไนน์ ที่น่าจะไม่ตอบโจทย์
การเลือกใช้ระบบ 'ฟอลส์ ไนน์' (False Nine) ดูเหมือนยังไม่เข้ากับสไตล์ของทีมชาติไทย ในตอนนี้ เพราะไม่ว่าจะตัวนักเตะหรือรูปแบบการเล่น โดยรวมยังไม่คุ้นชินกับระบบใหม่เอาซะเลย
เบนจามิน เดวิส ที่รับบทบาทในตำแหน่งนี้ ต้องถอยลงมาล้วงบอลอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้ไม่มีใครค้ำในแดนหน้า เกมรุกจึงขาดจุดพักบอลและพื้นที่ทะลุเข้าเขตโทษชัดเจน
ครึ่งแรกแม้จะครองบอลได้มากกว่า แถมยังเล่นในแดนผู้มาเยือนมากถึง 65 เปอร์เซ็นต์ แต่กลับสร้างโอกาสยิงได้เพียง 6 ครั้ง ซึ่งสะท้อนว่าระบบนี้ยังไม่ตอบโจทย์ในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง
[ 2 ] โอกาสเพียบ แต่ก็ยังฝืดเหมือนเดิม
หนึ่งในปัญหาสุดคลาสสิกของทัพช้างศึก คือการใช้โอกาสเปลือง เกมนี้ก็เช่นกันที่มีโอกาสทั้งหมด 17 ครั้ง แต่ตรงกรอบเพียง 4 หน เท่านั้น
ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มีโอกาสทองถึง 3 ครั้งแบบเน้นๆ แต่กลับไม่สามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นสกอร์ได้ แถมยังโหม่งและยิงได้แบบค่อนข้างน่าผิดหวังอีกต่างหาก
ส่วน นิโคลัส มิคเคลสัน ที่ได้หลุดเดี่ยวในนาทีที่ 48 ก็อาจจะตำหนิได้ไม่เต็มปาก เพราะเขาเป็นฟูลแบ็กอาชีพ แต่การได้ยิงเหน่งๆ แบบดวลต่อต่อตัวกับผู้รักษาประตู ถ้าให้ดี มันต้องได้ลุ้นกว่านี้
เมื่อบวกกับการไม่มีตัวจบสกอร์ธรรมชาติในสนาม ยิ่งทำให้เกมรุกดูขาดความคมและประสิทธิภาพ ทั้งที่รูปเกมโดยรวมเหนือกว่าอย่างชัดเจน
[ 3 ] เสกสรรค์ ปลดล็อก – จุดเปลี่ยนของเกม
ท่ามกลางกระแสวิจารณ์เชิงลบที่มีเข้ามามากมาย การทำประตูของ เสกสรรค์ ราตรี ในนาทีที่ 50 ทำให้ตัวเขาและทีมชาติไทย ปลดล็อกความกดดันไปได้มากมาย
สกอร์ของแนวรุกจาก ระยอง เอฟซี ที่ทำได้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ทีมขึ้นนำ ทว่ามันยังเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของเขาในการสอดหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษอีกด้วย
หาก เสกสรรค์ สามารถรักษาผลงานได้อย่างต่อเนื่องและพัฒนาตนเองต่อไปเรื่อยๆ รับรองได้เลยว่าเขาจะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญของทีมชาติไทย ในอนาคต อย่างแน่นอน
ถ้าไม่มีประตูนี้ เชื่อเลยว่าความกดดันจะถาโถมใส่ทัพช้างศึกมากขึ้น จนบางทีเกมนี้อาจจะไม่จบลงด้วยสกอร์ 2-0 และผลที่ตามมาจะกลายเป็นพายุโหมกระหน่ำใส่ มาซาทาดะ อิชิอิ แบบไม่มีชิ้นดี
ดังนั้นต้องขอบคุณ เสกสรรค์ และนักเตะทุกๆ คนที่ช่วยกันสู้จนได้ 3 คะแนนอันล้ำค่ามาได้สำเร็จ
[ 4 ] ครึ่งหลังทุ่มเทมากขึ้น - เวลาของ ธีรศักดิ์ น้อยไปหน่อย
แม้จะเป็นเกมที่ยากลำบาก แต่ก็มีสิ่งที่น่าชื่นชมคือ ความพยายามและทุ่มเทที่มากขึ้นของขุนพลช้างศึก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังที่บดบี้ขยี้ทีมเยือนจนโงหัวไม่ขึ้น
ผู้เล่นทั้ง 11 คน ไม่เว้นกระทั่ง ปฏิวัติ คำไหม ต่างตื่นตัวตลอดเวลา จนแทบจะไม่เปิดโอกาสให้ไต้หวัน ได้ต่อบอลเกิน 3-4 ครั้ง และมันทำให้สถิติหลังจบ 90 นาที คือบอลเดินทางถึงแดนไทย เพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
แม้ว่าในช่วงท้ายของการแข่งขันที่มีการผ่อนเกมไปพอสมควร จนอาคันตุกะได้จังหวะสับไก และมีเสียวอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสังเกตเล็กน้อยเรื่องจังหวะการเปลี่ยนตัว โดยเฉพาะ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ที่ได้รับเวลาในสนามน้อยไปหน่อย เพราะกว่าจะได้ลงเล่นก็ปาเข้าไปนาทีที่ 74 แล้ว
หากใช้กองหน้าอาชีพยืนค้ำอยู่ในแดนบน - ทีมชาติไทย น่าจะเล่นได้เป็นธรรมชาติมากกว่านี้
[ 5 ] วินัยเกมรับของไต้หวัน พาไทย เล่นลำบาก
ประเด็นสุดท้ายนั้นต้องยกเครดิตให้กับวินัยเกมรับอันยอดเยี่ยมของทีมชาติไต้หวัน - พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความเป็นทีมที่ไม่มีแตกแถว ยืนตำแหน่งกันได้อย่างเหนียวแน่นและอดทนเอามากๆ ทำให้ทัพช้างศึกต้องเล่นด้วยความยากลำบากกว่าที่คิด
แม้ว่าศักยภาพนักเตะโดยรวมของไทย จะเหนือกว่า แต่การเจอกับทีมที่มาเล่นเกมรับอย่างมีวินัยและไม่แตกแถว ก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องกลับไปหาทางเจาะให้ได้ดีกว่านี้ในเกมถัดไป
3 แต้มคือสิ่งสำคัญสุด แต่รูปเกมคือสิ่งที่บ่งบอกว่าช้างศึกยังมีการบ้านต้องแก้อีกไม่น้อย โดยเฉพาะการหาความลงตัวในเกมรุกและการใช้ระบบที่เข้ากับศักยภาพของผู้เล่นมากกว่านี้
แมตช์หน้าคือโอกาสพิสูจน์ว่าไทย จะพัฒนาได้แค่ไหน หลังจากผ่านค่ำคืนแห่งชัยชนะที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ