สถานการณ์บีบคั้นของทัพช้างศึกในศึกเอเชียน คัพ รอบคัดเลือก กับการตัดสินใจที่น่ากังขาของกุนซือชาวญี่ปุ่น ยามที่ไร้ศูนย์หน้าตัวเป้ากำลังเป็นปัญหาใหญ่ ความกดดันถาโถมเข้าใส่ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือทีมชาติไทย อย่างหนักหน่วงมีคิวลงเล่นสองนัดติดกับ ไต้หวัน ในวันที่ 9 และ 14 ตุลาคม 2025
ภายหลังการบุกไปพ่าย เติร์กเมนิสถาน 1-3 ในเกมล่าสุด ทำให้เส้นทางสู่รอบสุดท้ายของทีมชาติไทย เข้าสู่สภาวะ 'หลังชนฝา' อย่างแท้จริง เพราะต่อจากนี้จะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด และต้องเก็บชัยชนะให้ได้ทุกแมตช์ที่เหลือเพื่อกรุยทางเข้ารอบไปให้ได้
หากมองเฉพาะผลงานในปี 2025 ตัวเลขก็ฟ้องอย่างชัดเจน เมื่อทีมชาติไทย ลงเล่นไป 8 เกม แต่กลับแพ้ไปถึง 4 นัด หรือคิดเป็นครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว แถมยังเป็นการพาพลาดท่าต่อเวียดนาม อริเบอร์หนึ่งของภูมิภาคแบบไปและกลับ จนได้เพียงรองแชมป์ อาเซียน คัพ 2024
ส่วนชัยชนะเหนือทีมที่อันดับต่ำกว่าอย่างอัฟกานิสถาน, ศรีลังกา และอินเดีย ก็ถูกมองว่าน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับโอกาสในการจบสกอร์ที่สร้างขึ้นได้มากมาย
- ปัญหาเรื้อรังที่โค้ชมองข้าม?
แม้ว่าการประกาศรายชื่อ 23 ผู้เล่นชุดล่าสุดจะได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนฟุตบอลในแง่ของการอิงฟอร์มการเล่นในระดับสโมสร แต่เมื่อเกิดการถอนตัวของสองศูนย์หน้าที่ดีที่สุดของประเทศในปัจจุบันอย่าง ปรเมศย์ อาจวิไล และ ศุภชัย ใจเด็ด คำถามใหญ่ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อโอกาสตกมาถึงมือ อิชิอิ ในการเรียกผู้เล่นมาแทนที่ เขากลับเลือก อนันต์ ยอดสังวาลย์ และ ชาญณรงค์ พรหมศรีแก้ว เข้ามา ซึ่งทั้งคู่ต่างไม่ใช่หัวหอกตัวเป้า แต่ถนัดการเล่นในตำแหน่งริมเส้นหรือมิดฟิลด์ตัวรุกมากกว่า
ทุกคนที่ติดตามฟุตบอลไทย อย่างใกล้ชิดต่างทราบดีว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของทีมชาติคือ 'การจบสกอร์'
ในหนึ่งเกม ทัพช้างศึกสามารถหาโอกาสเข้าทำได้มหาศาล แต่สุดท้ายมักจะเปลี่ยนเป็นประตูได้เพียงน้อยนิด เพราะขาดความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้าย
ไม่ต้องย้อนไปไกล สถิติจาก คิงส์ คัพ 2025 เมื่อเดือนกันยายนเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
ไทย ลงสนาม 2 นัด มีโอกาสยิงรวมกันถึง 34 ครั้ง (พบฟิจิ 23 และอิรัก 11) แต่กลับได้มาเพียง 3 ประตู เท่านั้น
ตัวเลขเหล่านี้ไม่เคยโกหกใคร เช่นเดียวกับผลงานในสนามที่เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จอย่างแท้จริง
- การมองข้าม 'ความเก๋า' ในสถานการณ์คับขัน
เป็นที่เข้าใจได้ว่า ณ ปัจจุบันการหาหัวหอกชาวไทย ที่อยู่ในฟอร์มจัดจ้านนั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง จากโควตาต่างชาติที่แทบทุกสโมสรต่างใช้แข้งนอกยืนค้ำแดนหน้า แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีตัวเลือกที่พอจะพึ่งพาได้เลย
การปิดประตูใส่ผู้เล่นที่มีประสบการณ์และสถิติที่ดีอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา จึงเป็นเรื่องที่น่ากังขา
อดีตนักเตะ อัลเมเรีย เพิ่งลงเล่นให้ แบงค็อก ยูไนเต็ด ไป 5 จาก 7 เกมใน ไทยลีก โดยทำไป 2 ประตู (สวยๆ) และที่สำคัญคือ มีสถิติที่ดียามพบกับไต้หวัน ด้วยการยิงไป 4 ประตูจาก 3 เกมที่เจอกัน
นอกจากนี้ยังมี เวโรจน์ (ชนานันท์) ป้อมบุปผา ที่มีส่วนร่วมกับ อยุธยา ยูไนเต็ด ทุกนัด พร้อมซัดไป 3 ประตู และอีก 1 แอสซิสต์
ไม่นับรวมผู้เล่นมากประสบการณ์ที่ฟอร์มกำลังดีอย่าง สุรชาติ สารีพิมพ์ หรือดาวรุ่งที่ อิชิอิ เคยให้โอกาสอย่าง ยศกร บูรพา
แม้กุนซือชาวญี่ปุ่น ปรารถนาจะสร้างทีมใหม่และต้องการให้โอกาส ธีรศักดิ์ เผยพิมาย แต่ในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ การมีกองหน้าที่พึ่งพาได้และพร้อมใช้งานทันที น่าจะทำให้อุ่นใจมากกว่า เพราะทุกคนต่างเห็นกันอยู่ว่าดาวยิงจาก การท่าเรือ เอฟซี ยังต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์อีกมาก ทั้งยังมักจะคลำเป้าไม่เจอเมื่อได้รับโอกาสในนามทีมชาติ
หากเกมกับไต้หวัน นัดใดนัดหนึ่งผลไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รับประกันได้เลยว่าโอกาสในการไปเล่น เอเชียน คัพ 2027 แทบจะปิดฉากในทันที และคนที่ต้องรับผิดชอบกับ 'ความล้มเหลว' คงหนีไม่พ้น อิชิอิ โทษฐานที่ตัดสินใจ 'เกาไม่ถูกที่คัน' ในจุดที่สำคัญที่สุดของทีมชาติไทย