กลิ่นไอของความตึงเครียดไม่ได้ลอยอวลอยู่แค่ในสนามฟุตบอลเท่านั้น แต่มันระอุอยู่ในทุกอณูความคิดของแฟนบอลชาวไทย
และแน่นอนว่า มันกำลังเข้าครอบงำชายที่ชื่อ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น ผู้แบกรับความคาดหวังระดับชาติบนบ่า
ไทยลีกจบสัปดาห์ไป และเข้าสู่ห้วงเวลาแห่ง "ฟีฟ่า เดย์" แต่สำหรับทีมชาติไทย นี่ไม่ใช่การหยุดพักหายใจ แต่คือการเตรียมตัวเข้าสู่สมรภูมิที่เดิมพันด้วยตั๋วสู่ เอเชียน คัพ 2027 กับสองนัดสำคัญที่รออยู่ข้างหน้าคือการดวลกับ ไชนีส ไทเป ทั้งไปและกลับ!
สองเกมที่หลายคนนิยามว่าคือ "ทางแยก" ของศรัทธาและความเป็นจริง?
ความเครียดที่ว่านี้มีต้นตอมาจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์อันรุนแรง และสถานการณ์ภายในทีมที่น่ากังวลอย่างถึงที่สุด ลองจินตนาการถึงขุนพลที่ต้องออกรบแต่ดาบคู่กายกลับหักงอ...
ชื่อของ ปรเมศย์ อาจวิไล, ศศลักษณ์ ไหประโคน, ศุภชัย ใจเด็ด ถูกถอดออกจากการรับใช้ชาติเพราะบาดเจ็บ นี่คือการสูญเสียฟันเฟืองสำคัญ ในช่วงเวลาที่ทีมต้องการความสมบูรณ์แบบที่สุด
และที่บาดลึกกว่านั้นคือตำแหน่ง “กองหน้า” ที่แทบจะเหลือแค่ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ศูนย์หน้าของการท่าเรือ เอฟซี เพียงคนเดียวให้ใช้งาน!
หัวหอกที่ต้องพึ่งพาเพียงคนเดียวในสถานการณ์ที่ "ต้องชนะเท่านั้น" คำถามคือ เสียงกรีดร้องของความไม่พร้อมนี้... ใครกันคือผู้รับผิดชอบ?
แต่สิ่งที่กลายเป็น "ประเด็นฉกรรจ์" และทิ่มแทงใจแฟนบอลคือการที่ไร้เงาของ "สองเสาหลัก" อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน ในรายชื่อ 50 คนแรก การขาดหายไปของ "มันสมอง" และ "ประสบการณ์" ระดับตำนานที่ลงเล่นได้ตามกฎของ AFC มันไม่ใช่แค่การขาดนักเตะ แต่มันคือการขาด "จิตวิญญาณผู้นำ" ในยามคับขัน!
อิชิอิ ออกมายืนยันหนักแน่นด้วยเหตุผลที่สร้างคลื่นใต้น้ำลูกใหญ่ว่า "เราต้องสร้าง เจนเนอเรชันใหม่"
"เจนใหม่" คำนี้เปรียบเสมือน "ดาบสองคม" ที่คมหนึ่งส่องแสงแห่งอนาคต แต่อีกคมหนึ่งก็กำลังกรีดเลือดความมั่นใจของแฟนบอล
- มันง่ายดายแค่ไหนที่จะพูดถึง อนาคต ในขณะที่ ปัจจุบัน กำลังสั่นคลอน?
- เราจะเอาชีวิตรอดจากสมรภูมิที่ ต้องชนะ ด้วย "ความหวัง" ที่ยังเป็นเพียง "เมล็ดพันธุ์" ได้อย่างไร?
- การ "ตัด" ผู้เล่นที่พร้อมที่สุดออกไปเพื่อ "สร้าง" อาจเป็นการตัดสินใจที่ กล้าหาญ จนเกือบจะเป็น บ้าคลั่ง หรือไม่?
แฟนบอล ไม่ได้กังขาในแนวคิด "การสร้างเจนใหม่" แต่พวกเขาตั้งคำถามถึง "จังหวะเวลา" ที่เลือกเดิมพันด้วยความสำเร็จในภารกิจที่ยอมแพ้ไม่ได้อย่างนี้ เพราะสถานการณ์ที่เราต้องการแต้มเต็ม 6 แต้มจากการเจอไชนีส ไทเป เพื่อไล่บี้ เติร์กเมนิสถาน จ่าฝูงกลุ่ม D
เข็มนาฬิกาเดินไปสู่ "จุดแตกหัก" วันที่ 9 ตุลาคม 2568 (เปิดบ้าน) และวันที่ 14 ตุลาคม 2568 (ไปเยือน) เป็นสองวันที่จะตัดสินว่า งานจะเข้า อิชิอิ หรือไม่!
หากผลการแข่งขันออกมาไม่เป็นไปตามเป้าหมาย (ชนะทั้งสองนัด) แรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่กุนซือชาวญี่ปุ่น จะไม่ใช่แค่ "ลมพัดผ่าน" อีกต่อไป แต่มันจะกลายเป็น "พายุที่โหมกระหน่ำ" และอาจนำไปสู่การตั้งคำถามถึง "ความชอบธรรม" ในการทำทีมอย่างจริงจัง
การต้องเอาแค่แชมป์กลุ่มเท่านั้นเพื่อเข้ารอบสุดท้าย เอเชียน คัพ 2027 นั่นหมายความว่าไม่มีพื้นที่สำหรับความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว
นี่คือการเดิมพันครั้งสำคัญของอิชิอิ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่การจัดทัพนักเตะ แต่เป็นการเดิมพันกับ "ความรู้สึก" และ "ความศรัทธา" ของคนทั้งชาติ
หากทำสำเร็จ อิชิอิ คือ "วีรบุรุษ" ผู้มองการณ์ไกลและกล้าหาญพอที่จะตัดโซ่ตรวนแห่งอดีต เพื่อพาทีมชาติไทยโบยบินสู่โลกใบใหม่
แต่หากผิดพลาด ชื่อของ อิชิอิ จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของ ความล้มเหลวที่เกิดจากการเดิมพันที่ผิดจังหวะ และมันจะถูกจารึกอยู่ในความทรงจำที่เจ็บปวดของแฟนบอลไทยไปอีกนาน
ณ เวลานี้ ความตื่นเต้น ผสมปนเปไปกับ ความหวั่นใจ และ ความสงสัย ชนิดที่ต้องจับจ้องทุกฝีก้าวของ "ช้างศึก" อย่างไม่กะพริบตา
แฟนบอลไทยได้แต่ภาวนาให้การตัดสินใจที่ดูเหมือนจะสวนกระแสครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย
"อิชิอิ" กำลังยืนอยู่บนสนามระเบิด ที่เขาขีดเส้นเอง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่า "เจนใหม่" ที่เขาสร้างจะแข็งแกร่งพอที่จะก้าวข้ามความบาดเจ็บ และช่องว่างแห่งประสบการณ์ ไปคว้าชัยชนะในภารกิจที่ "หลังชนฝา" นี้ได้หรือไม่!
ผมเชื่อว่าหัวใจของแฟนบอลไทยเต้นระรัว และเตรียมรับผลลัพธ์ของ "พายุเงียบ" ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว
- กอล์ฟ เบนเทเก้ -