อิชิอิ ตอกฝาโลงโควตาต่างชาติ? ถึงเวลา “สบตา” ความจริง!

อิชิอิ ตอกฝาโลงโควตาต่างชาติ? ถึงเวลา “สบตา” ความจริง!
ฟีฟ่าเดย์ ... คำที่ฟังแล้วหัวใจแฟนบอลไทยเต้นระรัว กลับมาทวงบัลลังก์ความสนใจอีกครั้ง!

หลังจากที่เสียงวิจารณ์ยังคง "อื้ออึง" กับตำแหน่ง “รองแชมป์” คิงส์คัพ ครั้งที่ 51 เมื่อเดือนกันยายน ทำให้บทพิสูจน์ครั้งใหม่ที่เดิมพันด้วยตั๋วสู่ เอเชียน คัพ 2027 ก็มาถึงเร็วกว่าที่คิด

นี่คือช่วงเวลาที่ “ช้างศึก” ภายใต้การบัญชาการของกุนซือเลือดซามูไรอย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ ต้องสลัดภาพความลังเลทิ้งไปให้หมดจด 

เพราะคู่ต่อกรในสายอย่าง ไชนีส ไทเป หรือที่เรารู้จักในชื่อ ไต้หวัน (อันดับ 173 ของโลก) ที่ถึงแม้ชื่อชั้นจะไม่ได้น่ากลัวจนขนลุก แต่การันตีได้เลยว่า สองนัดที่กำลังจะมาถึงนี้คือ “จุดชี้เป็นชี้ตาย” ในเส้นทางคัดเลือก!

ทันทีที่รายชื่อ 23 ขุนพลทีมชาติไทยถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันที เพราะการปรับทัพถึง 4 รายจากชุดรองแชมป์คิงส์คัพ คือการส่งสารที่ชัดเจนจาก อิชิอิ ว่า “ไม่มีใครมีที่ยืนถาวร”

การหายไปของชื่อที่คุ้นเคยอย่าง พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, เอกนิษฐ์ ปัญญา, ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ และ สันติภาพ จันทร์หง่อม อาจทำให้หลายคนตั้งคำถาม?

แต่การเรียกขุนพลชุดใหม่หน้าเก่า เข้ามาแทนที่ต่างหากที่น่าจับตามองและกระแทกใจคนทำทีมทั้ง โจนาธาร เข็มดี, ศศลักษณ์ ไหประโคน, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ และการกลับมาชุดใหญ่ในรอบ 10 เดือนของ เสกสรรค์ ราตรี 

นี่คือการผสมผสานระหว่าง “กระดูกเบอร์ใหญ่” กับ “คลื่นลูกใหม่” ที่ถูกคัดมาเพื่อภารกิจตีไข่แตก

รายชื่อนักเตะชุดนี้เต็มไปด้วยแข้งหลักไม่ว่าจะเป็น ชนาธิป สรงกระสินธ์, นิโคลัส มิคเกลสัน, สุภโชค สารชาติ หรือ 3 หัวหอกอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย และ ปรเมศย์ อาจวิไล นี่คือการรวมพลังเพื่อเป้าหมายเดียว “ชัยชนะเท่านั้น”

แต่สิ่งที่ทำให้บทความนี้ของผมต้อง “หยุดนิ่ง” และ “คิดตาม” คือบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ อิชิอิ เพราะคำพูดที่เหมือน “แทงใจดำ” วงการฟุตบอลไทยที่ว่า?

“ด้วยการขยายโควตาผู้เล่นต่างชาติของไทยลีก ส่งผลให้ผู้เล่นไทยมีโอกาสลงเล่นน้อยลง และทำให้ด้านประสบการณ์การแข่งขันลดลง ทำให้การคัดเลือกผู้เล่นในการแข่งขันครั้งนี้ยากขึ้นกว่าเดิม...”

คำพูดนี้ผมมองว่า มันคือการ “เปิดแผล” ที่ไม่เคยมีใครกล้าพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาเลยก็ว่าได้!

นี่ไม่ใช่แค่การบ่นถึงความยากในการเลือกผู้เล่น แต่มันคือการ “ชี้เปรี้ยง” ไปที่รากเหง้าของปัญหาที่ทำให้มาตรฐานของนักเตะไทยโดยรวม “อ่อนแอลง”

การที่นักเตะไทยนั่งข้างสนามดูโควตาต่างชาติโชว์ฟอร์ม อาจทำให้ทีมสโมสรแข็งแกร่ง แต่ในทางกลับกัน มันคือ “เพชฌฆาต” ที่ค่อยๆ กัดกินโอกาสและประสบการณ์ของดาวรุ่งไทย

คำถามที่ต้องตอบคือ สมาคมฯ, สโมสรฯ หรือแม้แต่ตัวนักเตะเอง ใครจะกล้า “สบตา” กับความจริงที่ อิชิอิ โยนใส่หน้ามานี้กันละครับ?

สถานการณ์ในกลุ่ม ดี ของเราไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด “ช้างศึก” เรานั่งอยู่อันดับ 2 มี 3 แต้ม ตามจ่าฝูงอย่าง เติร์กเมนิสถาน อยู่ 3 แต้ม และที่โหดร้ายกว่านั้นคือ รอบคัดเลือกนี้ เอาแค่แชมป์กลุ่มเท่านั้นที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย!

นี่คือเหตุผลที่ทำไมเกมเหย้า-เยือนกับ ไชนีส ไทเป จึงมีความหมายมากกว่าแค่ 6 แต้มที่ต้องเก็บ! มันคือการล้างแค้นให้กับความพ่ายแพ้ต่อเติร์กเมนิสถาน และเป็นการกู้ชีพความหวังของแฟนบอลไทยทั้งประเทศ

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน คือค่ำคืนที่แรงเชียร์ต้องแปรเปลี่ยนเป็นแรงขับเคลื่อน และวันอังคาร 14 ตุลาคม ไปเยือนไต้หวัน คือการไป “ปิดจ็อบ” อย่างไร้ข้อกังขา

นี่ไม่ใช่แค่ฟุตบอล เพราะนี่คือสมรภูมิแห่งการกู้ศักดิ์ศรีที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก “ชัยชนะ”

อิชิอิ ได้เลือกขุนพลที่ดีที่สุดแล้ว...

อิชิอิ ได้ชี้แผลที่เรื้อรังของฟุตบอลไทยแล้ว...

และตอนนี้มันถึงเวลาที่ 23 นักรบช้างศึกของพวกเราต้องเดินออกจากอุโมงค์ ด้วยหัวใจที่ไม่รู้จักคำว่า “ยอมแพ้”

อย่าให้คำว่า "รองแชมป์" คิงส์คัพ ต้องมาตามหลอนเราอีก และอย่าให้ความพ่ายแพ้ต่อเติร์กเมนิสถาน ต้องมาเป็นตราบาปในเส้นทางนี้

ทว่า ... สองนัดนี้ ถ้าไม่ชนะ ก็ไม่มีอะไรต้องพูดถึงอีกแล้ว!

-กอล์ฟ เบนเทเก้-



ที่มาของภาพ : -
BY : Quarterback
"กอล์ฟ เบนเทเก้" ปิยะพงษ์ โพธินาค
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport