โควตาต่างชาติ - ปัญหาที่เริ่มสะท้อนถึงทีมชาติไทย

โควตาต่างชาติ - ปัญหาที่เริ่มสะท้อนถึงทีมชาติไทย
ภายหลังการประกาศรายชื่อ 23 ขุนพลทีมชาติไทย ชุด ฟีฟ่า เดย์ ตุลาคม 2025 ที่จะลงสนามพบ ไต้หวัน กับเกมคัดเลือก เอเชียน คัพ 2027 ทั้งสองนัด ถือว่า มาซาทาดะ อิชิอิ เรียกตัวผู้เล่นมาได้อย่างเหมาะสมและน่าจะคัดสรรจากฟอร์มกับต้นสังกัดโดยแท้จริง

โจนาธาร เข็มดี และ เสกสรรค์ ราตรี คัมแบ็กสู่ทัพช้างศึกอีกครั้ง ก็เพราะผลงานที่ ราชบุรี เอฟซี กับ ระยอง เอฟซี โดดเด่นสะดุดตา

หลายๆ คนที่เป็นขาประจำ แต่ไม่ถูกเรียกตัว ก็มาจากการที่ทีมของตนเองไม่ค่อยจะสู้ดีนัก และที่น่าสนใจคือนี่น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสิบปีที่ไร้ชื่อนักเตะจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด แม้จะมี ปรเมศย์ อาจวิไล ศูนย์หน้า จูบิโล่ อิวาตะ ที่อยู่ในฐานะยืมตัวจากกิเลนผยองก็ตาม

ด้วยตัวผู้เล่นที่ประกาศออกมา หวังว่า อิชิอิ จะเลือกใช้งานอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะฟูลแบ็กที่หนนี้เรียกคนที่ถนัดซ้ายธรรมชาติมาจริงๆ 2 ราย หากยังจับนั่งสำรอง แล้วโยก นิโคลัส มิคเคลสัน ไปยืนอีก คงจะไม่เกิดประโยชน์สูงสุดแน่ๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่กุนซือชาวญี่ปุ่น พูดได้น่าคิดคือเรื่อง 'โควตาต่างชาติ' ที่กระทบต่อนักเตะไทย โดยตรง

อดีตเทรเนอร์ คาชิมะ แอนท์เลอร์ส กล่าวว่า "ด้วยการขยายโควตาผู้เล่นต่างชาติของ ไทยลีก ส่งผลให้ผู้เล่นไทย มีโอกาสลงเล่นน้อยลง ทำให้ด้านประสบการณ์การแข่งขันลดลง ทำให้การคัดเลือกผู้เล่นในการแข่งขันครั้งนี้ยากขึ้นกว่าเดิม

ในทุกๆ สัปดาห์ อิชิอิ เองก็ตระเวนออกไปชมเกมที่สนามทั้งเสาร์และอาทิตย์ เพื่อคัดเลือกด้วยตนเองอยู่เสมอ

ประเด็นที่กุนซือจากดินแดนซามูไรหยิบยกขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่วงการฟุตบอลไทย ถกเถียงกันมาระยะหนึ่ง และเริ่มเห็นผลสะท้อนอย่างชัดเจนเมื่อถึงเวลาคัดเลือกผู้เล่นสู่ทีมชาติ

โควตาต่างชาติที่ใช้ในฤดูกาลปัจจุบันคือ 5+2 (ผู้เล่นต่างชาติ 5 + นักเตะอาเซียน 2) เท่ากับว่าเหลือพื้นที่ให้แข้งไทย เพียง 4 คนเท่านั้น

ข้อดีที่เห็นได้ชัดคือเกมการแข่งขันเข้มข้นและสปีดบอลที่ไวขึ้น แต่มันก็ตามมาซึ่งโอกาสในการลงสนามของผู้เล่นท้องถิ่นนั่นเอง

สโมสรส่วนใหญ่ในลีกสูงสุดจำเป็นต้องพึ่งพานักเตะต่างชาติเพื่อยกระดับผลงานและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ

สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้เล่นไทย โดยเฉพาะบรรดาดาวรุ่งหรือนักเตะที่ยังไม่สามารถยกระดับฟอร์มให้โดดเด่นเหนือกว่าตัวต่างชาติ ต้องนั่งอยู่บนม้านั่งสำรองหรือถูกลดบทบาทไปโดยปริยาย

เมื่อโอกาสในการลงสนามอย่างต่อเนื่องในระดับสูงลดลง สิ่งที่ตามมาคือ 'ประสบการณ์การแข่งขัน' ที่ อิชิอิ กล่าวถึงนักฟุตบอลต้องการเวลาในสนามเพื่อพัฒนาความเข้าใจในเกม 

ความฟิตในการเล่น 90 นาที และการรับมือกับสถานการณ์กดดันต่างๆ การได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วงสิบนาทีสุดท้าย หรือการขาดความต่อเนื่องในการลงสนาม ไม่เพียงแต่ทำให้การประเมินฟอร์มของโค้ชทีมชาติยากขึ้น แต่ยังส่งผลต่อพัฒนาการของตัวนักเตะเองด้วย

ในเชิงโครงสร้าง ลีกไทย ต้องการความเข้มข้นและมาตรฐานสูงก็จริง แต่หากการพัฒนาไม่ได้มาพร้อมกับโอกาสให้นักเตะท้องถิ่นได้พิสูจน์ตัวเอง ย่อมสะท้อนผลเสียสู่ทีมชาติในระยะยาว

ตัวอย่างเช่นตำแหน่งกองหน้าที่ปัจจุบันแทบไม่เหลือผู้เล่นไทย ที่ได้ลงเป็นตัวจริงประจำทีม ขณะที่เซนเตอร์ฮาล์ฟหรือฟูลแบ็กหลายๆ คนก็ถูกลดบทบาทลงไปเช่นกัน

สิ่งที่น่ากังวลคือการแข่งขันในระดับนานาชาติยิ่งต้องการนักเตะที่ผ่านเกมหนักมาอย่างต่อเนื่อง แต่หากพวกเขาไม่ค่อยได้ลงสนามในลีก ก็ยากที่ทีมชาติไทย จะยกระดับขึ้นไปทัดเทียมกับชาติชั้นนำของเอเชีย ได้จริง

การแก้ไขปัญหานี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องหาจุดสมดุลระหว่าง 'คุณภาพลีก' ที่ได้จากนักเตะต่างชาติ และ 'โอกาสของนักเตะไทย' ที่จะต่อยอดไปสู่ทีมชาติ

แต่สิ่งหนึ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือ ทุกฝ่ายต้องมองปัญหานี้ร่วมกัน ทั้งสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, ไทยลีก, สโมสร รวมไปถึงตัวผู้เล่นเอง เพื่อให้วงการลูกหนังก้าวเดินอย่างยั่งยืน

นี่คือประเด็นที่เริ่มสั่นคลอนชัดเจนมากขึ้นตามคำของ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น ที่อยู่กับฟุตบอลมาเกินกว่า 30 ปี

โควตาต่างชาติ - ปัญหาที่เริ่มสะท้อนถึงทีมชาติไทย



ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport