หลังจากพ่ายแพ้ต่อทีมชาติไทย 1-2 จอดป้ายแค่รอบคัดเลือกฟุตบอล U23 ชิงแชมป์เอเชีย 2026 กัปตันทีมชาติมาเลเซีย ได้ออกมาเปิดใจอย่างตรงไปตรงมา ถึงสิ่งที่เขาเห็นว่าเป็น "ช่องว่าง" ระหว่างสองชาติที่เคยไล่บี้กันมาอย่างสูสีในอดีต
เจ็บปวด...แต่ยอมรับความจริง
อูไบดุลเลาะห์ ชัมซูล ฟาซิลี กัปตันทีมเสือเหลืองชุดนี้ ยอมรับว่าเกมกับทีมชาติไทยไม่ใช่แค่แมตช์ชี้ชะตาเข้ารอบ แต่ยังเป็นบทสรุปของทีมชุดนี้ด้วย
“แม้แต่จะหาคำพูดมาอธิบายก็ยาก… พวกเราทุ่มเททุกอย่างแล้วก็ยังทำไม่ได้ มันเจ็บปวดมาก เพราะเรารู้สึกว่าเล่นได้ดี เราทำตามแนวทางของโค้ช แต่สุดท้ายถ้าคุณไม่ได้ผลการแข่งขัน มันก็ไม่มีความหมายอะไรเลย”
ความต่างที่ชัดขึ้นเรื่อยๆ
ในการให้สัมภาษณ์ เขาชี้ให้เห็นว่า “คุณภาพของทีม” คือสิ่งที่แตกต่างชัดเจน
“ดูทีมไทยสิ นักเตะของพวกเขาหลายคนเล่นในทีมชุดใหญ่ของสโมสร มูลค่าทางการตลาดสูงมาก ส่วนผมแทบไม่ได้ลงสนามให้สโมสรตัวเองเลยด้วยซ้ำ... เรามีขุมกำลังที่จำกัด โค้ชเองก็ไม่มีตัวเลือกมากนัก”
กัปตันทีมเสือเหลืองยอมรับว่าสิ่งที่เห็นในสนามคือผลลัพธ์จากระบบพัฒนาและการเตรียมทีมที่แตกต่าง โดยเฉพาะเรื่องโอกาสในระดับสโมสร และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่มักชี้ขาดในระดับเกมนานาชาติ
“รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตัดสินเกม - การสัมผัสบอล, การจ่ายบอลสุดท้าย... เราวิ่งได้เท่าพวกเขา แต่หน้าประตู เรายังลังเลอยู่”
ยังหวังเปลี่ยนแปลง แม้ผิดหวัง
แม้จะพลาดเข้ารอบ แต่ อูไบดุลเลาะห์ ยังเชื่อว่าทีมของเขาไม่ได้ห่างจากระดับเอเชียมากนัก เพียงแต่ต้องมีการเตรียมความพร้อมและสนับสนุนที่แข็งแกร่งขึ้น
“หลังจากอยู่กับทีม U23 มาสามปี ผมรู้ว่าเราสามารถเอาชนะทีมเหล่านี้ได้ เราไม่ได้ตามหลังไทยมากอย่างที่หลายคนคิด - และนั่นแหละที่มันเจ็บปวด”
“โค้ชเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน เราไม่อยากเป็นเหตุผลให้ใครต้องตกงาน ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ และเราหวังจะนำความภูมิใจกลับมาในทัวร์นาเมนต์ต่อไป เช่น ซีเกมส์”
บทสะท้อนจากคู่แข่ง
แม้จะเป็นคำพูดจากฝั่งมาเลเซีย แต่บทสัมภาษณ์ของกัปตันทีมชุดนี้ถือเป็นเสียงสะท้อนสำคัญในวงการฟุตบอลอาเซียน - ไม่ใช่เพื่อยกย่องทีมใดทีมหนึ่ง แต่เพื่อชี้ให้เห็นว่า ความต่างไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน หากแต่เป็นผลจากโครงสร้างและการลงทุนระยะยาว
ในขณะที่ทีมชาติไทย U23 กำลังพยายามเดินหน้าวางรากฐานเพื่อสู่ระดับเอเชีย การพัฒนาที่ทั่วถึงในทุกชาติก็จะยิ่งช่วยยกระดับทั้งภูมิภาคให้เติบโตไปด้วยกันในระยะยาว