คคนะ คำยก ดาวรุ่งเมืองทอง เส้นทางช้างเผือกสู่ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังไทย

จุดเริ่มต้นบนถนนสายลูกหนัง

2 ประตูกับการพาทีมชาติไทย ชุดยู-23 เฉือนชนะมาเลเซีย 2-1 พร้อมตีตั๋ว เอเชียน คัพ 2026 ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ทำให้ชื่ของ คคนะ คำยก กึกก้องมากขึ้นอีกเท่าตัว โทษฐานที่เป็น 'ฮีโร่' และยังเป็น 'อนาคต' ของทัพช้างศึกในภายภาคหน้า

เส้นทางลูกหนังของ 'ซีโฟร์' เริ่มต้นจากความฝันของเด็กชายตัวเล็กในจังหวัดปทุมธานี ก่อนจะถูกปลุกปั้นให้กลายเป็นดาวรุ่งแห่งวงการฟุตบอล 

จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี 2014 (ขณะนั้นอายุ 10 ขวบ) เมื่อเขาได้เข้าร่วมโครงการ 'ช้าง ซอคเกอร์ สคูล' ณ สนามโซนตะวันออกเฉียงเหนือ ที่โรงเรียน อัสสัมชัญนครราชสีมา 

ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นเกินวัย คคนะ จึงถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 'นักกีฬาโครงการช้างเผือก' ที่ได้สิทธิ์เข้าเรียนพร้อมทุนการศึกษาฟรีที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี สถาบันที่ปลุกปั้น ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, สารัช อยู่เย็น และอีกมากมาย

นี่เองถือเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้เขาก้าวสู่เส้นทางลูกหนังอย่างจริงจังและมั่นคง

คคนะ ไม่ได้เพียงแค่เรียนฟุตบอล แต่ยังเรียนรู้แนวทางการใช้ชีวิตแบบมืออาชีพ ตั้งแต่โภชนาการ, การฝึกฟิตเนส ไปจนถึงแท็กติกในสนาม ซึ่งเป็นการจัดกระบวนทางความคิดอย่างเป็นระบบ เหมือนการส่งเพชรดิบเข้าสู่โรงงานเจียระไน

แชมป์แรก และการแจ้งเกิดในวัย 13

ปี 2017 ถือเป็นปีทองของ คคนะ เมื่อได้ลงแข่งขันใน 'ช้าง จูเนียร์ คัพ' ซึ่งเป็นการแข่งขันเยาวชน ยู-13 ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 

เขาพาอัสสัมชัญธนบุรี คว้าแชมป์ด้วยการไล่ถล่ม ราชบุรี เอฟซี 7-0 เกมนั้นเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้เล่นธรรมดา แต่ยังคว้ารางวัล 'นักเตะยอดเยี่ยม' ของทัวร์นาเมนต์ พร้อมได้ตั๋วบินลัดฟ้าไปฝึกฟุตบอลกับสโมสร เอฟเวอร์ตัน ณ ประเทศอังกฤษ กว่า 10 วัน

สำหรับเด็กอายุเพียง 13 ปี การได้สัมผัสบรรยากาศฟุตบอลอาชีพระดับ พรีเมียร์ลีก นับเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ และทำให้เขามีแรงบันดาลใจชัดเจนว่า “สักวันหนึ่งจะก้าวไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ฝีเท้าจะพาไปได้”

สู่ทีมชาติไทยทุกชุดเยาวชน

ความโดดเด่นของ คคนะ ไม่ได้หยุดอยู่ที่เวทีโรงเรียนเท่านั้น เขาติดทีมชาติไทย ชุดเยาวชนทุกชุด ไล่ตั้งแต่รุ่นยู-12 จนถึง ยู-18 และได้ลงแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติหลายรายการ 

ประสบการณ์เหล่านี้หล่อหลอมให้เขาเข้าใจวิธีเล่นกับนักเตะต่างชาติ, รู้จักการเผชิญหน้ากับความกดดันและเรียนรู้วิธีการรับมือกับสถานการณ์ที่แตกต่าง

คคนะ มักพูดเสมอว่า “การได้เล่นทีมชาติคือเกียรติสูงสุดและเป็นเหมือนกระจกสะท้อนว่าเราต้องพัฒนาแค่ไหนจึงจะก้าวถึงระดับเอเชีย” 

คำพูดที่สะท้อนให้เห็นว่าแม้อายุยังน้อย แต่ความคิดและความมุ่งมั่นไม่ธรรมดาเอาซะเลย

ก้าวแรกในลีกอาชีพ - จาก ไทยลีก 3 สู่ ไทยลีก

ก่อนจะมาเป็นตัวหลักของ เมืองทอง ยูไนเต็ด - คคนะ เริ่มต้นจากเวที ไทยลีก 3 กับสโมสร พราม แบงค็อก รวมไปถึง อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนลูกหม้อได้สัมผัสฟุตบอลอาชีพตั้งแต่วัยรุ่น 

การได้เจอกับผู้เล่นต่างชาติและปะทะรุ่นพี่ที่แข็งแกร่งกว่ามาก ทำให้เขาต้องเร่งพัฒนาตัวเองในทุกๆ ด้าน หากอยากประสบความสำเร็จบนเส้นทางนี้

จากฟอร์มอันโดดเด่นเป็นสง่า เลกที่สองของฤดูกาล 2022-23 เมืองทอง ผลักดัน คคนะ สู่ทีมชุดใหญ่ พร้อมมอบเสื้อหมายเลข 34 ให้เป็นเจ้าของ 

สำหรับเด็กอายุเพียง 18 ปี การได้ยืนในสนามสมรภูมิ ไทยลีก ถือเป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่มากๆ 

แม้จะได้โอกาสลงสนามเพียง 6 เกม แต่ทุกนาทีที่เขาอยู่ในสนามเต็มไปด้วยความกล้า การจ่ายบอลแบบคิลเลอร์พาส และการเล่นที่เกินวัย จนทำให้ มาริโอ ยูรอฟสกี้  กุนซือกิเลนผยองในขณะนั้นถึงกับออกปากว่า “เขา (คคนะ) มีสรีระและทักษะที่ไม่ค่อยเห็นในนักเตะไทย รุ่นใหม่ ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งเขาจะเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมของประเทศในอนาคต”

ความพิเศษที่ชื่อ 'คคนะ'

สิ่งที่ทำให้ คคนะ โดดเด่นไม่ใช่แค่ทักษะการจ่ายบอลหรือการอ่านเกมเท่านั้น แต่คือ 'ทัศนคติ' ที่แตกต่าง เขาเป็นนักเตะที่ใฝ่รู้ ไม่คิดว่าตนเองเก่ง ชอบดูฟุตบอลจากทั่วทุกมุมโลก และนำสิ่งที่เรียนรู้มาปรับใช้กับตัวเอง

เขามักจะพูดถึง อันเดรส อีเนียสต้า ตำนานนักเตะทีมชาติสเปน และ บาร์เซโลน่า ว่าเป็นต้นแบบ เพราะเป็นผู้เล่นที่ทำเรื่องยากให้ดูง่าย และนี่เองที่สะท้อนสไตล์การเล่นของเด็กหนุ่มชาวปทุมธานี ที่อาจจะไม่หวือหวา แต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพทุกครั้งที่บอลอยู่กับเท้า

ประสบการณ์นานาชาติและฝันใหญ่ในอนาคต

โทษฐานที่อยู่กับ เมืองทอง ทำให้ คคนะ ได้โอกาสไปเก็บตัวฝึกซ้อมกับ แอตเลติโก มาดริด ยู-18 ณ ประเทศสเปน ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาได้สัมผัสมาตรฐานฟุตบอลยุโรป อย่างใกล้ชิด ได้เรียนรู้การเล่นที่รวดเร็ว, การเปลี่ยนเกมที่เฉียบคม และการปะทะที่หนักหน่วงกว่า ไทยลีก หลายเท่า

เขานำสิ่งที่ไปสัมผัสมาปรับเข้ากับตนเองเพื่อพัฒนาไปข้างหน้า

คคนะ เคยเอ่ยถึงความฝันว่า “ผมอยากไปเล่นใน เจลีก เพราะมองว่าฟุตบอลญี่ปุ่นมีทั้งความเป็นมืออาชีพและวินัยสูง อีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่นักเตะไทย หลายคนพิสูจน์แล้วว่าสามารถก้าวไปได้จริง"

ความสำเร็จล่าสุดกับ 'ดาวรุ่งยอดเยี่ยม' ประจำซีซั่น 2024-25

ฤดูกาล 2024-25 ถือเป็นปีที่ทำให้ชื่อของ คคนะ ลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เขาลงสนามให้ เมืองทอง ไปถึง 43 นัด ยิงได้ 12 ประตู และทำ 8 แอสซิสต์ ตัวเลขนี้คือสถิติสุดน่าทึ่งสำหรับกองกลางวัยเพียง 21 ปี เท่านั้น

ผลงานนี้ทำให้เขาได้รับเลือให้เป็น  'ดาวรุ่งยอดเยี่ยม'  แห่งปี (Young Player of the Year) และก้าวขึ้นไปติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่เต็มตัว พร้อมกับเป็นตัวหลักในทีมชาติ ยู-23

ยกระดับฝีเท้า - ความเป็นไปได้และความท้าทาย

ด้วยฝีเท้าอันครบเครื่อง บวกกับสถิติที่จับต้องได้ อีกทั้งยังอยู่กับ เมืองทอง สโมสรที่พร้อมผลักดันผู้เล่นไทย สู่ระดับสากล จึงไม่แปลกใจว่าปัจจุบัน คคนะ เริ่มเป็นที่จับตาของทีมในต่างประเทศที่มองหาดาวรุ่งเอเชีย ฝีเท้าดีอย่างใกล้ชิด

การไปค้าแข้งในลีกต่างแดนอาจไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริงสำหรับเขา เพราะเขามีทั้งสรีระที่แข็งแรง การเล่นที่เป็นสากล แถมอายุก็ยังหนุ่มมากๆ ดังนั้นจึงพร้อมสำหรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

ความท้าทายต่อจากนี้คือการรักษาความต่อเนื่องและไม่หลงระเริงกับชื่อเสียง หากทำได้ เขามีศักยภาพที่จะเดินตามรอยรุ่นพี่อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน หรือ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้อย่างไม่เคอะเขิน

คคนะ ไม่ใช่แค่ดาวรุ่งธรรมดา แต่คือสัญลักษณ์ของความหวังใหม่ในวงการฟุตบอลไทย เส้นทางที่เริ่มจากเด็กชายในโครงการ 'ช้าง ซอคเกอร์ สคูล' วันนี้เขากำลังยืนอยู่บนเส้นทางสู่การเป็นนักเตะชั้นนำของประเทศและพร้อมจะก้าวไปไกลกว่าการค้าแข้งในบ้านเกิด

บางทีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราอาจจะได้เห็นชื่อของเขาปรากฏบนสกอร์บอร์ดในสนามฟุตบอลลีกต่างแดน พร้อมเสียงเฮของแฟนๆ ชาวไทยทั้งประเทศ

คคนะ คำยก - เส้นทางจากช้างเผือกสู่ซูเปอร์สตาร์แห่งอนาคต