คิงส์ คัพ 2025 ไม่ได้สะท้อนแค่ผลงานในสนาม แต่ตอกย้ำปัญหาเชิงโครงสร้างฟุตบอลไทย ตั้งแต่ระบบเยาวชน สนามฝึกซ้อม ไปจนถึงการสร้างโค้ชคุณภาพ หากไม่แก้ที่รากฐาน "ช้างศึก" ยากก้าวไกล
คิงส์ คัพ ครั้งที่ 51 จบลงด้วยผลลัพธ์ในสนามที่คอลูกหนังอาจพอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ นี่ไม่ใช่เพียงทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องทั่วไป หากเป็น 'กระจกสะท้อน' ที่บอกเราตรงๆ ว่าฟุตบอลไทย กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างที่หนักหนากว่าที่คิด
โค้ชระดับโลกก็ไม่ช่วย ถ้ารากฐานไม่แข็ง
ลายคนอาจคิดว่าการแก้ปัญหาคือการหากุนซือชื่อดัง เทรนเนอร์โปรไฟล์หรู เข้ามายกระดับให้กับทัพช้างศึก
แต่เอาตรงๆ ต่อให้วันหนึ่งเราดึงโค้ชที่เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมานั่งข้างสนาม ก็ไม่ได้หมายความว่าทีมชาติไทย จะประสบความสำเร็จได้ เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะ ระบบเยาวชนของเรายังอ่อนแอเกินไป
ลองมองรอบด้าน เอาแค่ในเอเชีย ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อิหร่าน หรือแม้กระทั่งอุซเบกิสถาน ต่างก็พัฒนาไปไกลแล้ว ขณะที่เรายังวนเวียนอยู่กับปัญหาเดิมๆ อย่างสนามฝึกซ้อมที่ไร้มาตรฐานและการพัฒนาเด็กที่ไม่ต่อเนื่อง
สนามนี่แหละเป็นอีกหนึ่งรากฐานที่ถูกมองข้ามมาเสมอ
การสร้างนักฟุตบอลไม่ได้เริ่มจากการเลือกโค้ชทีมชาติ แต่เริ่มจากสนามหญ้าที่เด็กๆ ลงไปสัมผัสตั้งแต่ก้าวแรก
ลองจินตนาการภาพสนามโรงเรียนต่างจังหวัดที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อและมีน้ำขัง จับบอลแต่ละครั้งต้องเดาใจพื้นสนามว่าจะเด้งไปทางไหน
นี่คือสิ่งที่หล่อหลอมให้นักเตะไทย ต้อง 'จับบอลก่อนหนึ่งจังหวะ' แทนที่จะเล่นเร็วได้ในทันที
มันกลายเป็นสัญชาตญาณผิดๆ ที่ผูกติดตัวกันมารุ่นต่อรุ่น
สนามที่ดี คุณภาพไม่จำเป็นต้องถึงขั้นหญ้าเนียนกริ๊บเหมือน พรีเมียร์ลีก แต่ขอแค่เรียบๆ ไม่มีน้ำขัง ไม่มีหลุมบ่อ นั่นก็เป็น 'จุดเริ่มต้นของการพัฒนา' ที่สำคัญที่สุดแล้ว
เช่นเดียวกันกับการพัฒนาระบบเยาวชน ที่ถือเป็นหัวใจ ขณะที่การอบรมโค้ชให้มีความรู้-ความสามารถนั้นเปรียบเสมือนกุญแจที่จะไขสู่โลกกว้าง
ฟุตบอลไม่ใช่เรื่องปาฏิหาริย์ แต่เป็นเรื่องของระบบและรากฐาน ประเทศที่ประสบความสำเร็จในวันนี้อย่างญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ถูกมองข้าม ถูกดูแคลนจากชาติตะวันตก
แต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือความมุ่งมั่นในการพัฒนาเยาวชนแบบจริงจัง
พวกเขาไม่รีบ ไม่หวังผลทันใจ แต่ลงทุนลงแรงอย่างต่อเนื่อง และผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือวันนี้
นักเตะเอเชีย ได้รับการยอมรับแบบวงกว้าง ซน ฮึง-มิน, คาโอรุ มิโตมะ หรือ ทาเคฟุสะ คุโบะ คือผลิตผลของการพัฒนาระบบเยาวชนที่เพาะบ่มมานับสิบปี
ในขณะเดียวกัน สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปก็คือ 'โค้ช'
โรงเรียนหรืออะคาเดมี่ตามต่างจังหวัดในไทย จำนวนมากยังไม่มีบุคลากรที่สอนฟุตบอลอย่างถูกวิธี เหมือนกับการติดกระดุมเม็ดแรกผิด แล้วที่เหลือก็ผิดตามไปหมด
ดังนั้นการสร้างโค้ชคุณภาพคือการลงทุนที่ต้องทำคู่กันไป ไม่อย่างนั้นต่อให้มีสนามดี ก็ไม่มีคนสอนเด็กให้ถูกวิธีอยู่ดี
ต้องเลิกแก้ปลายเหตุ ถึงเวลามองระยะยาวได้แล้ว
ปัญหาของฟุตบอลไทย คือเราชอบแก้ที่ปลายเหตุ สนใจแต่ผลงานทีมชาติในทัวร์นาเมนต์ สนใจแค่ใครจะเป็นโค้ช สนใจแค่ว่าปีนี้จะได้แชมป์อาเซียน หรือไม่ แต่สิ่งที่ควรทำจริงๆ คือการลงทุนที่ 'รากฐาน” ตั้งแต่ระบบเยาวชน, สนามแข่งขัน และการสร้างโค้ช
ต้องยอมรับความจริงที่ว่าต่อให้พา เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาคุมทัพช้างศึก เราก็ไม่มีทางไปได้ไกลเกินกว่าความจริงของรากฐานที่เรามีอยู่
ดังนั้น หากอยากเห็นฟุตบอลไทย ก้าวพ้นอาเซียน สู่ระดับเอเชีย และมีลุ้นไปไกลกว่านั้น เราต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดอย่างจริงจัง เน้นพัฒนาเยาวชน, ลงทุนกับสนาม ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญในการผลิตโค้ชอย่างมีคุณภาพ
หากยังมองที่ปลายเหตุ - ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย เราก็จะเจอแต่ปัญหาเดิมๆ ผลลัพธ์เดิมๆ และความผิดหวังแบบเดิมๆ
คิงส์ คัพ 2025 - กระจกสะท้อนปัญหาใหญ่ของฟุตบอลไทย