ศึกคิงส์ คัพ 2025 ที่กาญจนบุรี ทีมชาติไทย ชวดแชมป์หลังพ่าย อิรัก 0-1 แต่ทัวร์นาเมนต์นี้มอบ 5 บทเรียนล้ำค่า ตั้งแต่ปัญหาจบสกอร์, คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ, การเลือกใช้นักเตะ ไปจนถึงความจำเป็นของแข้งซีเนียร์
[ 1 ] ปัญหาความเฉียบขาดในแดนหน้า
นี่คือปัญหาใหญ่ที่วนเวียนอยู่กับทีมชาติไทย มานาน และดูเหมือนจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในยุคของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่ทีมสร้างสรรค์โอกาสเข้าทำได้มากมาย แต่กลับเปลี่ยนเป็นประตูได้น้อยนิด
จาก 2 เกมใน คิงส์ คัพที่พบฟิจิ และอิรัก - ทัพช้างศึกมีโอกาสสับไกรวมกันถึง 34 ครั้ง แต่ได้มาเพียง 3 ประตูเท่านั้น
หากย้อนกลับไปดูสถิติใน 4 เกมก่อนหน้านี้กับเติร์กเมนิสถาน, อินเดีย, ศรีลังกา และอัฟกานิสถาน ซึ่งทีมชาติไทย สร้างโอกาสได้มากกว่า 50 ครั้ง แต่กลับทำได้เพียง 6 ประตู นั่นสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการจบสกอร์ที่น่าเป็นห่วง
แม้จะมีการลองใช้กองหน้าตัวเป้าอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด, ปรเมศย์ อาจวิไล และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย อย่างสม่ำเสมอ แต่สถิติการทำประตูของทั้งสามคนในยุคของ อิชิอิ ก็นับว่าค่อนข้างต่ำ
โดย ศุภชัย ทำไป 3 ประตูจาก 13 นัด, ปรเมศย์ 3 ประตูจาก 10 นัด และ ธีรศักดิ์ 4 ประตูจาก 14 นัด
สวนทางกับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ พาทริก กุสตาฟส์สัน ที่แม้จะไม่ได้เป็นกองหน้าตัวเป้าธรรมชาติ แต่กลับทำประตูได้มากกว่าถึง 9 และ 8 ประตูตามลำดับ
ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่กองหน้าอย่างเดียว แต่รวมไปถึงบรรดาผู้เล่นตัวรุกริมเส้นอย่าง สุภโชค สารชาติ, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ และ เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่ยังไม่สามารถแบ่งเบาภาระในเรื่องการทำประตูได้เลย
ยิ่งโควตาผู้เล่นต่างชาติใน ไทยลีก เพิ่มขึ้น ก็ยิ่งเป็นการจำกัดโอกาสในการพัฒนาของนักเตะไทยในตำแหน่งสำคัญนี้มากขึ้นไปอีก
[ 2 ] คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟในระยะยาวที่ยังหาไม่เจอ
นับตั้งแต่ มาซาทาดะ อิชิอิ เข้ามารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทย เขาได้ทดลองใช้ผู้เล่นในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟมาแล้วหลายราย ทั้ง เอเลียส ดอเลาะ กับ พรรษา เหมวิบูลย์ ที่ลงสนามไปมากที่สุด
แต่ด้วยอายุที่เริ่มมากขึ้นและการที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ของ พรรษา ทำให้โอกาสที่เขาจะกลับมาติดทีมชาติชุดใหญ่คงจะน้อยลงไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ เฉลิมศักดิ์ อักขี
ขณะที่นักเตะที่มีอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้าอย่าง โจนาธาร เข็มดี ก็ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ จึงทำให้พลาดโอกาสแบบน่าเสียดาย
ปัจจุบัน ตัวเลือกในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางจึงเหลือเพียง เอเลียส, โจนาธาร และ สุพรรณ ทองสงค์ ที่ถูกเรียกตัวเป็นประจำ
เหตุนี้เองทำให้ อิชิอิ ต้องลองให้โอกาสผู้เล่นคนอื่นๆ เข้ามาเสริมทัพ ไม่ว่าจะเป็น ศฤงคาร พรหมสุภะ, ชินภัทร ลีเอาะ, มาร์โก บัลลินี่, ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ และล่าสุดอย่าง ณัฐพงษ์ สายริยา
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ลงตัวและสามารถสร้างความมั่นใจให้กับแนวรับได้แบบในระยะยาว ซึ่งปัญหาหลักก็มาจากโควตาต่างชาติใน ไทยลีก ที่ส่วนใหญ่แล้วสโมสรจะนิยมใช้เซนเตอร์ฮาล์ฟนำเข้ามากกว่าที่จะปั้นผู้เล่นท้องถิ่น
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หาทางแก้ไขยากลำบากยิ่งกว่าตำแหน่งกองหน้าเสียอีก
[ 3 ] เลือกใช้ผู้เล่นให้ถูกต้องตามตำแหน่งถนัด
ในเกมกับอิรัก การจัดทัพของ มาซาทาดะ อิชิอิ สร้างความฉงนให้กับแฟนฟุตบอลชาวไทย และสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก เพราะเขาตัดสินใจส่งหัวหอกตัวเป้าลงพร้อมกันถึง 3 คน
เท่านั้นไม่พอ พี่แกยังให้ ปรเมศย์ อาจวิไล ที่เป็นกองหน้า ไปยืนเป็นเพลย์เมกเกอร์คู่กับ เบน เดวิส โดยมี พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี เพียงคนเดียวที่ปักหลักในแดนกลาง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือทัพช้างศึกแทบจะตั้งรับตลอด 45 นาทีในครึ่งแรกและแสดงให้เห็นว่า 'การทดลอง' ในเกมสำคัญนั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
แม้ว่า นิคโคลัส มิคเคลสัน จะสามารถเล่นแบ็กซ้ายได้ หรือ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย จะเคยเล่นปีกขวาให้กับสโมสร แต่การจับนักเตะไปยืนในตำแหน่งที่ไม่ใช่จุดแข็งของพวกเขาเพื่อทดลองแท็กติกใหม่ๆ ถือเป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่า
เมื่อพิจารณาจากเวลาเกือบ 2 ปีที่ อิชิอิ เข้ามาคุมทีมแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะต้องมี 11 ผู้เล่นหลักในใจ รวมถึงตัวสำรองที่สามารถทดแทนกันได้ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ใช่การทดลองไปเรื่อยๆ แบบนี้อีกต่อไป
[ 4 ] เลือกนักเตะที่ใช่และหาจุดลงตัวในแง่แท็กติกให้ได้สักที
ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ มาซาทาดะ อิชิอิ เข้ามาเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย ผลงานที่จับต้องได้อย่างชัดเจนนั้นยังไม่มีให้เห็น
อาจจะมีให้แฟนๆ ได้ยิ้มหน่อยคือการผ่านเข้ารอบน็อก-เอาต์ เอเชียนคัพ 2023 หรือการบุกไปเสมอเกาหลีใต้ ได้ถึงถิ่น
อย่างไรก็ตาม หามองให้ลึกถึงรายละเอียด ทั้งหมดเป็นการเล่นในรูปแบบที่เน้นตั้งรับเป็นหลัก แต่หากต้องการพัฒนาทีมในระยะยาว ทีมชาติไทยต้องมีรูปแบบการเล่นที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากกว่านี้
โดยเฉพาะการเลือกใช้นักเตะที่กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกับสโมสรอย่าง ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร หรือ จักรพันธ์ แก้วพรม จาก ราชบุรี เอฟซี โดยเฉพาะรายแรกที่ทุกคนรู้ดีถึง 'คลาสฟุตบอล' ระดับยุโรป
เช่นเดียวกันกับ คคนะ คำยก ผู้เล่นอายุน้อยที่ผลงานกำลังโชติช่วงชัชวาลย์กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ทั้งยังได้รับเลือกเป็น 'ดาวรุ่งยอดเยี่ยม' เมื่อซีซั่น 2024-25 แต่กลับไม่เรียกตัวสู่ทีมชาติชุดใหญ่อย่างสม่ำเสมอ
รวมถึง ทริสต็อง โด ที่รักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็อีกเช่นกันที่ไม่ถูกเรียกตัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ขณะที่ฝั่งซ้ายก็ควรจะหาบทสรุปที่ชัดเจนกับ เควิน ดีรมรัมย์ สักที เพราะหมอนี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในตำแหน่งนี้ในระยะยาว
[ 5 ] ผู้เล่นมากประสบการณ์ยังคงมีความจำเป็นต่อทีม
แนวคิดของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่ต้องการสร้างทีมเพื่ออนาคตนั้นเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง แต่การตัดสินใจไม่เรียกผู้เล่นมากประสบการณ์อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา, สารัช อยู่เย็น และ ธีราทร บุญมาทัน กลับเข้าสู่ทีมชาติในช่วงที่ผ่านมาก็ดูจะเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาใหม่อีกครั้ง
ผลงานที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทัพช้างศึกยังคงต้องการผู้เล่นที่เจนเวทีนานาชาติมาคอยประคองรุ่นน้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่เต็มไปด้วยความกดดันและยามที่ผลการแข่งขันไม่เป็นใจ
การได้เพียงรองแชมป์ อาเซียน คัพ 2024 หรือการชนะคู่แข่งที่มีมาตรฐานต่ำกว่าอย่างศรีลังกา, อัฟกานิสถาน และฟิจิ ด้วยสกอร์ที่น้อยนิด รวมถึงการแพ้เติร์กเมนิสถาน ล้วนแต่เป็นเครื่องชี้วัดที่บอกว่าการสร้างทีมใหม่โดยปราศจากผู้เล่นระดับซีเนียร์นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
หากต้องการให้ทีมชาติไทย กลับมาแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จอีกครั้ง การเรียกตัวผู้เล่นอย่าง ธีรศิลป์, สารัช และ ธีราทร กลับมาสู่ทีม อาจเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ เพราะพวกเขาสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างแท้จริง