ในวันที่ฟุตบอลสอนให้เราแพ้ แล้ว "นักเลง" ในคราบนักบอลทำให้เราเจ็บยิ่งกว่า!

ในวันที่ฟุตบอลสอนให้เราแพ้ แล้ว "นักเลง" ในคราบนักบอลทำให้เราเจ็บยิ่งกว่า!
คืนที่ “เมสซี่เจ” ต้องเซ็งสุดๆ และทำไม “โมฮานัด อาลี” ถึงกลายเป็นแฟนบอลไทยทั้งประเทศเกลียดชัง?

ในค่ำคืนที่ควรจะเป็นการเฉลิมฉลองแชมป์ฟุตบอลคิงส์คัพครั้งที่ 51 ณ จังหวัดกาญจนบุรี กลับกลายเป็นค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และคำถามมากมายในใจของแฟนบอลชาวไทยทุกคน

เพียงชั่วข้ามคืน ชื่อของ “โมฮานัด อาลี” นักเตะหมายเลข 10 จากทีมชาติอิรัก ก็ถูกจารึกไว้ในความทรงจำของแฟนบอลชาวไทยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เป็นการจารึกที่เจ็บปวดและขมขื่น

จังหวะเดียวที่ทำให้ชื่อของเขาถูกพูดถึงไม่ใช่แค่ประตูชัยที่ส่งให้อิรักคว้าแชมป์ไปครอง แต่คือจังหวะที่เขาเข้าปะทะอย่างรุนแรงกับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ จน "เมสซี่เจ" ต้องถูกหามลงเปลออกไปในที่สุด 

ภาพของนักเตะขวัญใจชาวไทยที่นอนเจ็บอยู่บนพื้นสนาม สร้างความเดือดดาลให้กับแฟนบอลทั่วทั้งประเทศ ราวกับว่ามีใครมาทำร้ายหัวใจของคนไทยเข้าเต็มเปา

การกระทำที่ไม่สมควรเกิดขึ้นในเกมฟุตบอลระดับนานาชาติ ได้จุดประกายความโกรธแค้น ไม่เพียงแค่แฟนบอลเท่านั้น แต่ยังรวมถึง มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือทีมชาติไทยที่ออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมอย่างดุเดือดว่า 

"เขาไม่ใช่นักฟุตบอลอาชีพ การกระทำเช่นนี้ไร้คลาส และเป็นนักฟุตบอลเลเวลต่ำ แถมเป็นพวกรุนแรงเกินกว่าจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ" 

ถ้อยคำที่บาดลึกนี้ ไม่ได้มาจากอารมณ์ชั่ววูบ แต่มาจากความผิดหวังในจิตวิญญาณของความเป็นนักกีฬา และสิ่งนี้ยิ่งสะท้อนความจริงอันน่าเศร้าที่ว่า "ชัยชนะที่แลกมาด้วยความอยุติธรรม ไม่ใช่ชัยชนะที่แท้จริง"

เมื่อฝีเท้าไม่ได้การันตีหัวใจนักกีฬา สิ่งที่ทำให้แฟนบอลไทยทั่วประเทศยิ่งรู้สึกผิดหวังคือ เรื่องราวเบื้องหลังของ “โมฮานัด อาลี”

เขาไม่ใช่ดาวรุ่งโนเนม แต่เป็นนักเตะวัย 25 ปี ที่ผ่านประสบการณ์ค้าแข้งในหลายสโมสรระดับสูง และเคยไปสัมผัสลีกสูงสุดของโปรตุเกสกับทีม “ปอร์ติโมเนนเซ่” มาแล้ว 

รวมถึงประสบการณ์ในทีมชาติอิรัก ที่เล่นมาตั้งแต่ระดับเยาวชนจนถึงชุดใหญ่ โดยติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2017 และลงเล่นไปแล้ว 57 นัด ยิงไป 7 ประตู กับ 2 แอสซิสต์

ด้วยฝีเท้าและประสบการณ์ที่โชกโชนเช่นนี้ ใครจะคาดคิดว่าเขาจะเลือกใช้ "การเล่นนอกเกม" และ "การเข้าบอลที่รุนแรง" เพื่อหยุดคู่แข่ง แทนที่จะใช้ทักษะฟุตบอลอันยอดเยี่ยมที่เขามี

แฟนบอลหลายคนอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับนักเตะระดับโลกอย่าง “ลีโอเนล เมสซี่” หรือ “คริสเตียโน โรนัลโด้” ที่แม้จะต้องเผชิญกับการเข้าปะทะหนักๆ แต่ก็ยังรักษามาตรฐานของความเป็นนักกีฬาที่ดีไว้ได้เสมอ นักฟุตบอลอาชีพ ระดับโลก เขาไม่เล่นกันหนักขนาดนี้!

ประเด็นที่เจ็บปวดที่สุดไม่ใช่แค่จังหวะการเข้าปะทะเท่านั้น แต่คือ "การไร้ซึ่งน้ำใจนักกีฬา" ที่ตามมา…?

เมื่อ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยืนยันว่าหลังจากจบเกม โมฮานัด อาลี ไม่ได้เข้ามาขอโทษ หรือแสดงความเสียใจใดๆ เลยแม้แต่น้อย!!

การกระทำที่เมินเฉยเช่นนี้ ทำให้คำถามลอยขึ้นมาในอากาศว่า "ความเป็นมืออาชีพของเขาหายไปไหน?" 

การไม่เข้ามาขอโทษ หรือแม้แต่ถามไถ่อาการบาดเจ็บของคู่แข่งที่ตนเองทำร้ายไปนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความเย็นชาในจิตใจ ราวกับว่าชัยชนะสำคัญกว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ และคำขอโทษก็ไม่จำเป็นสำหรับผู้ชนะ

เหตุการณ์นี้ได้ทิ้งรอยแผลที่ลึกซึ้งไว้ในใจของแฟนบอลไทย ไม่ใช่แค่ความพ่ายแพ้ในเกม แต่คือการพ่ายแพ้ในเรื่องของ "น้ำใจ" ที่นักกีฬาควรมี 

ไม่ว่าคุณจะเก่งกาจขนาดไหน หากไร้ซึ่งจริยธรรมและสปิริตแล้ว คุณก็ไม่ต่างจากคนที่มีแต่เปลือกที่สวยงาม แต่ข้างในว่างเปล่า 

การกระทำของ “โมฮานัด อาลี” ในค่ำคืนนั้น อาจทำให้ทีมชาติอิรัก คว้าแชมป์ไปครองได้ แต่ในสายตาของแฟนบอลไทย หรือแม้แต่แฟนลูกหนังทั่วโลก เขาได้สูญเสียสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ “ความนับถือ"

สิ่งที่เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศคิงส์คัพ 2025 ไม่ใช่แค่เรื่องของการแพ้ชนะในสนาม แต่เป็นบทเรียนที่ลึกซึ้งกว่านั้น 

มันสอนให้เราเห็นว่า ฟุตบอลไม่ได้เป็นเพียงแค่กีฬา ที่ต้องใช้พละกำลังและเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเรื่องของ จิตวิญญาณ, ความเคารพ และน้ำใจนักกีฬา ที่นักเตะทุกคนควรมีอยู่ในหัวใจ 

ไม่ว่าคุณจะเป็นดาวเด่นเพียงใด หากไร้ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คุณก็ไม่ต่างอะไรกับ "นักเลง" ที่วิ่งอยู่ในสนามฟุตบอล

เหตุการณ์นี้ ผมคิดว่าควรจะเป็นอุทาหรณ์สำหรับนักฟุตบอลทุกคนทั่วโลก และมันควรถูกส่งต่อเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ว่า การเข้าบอลที่รุนแรง และขาดสปิริต มันไม่ใช่วิถีของนักกีฬาอาชีพ 

ในที่สุดแล้ว เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าชื่อของ “โมฮานัด อาลี” จะถูกจดจำในฐานะนักเตะที่เก่งกาจ หรือในฐานะนักเตะที่ไร้น้ำใจนักกีฬา

สุดท้ายนี้ ผมอยากรู้ความคิดเห็นของแฟนบอลไทยว่า เรื่องราวทั้งหมดนี้ที่ได้ทิ้งร่องรอยคำถามไว้ให้เราทุกคนได้คิด

สำหรับคุณแล้ว นักฟุตบอลที่เก่งกาจแต่ไร้น้ำใจนักกีฬา ควรได้รับความเคารพหรือไม่? 

และเหตุการณ์เช่นนี้ ควรมีที่ยืนในวงการฟุตบอลโลกยุคปัจจุบันจริงๆ หรือ?

-กอล์ฟ เบนเทเก้-



ที่มาของภาพ : -
BY : Quarterback
"กอล์ฟ เบนเทเก้" ปิยะพงษ์ โพธินาค
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport