ถอดบทเรียนชบาแก้ว !!

ความผิดหวังครั้งนี้ใช่ว่าจะมีแค่แฟนลูกหนังทั่วทิศเท่านั้น ซึ่งภายหลังสิ้นเสียงนกหวีดจากสิงห์เชิ้ตดำในสนามได้ไม่นานนายใหญ่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ “มาดามแป้ง” คุณนวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะนายกสมาคมได้โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจซึ่งความตอนหนึ่งว่า “ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่ดิฉันรู้สึกเสียใจและผิดหวังมากที่สุด”

ข้อความดังกล่าวถึงแม้จะสั้นแต่สะท้อนให้เห็นว่านายกสมาคมฯในฐานะผู้ที่เคยประสบความสำเร็จด้วยการกับการนำทีมไปสู้ศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกมาแล้วถึง2ครั้งบ่งบอกให้เห็นความในใจภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ทีมชาติไทยก้าวไปสู่เป้าหมายอีกวาระ

อย่างไรก็ตามเพื่อให้การบริหารจัดการทีมมีทิศทางอนาคตที่ชัดเจนภายหลังการประชุมสภากรรมการฯในวันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม นี้นายกสมาคมจะประชุมเพื่อถอดบทเรียนกับทีมงานโดยจะปรับโครงสร้างเกี่ยวกับทีมชาติฟุตบอลหญิงทุกชุด

ที่น่าสนใจการที่ทัพชบาแก้วชวดโอกาสการไปอวดศักดาและนำธงไตรรงค์ไปโชว์ในรอบสุดท้ายชิงแชมป์เอเชียเพื่อกรุยทางไปสู้ศึกลูกหนังชิงแชมป์โลกที่บราซิลในครั้งนี้หากย้อนไปดูความมุ่งมั่นและตั้งใจของนายกสมาคมที่หมายปั้นปั้นมือว่าอย่างไรเสียการลงสนามรอบคัดเลือกที่สนามสมโภช700ปี เชียงใหม่ทัพไทยไม่น่าจะพลาด ความมุ่งมั่นที่ว่าคงจะได้แก่การที่สมาคมได้วางแผนและตระเตรียมทีมฟุตบอลหญิงชุดใหญ่เป็นอย่างดี ได้ทำทุวิถีทางที่สำคัญคือการเปิดรับสมัครนักกีฬาฟุตบอลหญิงลูกครึ่งที่มีสัญชาติไทยในต่างประเทศมาร่วมคัดเลือกเข้าร่วมทีมชาติ แต่ก็ไม่ได้รับการคัดเลือกจากผู้ฝึกสอน

ต่อกรณีที่นักเตะลูกครึ่งสัญชาติไทยไม่ได้รับการคัดเลือกจากผู้ฝึกสอนทั้งๆที่นายกสมาคมมีแนวคิดหรือมุมมองคาดหวังให้มาช่วยเพื่อเสริมความแกร่งให้กับทีมชาติไทยไม่ได้รับการคัดเลือกจากผู้ฝึกสอนซึ่งเท่าที่เห็นก็มีเพียง “รีแอนน์ รัช” รายเดียวเท่านั้นที่ติดมาก็คงเป็นโจทย์และการบ้านที่ทีมงานสต๊าฟโค้ชโดยเฉพาะกุนซือใหญ่จากแดนปลาดิบ “ฟูโตชิ อิเคดะ” ต้องอธิบายถึงเหตุผลตลอดจนผลของการที่ทีมไม่ได้ไปต่อ

 สำหรับการคัดเลือกนักเตะแน่นอนถึงแม้ว่าโดยหลักการจะเป็นสิทธิ์ของหัวหน้าผู้ฝึกสอนโดยตรงสมาคมไม่อาจจะไปก้าวข่ายการทำทีมได้ก็จริงแต่ก่อนที่จะประกาศรายชื่อตัวจริงออกมาไม่ทราบว่าฝ่ายเทคนิคของสมาคมได้มีการประชุมและพิจารณาร่วมกับสต๊าฟโค้ชหรือไม่

 จากผลงานที่ทำให้เสียโอกาสในครั้งนี้คาดว่าคงจะถึงเวลาที่สมาคมต้องถอดบทเรียนและพิจารณาถึงกึ๋นหรือความสามารถของหัวหน้าผู้ฝึกสอนรายนี้ว่าสมควรจะไปต่อหรือไม่

 ที่สำคัญต่อจากนี้ไปทัพไทยยังมีรายการสู้ศึกชิงแชมป์อาเชียน 2025 ที่แดนดาวทองเวียดนาม และการทวงความเป็นหนึ่งในมหกรรมซีเกมส์ปลายปีนี้ที่ไทยรออยู่การใช้คนให้ตรงกับงานโดยเฉพาะหัวหน้าผู้ฝึกสอนวันนี้ชี้ชัดให้เห็นแล้วว่าแนวคิด “แจแปนเวย์” หรือการนำผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่นมาทำทีมอาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของทัพไทยสมอไป

 อย่างไรก็ตามเมื่อกล่าวถึงกุนซือของนักเตะชุดใหญ่วันนี้หากสมาคมจะหันไปใช้งานผู้ฝึกสอนชาวไทยอีกครั้งโดยเฉพาะ “โค้ชหนึ่ง” ดร.หนึ่งฤทัย สระทองเวียน ซึ่งมีดีกรีเคยผนึกพลังร่วมกับ “มาดามแป้ง” นำทัพนักเตะชบาแก้วไปอวดฝีเท้าในฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกมาแล้วถึง2ครั้งก็เป็นหนึ่งในมิติที่สมาคมพึงพิจารณาเช่นกัน

 วันนี้เชื่อว่าภายหลังการถอดบทเรียนเพื่อกำหนดทิศทางอนาคตนักเตะหญิงทีมชาติไทยทุกชุดที่นายกสมาคมลูกหนังและทีมงานจะกระชับวงล้อมปันความคิดร่วมกันคงจะมีแนวทางให้คอลูกหนังได้ประจักษ์และเห็นโฉมใหม่ของทัพไทยกันอย่างแน่นอน

รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร