รู้จักทีมชาติอินเดีย คู่แข่งไทย ฟีฟ่าเดย์ 4 มิ.ย. 68 : ขุนพลบลูไทเกอร์สจัดเต็ม

ทีมชาติไทย มีโปรแกรมในช่วง ฟีฟ่าเดย์ มิถุนายน 2025 สองเกม ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงขอแนะนำคุณผู้อ่านให้รู้จักกับอินเดีย คู่ต่อสู้ในวันพุธที่ 4 ที่จะถึงนี้ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จในอดีต, ผลงานในปี 2025, เฮดโค้ช, ผู้เล่นชุดปัจจุบัน, นักเตะเด่นและนักเตะน่าจับตามอง

ฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติไทย พบอินเดีย วันพุธที่ 4 มิถุนายน 2025 เวลา 19:30 น. ณ สนามกีฬาธรรมศาสตร์-รังสิต ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี (ช่อง 32) และ BG SPORTS (Youtube)

[ 1 ] ความสำเร็จในอดีต

แม้จะเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 7 ของโลก อีกทั้งยังเคยตกอยู่ในอาณานิคมของอังกฤษ แต่ด้วยความที่อินเดีย มีคริกเก็ตเป็นกีฬาประจำชาติ มันจึงทำให้ฟุตบอลของพวกเขาไม่มีผลงานที่เด่นชัดเท่าใดนัก

อย่างไรก็ตาม ราวๆ ทศวรรษที่ 50-60' นั้นถือเป็นห้วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของ เดอะ บลู ไทเกอร์ส เพราะได้เหรียญทอง เอเชียนเกมส์ 2 หน (1951 และ 1962) รวมไปถึงการเป็นรองแชมป์ เอเชียน คัพ 1964 (สมัยนั้นแข่งขันกับ 4 ทีม)

นอกจากนั้นพวกเขาก็เป็นแชมป์ เอสเอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ (SAFF Championship) หรือศึกชิงถ้วยเอเชียใต้ 8 สมัย ส่วนนอกนั้นก็ไม่มีผลงานอะไรในระดับเมเจอร์ เพราะไม่เคยผ่านเข้าไปเล่น เวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย

ขณะที่ เอเชียน คัพ - อินเดีย เคยมีส่วนร่วมเพียง 5 ครั้ง โดยเมื่อปี 2019 ก็อยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับไทย แถมยังถล่มทัพช้างศึกไปเละเทะ 4-1 แต่สุดท้ายก็ตกรอบแรกอยู่ดี

[ 2 ] ผลงานในปี 2025

ผลงานของอินเดีย ในปี 2025 ถือว่าดีในระดับหนึ่งกับการถล่มมัลดีฟส์ 3-0 ต่อด้วยเสมอบังกลาเทศ 0-0 กับเกมคัดเลือก เอเชียน คัพ 2027 เมื่อช่วงมีนาคมที่ผ่านมา

หากนับถอยหลังไปยังปลายปี 2024 พวกเขาก็ยังไม่แพ้ใครเลย เพราะเสมอทั้งเวียดนาม และมาเลเซีย ด้วยสกอร์ 1-1 ซึ่งทั้งสองทีมคือชาติชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

[ 3 ] เฮดโค้ช

หลังจากใช้บริการของ อิกอร์ สตานิช อดีตปราการหลังทีมชาติโครเอเชีย เป็นเฮดโค้ชมายาวนาน 5 ปี - อินเดีย ก็เปลี่ยนมาเป็น มาโลโน่ มาร์เกวซ กุนซือชาวสเปน เมื่อกรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา

เทรนเนอร์รายนี้เคยถูกแต่งตั้งให้เป็นบิ๊กบอสของ ราชบุรี เอฟซี เมื่อปลายปี 2018 แต่ยังไม่ทันได้คุมทีม พี่แกก็แยกทาง โดยระบุว่าได้งานใหม่ที่ยุโรป จนสร้างความงุนงงไปทั่วแคว้นแดนสยาม

สำหรับจุดเกี่ยวโยงกับอินเดีย คือการที่เขามาเป็นเฮดโค้ชให้ ไฮเดราแมด ในปี 2020 ก่อนจะนำทีมคว้าแชมป์ลีกได้ทันทีในซีซั่น 2021-22 

จากนั้น มาร์เกวซ ก็ไปต่อที่ กัว เอฟซี และก็พาทีมคว้าถ้วย ซูเปอร์ คัพ 2025 ได้อีกต่างหาก

ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม มันจึงทำให้เขาถูกสมาคมฟุตบอลอินเดีย ทาบทาม แล้วก็เริ่มงานเมื่อกลางปี 2024 โดยปัจจุบันเขามีสถิติคุมทัพ เดอะ บลู ไทเกอร์ส ทั้งหมด 6 เกม แบ่งเป็นชนะ 1, เสมอ 4 และแพ้ 1 เกม

[ 4 ] ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

28 นักเตะที่ มาโลโน่ มาร์เกวซ เรียกตัวมาติดทีมชาติอินเดีย ถือว่าเต็มสูบพอสมควร เพราะขาดเพียง เกอร์พรีต ซิงห์ สันธู ผู้รักษาประตูจอมเก๋า, นิคิล พูจารี (แบ็กขวา), เจียกสัน ซิงห์ เธาเนาแจม (กองกลาง) และ ซาฮาล อับดุล ซามัด (กองกลาง) ซึ่งเป็นพวกขาประจำ เพียงสี่รายเท่านั้น

แต่คนอื่นๆ อย่าง สุนิล เชตรี หัวหอกวัย 40 ปี เจ้าของสถิติยิง 95 ประตูในนามทีมชาตินั้นบินมาเมืองไทย ด้วย เช่นเดียวกับ สันเดช จิงกัน กัปตันคนปัจจุบัน รวมไปถึง มันวีร์ ซิงห์ แนวรุกตัวเก่งที่ต้องระวังให้ดี

นอกจากนี้ ผู้เล่นจาก โมฮัน บากัน สโมสรแชมป์ลีกอินเดีย ฤดูกาล 2024-25 ก็ถูกเรียกตัวมาถึง 8 คน นำโดย วิศาล ไกธ์ ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำซีซั่นนั่นเอง

[ 5 ] นักเตะเด่น

สุนิล เชตรี เพิ่งประกาศอำลาทีมชาติไปเมื่อกลางปี 2024 ก่อนจะกลับลำเพื่อล่าสถิติสังหารประตูต่ออีกครั้งในวัย 40

หัวหอกคนนี้ซัดให้ เดอะ บลู ไทเกอร์ส ไปแล้ว 95 ประตูจาก 153 เกม ซึ่งตัวเลขนี้มีเพียง อาลี ดาอี (108 ประตู), ลีโอเนล เมสซี่ (112 ประตู) และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (136 ประตู) เท่านั้นที่เหนือกว่า

โดย ทีมชาติไทย เคยเป็นเหยื่อให้พี่แกยิงไป 2 ประตู จากการเผชิญหน้าทัพช้างศึกทั้งหมด 3 นัด แม้จะวัย 40 แต่ก็ไม่อาจะประมาท สุนิล เชตรี ได้แม้แต่วินาทีเดียว

[ 6 ] นักเตะน่าจับตามอง

มันวีร์ ซิงห์ ปีกขวาตัวฉกาจจาก โมฮัน บากัน สโมสรแชมป์ลีกอินเดีย ฤดูกาล 2024-25 กับฟอร์มอันเจิดจรัสหลังทำไป 6 ประตูกับอีก 6 แอสซิสต์ ในฤดูกาลล่าสุดที่เพิ่งจบลงไป

หมอนี่เป็นนักเตะแชมเปี้ยนตัวจริง เพราะได้สัมผัสโทรฟี่มากมายในประเทศ ทั้งตอนที่เล่นกับ กัว เอฟซี และต้นสังกัดปัจจุบัน รวมไปถึงในนามทีมชาติก็อยู่ในชุดเถลิงบัลลังก์ เอสเอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ (SAFF Championship) หรือศึกชิงถ้วยเอเชียใต้ เมื่อปี 2021 อีกด้วย

ความเก่งกาจของเขาคือนอกจากจะเป็นแนวรุกที่รูปร่างใหญ่ (สูง 1.87 เมตร) พี่แกยังมีทักษะและเซ้นส์ฟุตบอลที่เหลือร้าย ดังนั้นถ้าจะปิดเกมบุกของอินเดีย ก็ต้องไม่ให้บอลไปถึง มันวีร์ ซิงห์ บ่อยๆ นั่นเอง