5 จุดสังเกต ทีมชาติไทยชุดแรกของ มาซาทาดะ อิชิอิ!?

มาซาทาดะ อิชิอิ ประกาศ 23 รายชื่อขุนพลทีมชาติไทย ชุดบุกเยือนญี่ปุ่น ในวันแรกของปี 2024 ซึ่งคงเป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนฟุตบอลไม่น้อย เนื่องจากเขาเรียกตัวจากฟอร์มการเล่นกับสโมสร ดังนั้น 'SIAMSPORT' จึงหา 5 สิ่งที่น่าสนใจของทัพช้างศึกยุคใหม่มาให้คุณผู้อ่านได้ร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมๆ กัน!!

ทีมชาติไทย พบญี่ปุ่น วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2024 ณ สนามกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่น กรุงโตเกียว เวลา 12:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี 

[ 1 ] ศิษย์เก่าเขี้ยวสมุทรกับการร่วมงานอีกครั้งในทีมชาติ

มาซาทาดะ อิชิอิ ลัดฟ้าสู่เมืองไทย เพื่อไปคุม สมุทรปราการ ซิตี้ ในช่วงท้ายปี 2019 ก่อนจะประเดิมซีซั่นแรกบนแดนสยามคือฤดูกาล 2020-21

เวลานั้นชื่อของเขายังไม่เป็นที่คุ้นหูของแฟนๆ มากนัก แม้จะมีโปรไฟล์สุดหรูกับการนำ คาชิมะ แอนท์เลอร์ส คว้าแชมป์ เจลีก 2016 พ่วงด้วยการพาทัพกวางเขาเหล็กสู้ เรอัล มาดริด ชุดที่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้อย่างสูสีในศึกสโมสรโลก

ผลงานของ อิชิอิ ในปีแรกก็เปรี้ยงปร้างมากๆ เพราะเขาดึงศักยภาพของนักเตะไทย หลายๆ รายของ สมุทรปราการ ออกมาใช้ได้อย่างโดดเด่น ไล่ตั้งแต่ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, จักพัน ไพรสุวรรณ, ปฎิวัติ คำไหม, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, จักพัน ไพรสุวรรณ, ธีระพล เยาะเย้ย, พิชา อุทรา และ เอร์เนสโต้ ภูมิภา 

รายชื่อทั้งหมดนี้ถูกเรียกตัวสู่ทำเนียบช้างศึกอย่างเต็มภาคภูมิ แม้บางรายจะไม่ได้เข้าไปเป็นขาประจำ แต่อย่างน้อยนักเตะกลุ่มนี้ก็ถูกขัดเกลาโดยกุนซือชาวญี่ปุ่น จนยกระดับฝีเท้าของตนเองได้มากมาย

ข้ามมาถึงปี 2023 ที่ อิชิอิ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย และงานแรกก็จะประเดิมพบกับชาติบ้านเกิดตนเอง และแน่นอนว่าเขาได้ทำการเรียกผู้เล่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีชื่อของ เจริญศักดิ์, จักพัน, ปฎิวัติ และ พิชา ที่เป็นศิษย์เก่าสมัยคุมทัพ สมุทรปราการ ซิตี้ เข้ามาด้วย

ดังนั้นการได้ร่วมงานกับนักเตะที่คุ้นเคย ย่อมทำให้เทรนเนอร์วัย 56 ปี รู้ดีว่าจะดึงความสามารถของพวกเขาเหล่านี้ออกมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้เช่นไร ซึ่งถ้าพวกเขาเหล่านี้ฟอร์มดี รับประกันเลยว่าญี่ปุ่น ก็คงไม่ได้เคี้ยวเราง่ายๆ เช่นกัน

[ 2 ] บทบาทของ เอกนิษฐ์ และ ศุภโชค

เอกนิษฐ์ ปัญญา และ ศุภโชค สารชาติ คือสองผู้เล่นไทย ที่ค้าแข้งใน เจลีก โดยรายแรกกำลังไปได้สวยกับ อุราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส ส่วนรายหลังก็กลายเป็นกำลังหลักของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร 

ด้วยการที่เล่นในลีกมาตรฐานสูง ทำให้ทั้งคู่ยกระดับฝีเท้าไปอีกขั้น ทว่าก่อนหน้านี้ พอกลับมาเล่นให้ทีมชาติ ผลงานดันไม่เป็นไปตามความคาดหวัง โดยเฉพาะ ศุภโชค ที่ถูกมองว่ายังไม่ได้เล่นในตำแหน่งที่ตนเองถนัดจริงๆ

บทบาทของแนวรุกจาก ซัปโปโร นั้นมักจะถูก มิไฮโล เปรโตวิช จับไปยืนเป็นกองหน้ากึ่งปีกทางฝั่งซ้าย และผลงาน 7 ประตู จาก 24 เกม ในซีซั่น 2023 ก็บ่งชี้ได้ชัดเจนว่านี่คือพื้นที่ที่จะดึงศักยภาพของเขาออกมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ทว่าพอมาเล่นให้ทีมชาติในยุคของ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง กลายเป็นว่า สุภโชค ถูกโยกไปยืนทางฟากขวา และผลที่ออกมา ก็อย่างที่ทุกคนเห็นว่าเด็กหนุ่มจากจังหวัดศรีสะเกษ ไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาได้

ดังนั้นการเปลี่ยนมาเป็น มาซาทาดะ อิชิอิ จึงน่าสนใจว่า ศุภโชค จะได้เล่นในตำแหน่งใด

ส่วนในรายของ เอกนิษฐ์ ซึ่งค่อยๆ เข้ามามีส่วนร่วมกับ อุราวะ เร้ดส์ ทีละนิด ซึ่งส่วนมากหมอนี่จะถูกวางให้เป็นมิดฟิลด์ตัวรุก คอยสนับสนุนหัวหอกตัวเป้า 

การที่ทีมชาติไทย ชุดนี้ไม่มี ชนาธิป สรงกระสินธุ์ น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของกองกลางชาวเชียงราย เพราะมองมุมไหน ยังไงเขาก็ดูเหนือกว่าทุกคนที่ถูกเรียกตัวเข้ามา แต่สุดท้ายแล้ว คนที่ตัดสินใจคือ อิชิอิ ว่าจะให้ เอกนิษฐ์ ออกสตาร์ตในตำแหน่งใด

[ 3 ] ปราการหลังตัวกลางจะเป็นใคร

ตามรายชื่อที่ประกาศ แบบระบุตำแหน่ง ปรากฏว่ามีเซนเตอร์ฮาล์ฟติดเข้ามา 3 ราย ได้แก่ สุพรรณ ทองสงค์, จักพัน ไพรสุวรรณ และ เอเลียส ดอเดาะ ซึ่งแต่ละคนก็มีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป

สุพรรณ ฟอร์มดีกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด และมีส่วนสำคัญในเกมรับที่เสียไปเพียง 5 ประตู จาก 12 เกม ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดใน ไทยลีก 

จักพัน คลาสบอลเยี่ยม ทางบอลแจ๋ว และที่สำคัญคือเคยร่วมงานกับ มาซาทาดะ อิชิอิ มาแล้ว ดังนั้นกุนซือชาวญี่ปุ่น จึงมีคู่มือใช้งานเป็นอย่างดี

เอเลียส รูปร่างใหญ่ ลูกกลางอากาศไว้ใจได้ แถมยังมีลูกบู๊ทุ่มเทเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกครั้งที่ลงสนาม ไม่ว่าจะในระดับสโมสรหรือทีมชาติ

ทั้ง 3 คน คือกลุ่มปราการหลังตัวกลางชุดแรกที่ อิชิอิ เรียกตัวเข้าสู่ทัพช้างศึกชุดใหญ่ ทว่ายังมีอีกหนึ่งคนที่อยู่ในข่ายเซนเตอร์ฮาล์ฟนั่นคือ กฤษดา กาแมน

กัปตันทีม ชลบุรี เอฟซี คือนักเตะตัวเลือกแรกของ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ในตำแหน่งกองหลัง แต่พอกลับไปเล่นให้สโมสร เขาถูกจับไปยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับอยู่เสมอ

อาจจะจริงที่ กฤษดา เคยเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟมาตลอดในสมัยเยาวชน แต่ด้วยรูปร่างที่ไม่สูงใหญ่นัก จึงขยับขึ้นมาเป็นกองกลาง ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้ดีมากๆ เสียด้วย แม้ว่าต้นสังกัดของตนเองจะกำลังอยู่ในช่วงที่ย่ำแย่ แต่ฟอร์มส่วนตัวของเขายังอยู่ในระดับมาตรฐาน

ดังนั้นการเปลี่ยนจาก โพลกิ้ง เป็น อิชิอิ ซึ่งก็นิยมในระบบ 4-3-3 เช่นกัน จึงน่าสนใจว่าคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟจะเป็นการจับคู่ระหว่างใครคนใดบ้าง

[ 4 ] ศิวรักษ์ กับคุณค่าที่คู่ควร

ในตำแหน่งผู้รักษาประตู มาซาทาดะ อิชิอิ เลือกมาเพียง 2 คน คือ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน จอมหนึบจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ปฏิวัติ คำไหม มือกาวของ แบงค็อก ยูไนเต็ด

นี่คืออีกหนึ่งจุดที่น่าสังเกตมากๆ เพราะทั้งคู่คืออดีตผู้เล่นที่เคยร่วมงานกับกุนซือชาวญี่ปุ่น มาแล้วในระดับสโมสร

ปฏิวัติ คือมือหนึ่งของ สมุทรปราการ ซิตี้ สโมสรแรกในไทย ที่ อิชิอิ คุมทัพ เช่นเดียวกันกับ ศิวรักษ์ เองก็ครองพื้นที่เฝ้าเสาให้ บุรีรัมย์ มาอย่างยาวนาน ก่อนที่เทรนเนอร์วัย 56 จะมารับงานที่ ช้าง อารีน่า เสียอีก

 ดังนั้นการที่ อิชิอิ เรียกศิษย์เก่าในตำแหน่งผู้รักษาประตูมาเพียง 2 ราย มันจึงบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขารู้ดีว่าทั้งคู่มีเก่งกาจและสามารถช่วยทีมชาติไทย อย่างไรได้บ้าง

 แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือในรายของ ศิวรักษ์ ที่เพิ่งกลับมาติดทัพช้างศึกเป็นหนแรกในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง เพราะหนล่าสุดที่เขาเล่นให้ทีมคือเดือนมิถุนายน 2022 

 มันคือเรื่องเหลือเชื่อ เพราะหมอนี่คือหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดเท่าที่เมืองไทย เคยมีมา แถมผลงานกับต้นสังกัดก็ยังอยู่ในระดับสูงมากๆ แม้อายุจะใกล้วัย 40 แต่นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อฟอร์มในสนามของนายทวารชาวนครราชสีมา เลยสักนิด

การที่ อิชิอิ เรียกตัว ศิวรักษ์ กลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง มันจึงถือเป็นการให้เกียรติกับผู้รักษาประตูจอมเก๋าคนนี้ ซึ่งจากภาพการณ์ที่ออกมา 'มือหนึ่ง' ที่จะลงเฝ้าเสาในเกมกับญี่ปุ่น คงจะหนีไม่พ้นมือกาวจาก บุรีรัมย์ ไปไหนแน่นอน

[ 5 ] แผงมิดฟิลด์จะจัดตัวเช่นไร

รายชื่อผู้เล่นที่ มาซาทาดะ อิชิอิ เรียกเข้ามา น่าจะมีเพียง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, ธีราทร บุญมาทัน, นิโคลัส มิคเคลสัน และ ธีรศิลป์ แดงดา เท่านั้นที่การันตีตัวจริง โดยนอกนั้นต้องแย่งกันลงสนาม ไม่เว้นกระทั่ง 2 แข้ง เจลีก อย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา กับ ศุภโชค สารชาติ

คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟก็เดาใจได้ยาก ว่ากุนซือชาวญี่ปุ่น จะเลือกใคร, กองหน้ากึ่งปีกก็ดีๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น บดินทร์ ผาลา หรือ รุ่งรัตน์ ภูมิจันทึก ก็ฟอร์มร้อนแรงในลีก แถมยังมี ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ ที่ขยับมาเล่นได้ รวมไปถึง  ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เช่นกัน 

ดังนั้น เอกนิษฐ์ และ ศุภโชค จึงยังไม่ชัวร์ว่าจะได้ออกสตาร์ทเลยหรือไม่

แต่พื้นที่ที่ขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งกันเข้มข้นที่สุดคือแผงมิดฟิลด์ เพราะมีทั้ง สารัช อยู่เย็น, ปกเกล้า อนันต์, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, พิชา อุทรา และรวมไปถึง กฤษดา กาแมน ซึ่งทุกรายต่างก็ผลงานดีด้วยกันทั้งนั้น

หากเทียบเฉพาะประสบการณ์ สารัช ยืนหนึ่งแน่ แต่ด้วยความที่เฮดโค้ชเปลี่ยนมาเป็น อิชิอิ การจัดตัวก็มีโอกาสที่จะแตกต่างไปจากเดิม

นี่คือจุดที่น่าสนใจจริงๆ ว่าทีมชาติไทย ในยุคต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร เพราะกองกลางเก่งๆ ยังมีอีกมากมาย ขนาดว่า ฐิติพันธุ์ พ่วงจันทร์ ยังพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ ไม่เช่นนั้นการต่อสู้คงจะดุเดือดกว่านี้อีกหลายเท่า ไม่นับรวม ศิวกรณ์ เตียตระกูล, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และคนอื่นๆ ที่พร้อมจะรับใช้ชาติ

ทว่าเหนืออื่นใด อิชิอิ จะเลือกใครลงสนามในตำแหน่งมิดฟิลด์กับการเผชิญหน้าญี่ปุ่น ทีมอันดับหนึ่งของทวีปในวันที่ 1 มกราคม นั้นเป็นเรื่องที่ต้องติดตามแบบห้ามกะพริบตา



ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport