แทรกแซงทางการเมือง!แฟนบอลไทยหวั่นกลัวฟีฟ่าแบนทีมชาติ

สืบเนื่องจากประเด็นอันร้อนฉ่าของวงการฟุตบอลเมืองไทยเมื่อ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย กล่าวในการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย โดยลั่นวาจาไว้ว่า กีฬาฟุตบอลต้องคว้าเหรียญทองซีเกมส์ 2023 ที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-17 พ.ค.66 เท่านั้น หากพลาดเป้า "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งไป

ล่าสุด จากคำพูดดังกล่าวของ "บิ๊กป้อม" ทำให้แฟนบอลชาวไทยต่างผวากันเป็นแทบ เนื่องจากกลัวว่ามีโอกาสเข้าข่ายการแทรกแซงทางการเมือง เสี่ยงต่อการที่วงการฟุตบอลไทยอาจจะโดนบทลงโทษจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ "ฟีฟ่า" หรือไม่ จนเกิดเป็นกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายบนโลกโซเชียล เพราะที่ผ่านมาเคยมีประเทศที่โดนลงโทษแบนมาแล้วอย่างอินโดนีเซีย และปากีสถาน

โดยสมาคมกีฬาฟุตบอลอินโดนีเซีย ทำผิดกฎฟีฟ่า มาตรา 13 และ 17 ที่ระบุว่าสมาคมฟุตบอลของประเทศใดๆ จะต้องไม่ถูกแทรกแซงโดยการเมือง จึงส่งผลให้กีฬาฟุตบอลของทีมชาติอินโดนีเซีย ไม่ได้ร่วมแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติไปช่วงหนึ่ง

ขณะที่สมาคมกีฬาฟุตบอลปากีสถาน โดนลงโทษจากการแข่งขันเกมระดับนานาชาติที่ฟีฟ่ารับรอง หลังจากพบว่าองค์กรลูกหนังถูกแทรกแซงจากบุคคลที่สามซึ่งเป็นฝ่ายการเมือง และทำให้ "ไฟซัล ซาเลห์ ฮายัต" นายกลูกหนังปากีสถาน ซึ่งตอนนั้นเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารของเอเอฟซี ต้องถูกระงับการทำหน้าที่เอาไว้ชั่วคราว

สำหรับ พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย ในเรื่องการปลด คณะกรรมการ หรือกรรมการสมาคมฯ ให้อำนาจ กกท.ไว้ เขียนในมาตรา 86 กรณีที่กระทำการหรืองดเว้นปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของสมาคมกีฬา หรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดในประการที่น่าจะนำความเสื่อมเสียมาสู่กีฬาของชาติ ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม นายทะเบียน(กกท.) มีอำนาจออกคำสั่งให้ปฏิบัติการเป็นขั้นตอนต่างๆ จนถึงให้พ้นจากตำแหน่งนั่นเอง