เมื่อบอลไทยไม่ชนะ

ถ้าไม่คิดมาก ทัวร์นาเม้นต์คิงส์คัพคือ อุ่นเครื่อง ยังไง ทีมชาติไทย ก็เล่นสองนัด

ถ้าคิดมากชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพครั้งที่48 ถ้วยศักดิ์สิทธิ์ที่อายุเกินครึ่งศตวรรษ เราน่าจะได้เข้าไปลุ้นแชมป์ หรือเป็นแชมป์ 

แต่พอบอลออกมาแบบนี้  จากผลเสมอมาเลเซีย1-1 แบบหืดจับก่อนแพ้จุดโทษ เสียงวิจารณ์ก็มาไม่ขาดสาย 

รู้แหละว่าพวกเราคิดมาก ผมเองยังแอบคิดเลย 55

แล้วบอลไทยไม่เข้าชิงชนะเลิศคิงส์คัพ 48 เนี่ย แถมเสมอเพื่อนบ้านอาเซียนเนี่ย…ใครต้องรับผิดชอบ

ไม่ต้องมีมั้งหรือต้องมี….หรือแค่บอลเสมอจะอะไรขนาดนั้น

1 โค้ชมาโน่ + นักเตะ

มีการวิจารณ์เรื่องการจัดตัว 11 คนแรก สโมสรใช้อย่างหนึ่ง ทีมชาติใช้อีกตำแหน่งหนึ่ง  ผมว่าเรื่องนี้พูดยากอยู่นะครับ เพราะโค้ชทีมชาติกับโค้ชสโมสรมองการทำงานที่แตกต่างเป็นต้นทุน มันขึ้นกับมุมมอง ถ้าจะใช้เหมือนสโมสรก็ได้ แต่ทีมชาติไม่ได้เล่นเหมือนสโมสรอยู่แล้ว

ตัวอย่างเช่น ศุภชัย ใจเด็ด จะอยู่ตรงไหนดี ถ้ามี ธีรศิลป์ ยืนหน้าเป้า เขาก็สำรอง แต่ชั่วโมงนี้กวาดตาทั่วแผ่นดินสยามมีหน้าเป้าเลือดไทยคนไหนโดดเด่นกว่า ธีรศิลป์ รวมทั้ง3 คนที่เลือกมา ศุภชัย, ศุภณัฏฐ์ กระทั่ง ธีระศักดิ์ เผยพิมาย 

จะให้ มาโน่ เลือกใครในแผงหน้าเป้า 4-2-3-1 

เขาเลือก ศุภชัย ก็ดูดีสุดแล้วแม้สโมสรไม่เล่นเป้าก็ตามส่วนคนอื่นๆก็ขาประจำตัวหลักทั้งนั้น 

เพียงแต่ มาโน่ เลือกแล้ว แผนที่ใช้ในครึ่งแรก ไม่อาจทำไรได้เพราะโดนมาเลเซียเพรส ทั้งแดนบน แดนสอง จนเล่นเกมไม่ถนัดเลย 

ก็ต้องรับผิดชอบส่วนนี้ไปเต็มๆ ว่าได้ scout ฟอร์มเสือเหลืองยุคโค้ชคิม มากน้อยขนาดไหน

ฝั่งนักเตะบ้าง… 

ผมยืนยันและนั่งยัน รวมทั้งนอนตะแคงยัน...ว่า นักเตะของเรามีความสามารถเหนือกว่าเพื่อนบ้านอาเซียนแน่นอน ในเชิงเทคนิคและทักษะส่วนตัวครับ ส่วนทีมนั้นก็คงเป็นเรื่ององค์ประกอบสำคัญจากข้างสนามโค้ช, ทีมงาน รวมถึงสมาคมในการสร้างพื้นฐานฟุตบอลแบบให้เล่นด้วยกันเป็นทีมให้ได้

ถ้าดูเกมกันจริงๆแล้ว ก็ไม่ได้เลวร้ายย่ำแย่ขนาดนั้น

โอเค!!! ครึ่งแรกเล่นไม่ออก แถม โดนนำ ครึ่งหลังแก้เกมได้ ดีขึ้น มาเลเซียเองก็หมดพลังจะมาเพรสละ แค่ว่าเราจบสกอร์ไม่เด็ดขาดจากโอกาสที่มีให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา สองครั้งชัดๆ แม้มือกาว ฮัสมี ออกมาเร็วด้วยส่วนหนึ่ง แต่การได้ "โอกาสทอง" ในการหลุดเดี่ยวเข้ายิงประตู....ในเชิงฟุตบอลแล้ว...ต้องเข้าแหละ

กระนั้น การพลาดเป้าของ ศุภณัฏฐ์ ไม่ใช่เรื่องเสียหายด้วยอายุ20 ปี หน่วยก้านดีมาก มีความเร็วต้นและการวิ่งทำทางให้เพื่อนจ่ายและหลุดเดี่ยวเหลือแต่ยิงให้เข้าเท่านั้น

ตรงนี้คือมุมบวกๆมากที่ไม่ควรมองข้าม

2 มาเลเซีย

“เสือเหลือง”ชุดนี้คุมทีมโดย คิม ปาน กอน อดีตนักเตะอุลซาน ฮุนได ไม่ได้ติดทีมชาติเกาหลีใต้ เล่นบอลระดับลีกรองด้วยซ้ำ แต่มีชื่อเสียงเพราะงานด้าน "แทกติก" ฟุตบอล เขาเป็นที่ปรึกษาเป็นผู้ช่วยโค้ชในด้านแทกติกการเล่น ด้วยดีกรีจบ โปรไลเซนส์ จาก ยูฟ่า 

คิม เคยเป็นประธานเทคนิค สมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ มารับงานคุมทีมฮ่องกงชุด23 ปีและชุดใหญ่ โดยสมาคมฟุตบอลมาเลเซีย แต่งตั้งเขาเมื่อ ม.ค. ต้นปีนี้เองแทน ตัน เชง โฮ โค้ชชาวมาเลเซีย พอทำงานเขาก็เลือกสต๊าฟโค้ชเป็นเกาหลีหนึ่งคน คือ ปาร์ค โบ แบ ที่เหลือทางเอฟเอ มาเลเซีย จัดมาให้มีสเปนและ เอลา อดีตโค้ชทีมยู 23 ของมาเลเซีย มาช่วยงาน

พึ่งพาทีมไปรอบสุดท้ายเอเชียน คัพ 2023 ก่อนมาเจอไทยแลนด์ 

โค้ชคิม เหมือนถ่ายเลือดใหม่ก็จริงแต่เขาไม่ทิ้งของเก่านะครับ  เที่ยวนี้ไม่มีมือกาวเก๋าเกมที่ชื่อ ไฟริซอล เขาเลือกมือใหม่หัดเซฟ ซยีฮาน ฮัสมี ที่ไม่เคยติดทีมชาติจากสโมสร เนกรี เซมบิลัน 

เกมรับ; แบ๊กโฟร์ นั้น แมทธิว เดวิส แบ๊กขวา ก็ติดอยู่ก่อนแล้ว คู่เซนเตอร์ ดิออน คูลส์ นักเตะลูกครึ่งเบลเยียม-มาเลเซีย ที่เคยเล่นกับ โอเอช ลูเวิร์น, คลับ บรูช ติดทีมมาตั้งแต่โค้ช ตัน ปีที่แล้ว  คูไซมี กองหลังทีพึ่งถูกเรียกมา ส่วนคนยิงประตูแบ๊กซ้าย คอร์บิน ออง นี่ก็ชุดเดิม

แดนกลาง  ; อับดุล อาซิส, เบรนดัน กัน  นี่ก็เจอไทยมาในซูซูกิ เล่นกองกลางและเซนเตอร์ได้  และ อารีฟ ที่แม้อายุ 20 แต่เล่นมาสักพักแล้ว จากเจดีที

หน้าสาม ; ดาร์เรน ลอค ไม่ใช่ตัวหลัก เพราะ โค้ชคิม ให้ ซยาฟิค อาหมัดพักข้างสนาม โมฮัมหมัด ไฟซอล และ ซาฟาวีเบอร์11  ปีกที่กองหลังไทยเจอบ่อย 

ถ้าดูจาก 11 คนแรกแกนนำเดิมๆอยู่กัน 7-8 คน บวกกับตัวสำรองที่เคยชนะไทยมาตั้งแต่ยุคโค้ช ราเยวัช โน่นเลย อย่าง ซูมาเรห์ ที่โอนสัญชาติ ดูตกลงไปเยอะ ถูกโค้ชคิมจับนั่งไปแล้ว 

ส่วนที่ทำให้เราเหนื่อยครึ่งแรกคือ การไล่ "เพรสแดนบนและแดนสอง" จู่โจมเราก่อนเลย แล้วด้วยสไตล์โค้ชเกาหลี วิ่ง เข้าหา เข้าถึงตัวเร็ว เล่นบอลหนัก ดุดัน ไม่กลัว 

พอครึ่งหลังพอใช้พลังเยอะก็แผ่วตามระเบียบ น่าโดนหลายครั้ง ไงต้องให้เครดิตด้วยส่วนหนึ่งนะว่า...วางแผนมาแล้วเล่นได้ดีจริง

แล้วการชิงอันดับสามถือว่าล้มเหลวมั้ย?

อย่างที่บอกข้างต้น ถ้าไม่คิดมาก ก็แค่ friendly match

ถ้าคิดมากนี่ชัดเลย…ล้มเหลว

กระนั้นท่านนายกฯ ลุงอ๊อด เคยพูดไว้เมื่อ 2 เดือนที่แล้วนี่เอง… 

“การก้าวข้ามอาเซียนในความหมายของตน ไม่ใช่ว่าต้องเป็นหนึ่งในอาเซียน แต่แค่ลดความสำคัญลง ใช้เป็นเวทีในการพัฒนานักเตะ รายการที่ไม่ใช่ฟีฟ่ารับรองก็ควรจะลดความสำคัญลงไป” (ไทยรัฐ ออนไลน์ 31 ก.ค.2565)

ถ้าฟังจากลุงอ๊อด นายกลูกหนัง พอสรุปได้ว่า

การชิงอันดับ3 นั้น “ล้มเหลว” 

เพราะฟุตบอลคิงส์คัพ คือรายการที่ฟีฟ่า รับรอง

เป็น ’A’ match ต้องให้ความสำคัญ มีคิดคะแนนแรงกิ้งฟีฟ่าจะต้องเข้าชิงและเป็นแชมป์ให้ได้ 

อีกทั้งการโดนเพื่อนบ้านอาเซียนเข้ามาลูบคมถึงถิ่นแบบนี้ ย่อมสร้างความเซ็งในหัวใจให้แฟนานุแฟนบอลไทยยิ่งนัก

ไม่แปลกที่กระแสโซเชี่ยลจึงมุ่งหน้าหลั่งไหลไปยังอาคารสองชั้นใกล้ๆประตูรั้วทางเข้า กกท ฝั่งถนนรามคำแหง!!!

ไหลไปชื่นชม???

คงงั้นมั้งพี่JK

JACKIE 


ที่มาของภาพ : siamsport
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport