ถ้วยสุดท้ายประจำฤดูกาล 2024-25 อย่าง รีโว่ ลีก คัพ กำลังจะเปิดฉากฟาดแข้ง โดยมี ลำพูน วอร์ริเออร์ส กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะห้ำหั่น ซึ่งรายการนี้นอกจากโทรฟี่แล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจสำหรับปราสาทสายฟ้าว่าจะสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ในการเป็น '4 แชมป์' ได้หรือไม่ ดังนั้น 'SIAMSPORT' จึงขันอาสามาวิเคราะห์เจาะลึกถึงโอกาสที่ราชันโคขาวจะหยุดยั้งทีมเซราะกราวให้คุณได้อ่านกัน!!
*** รีโว่ ลีก คัพ 2024-25 นัดชิงชนะเลิศ ลำพูน วอร์ริเออร์ส พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 18:00 น. ณ บีจี สเตเดี้ยม ถ่ายทอดสดทาง True Visions Now (True Ball Thai 1) ***
[ 1 ] บุรีรัมย์ กับประวัติศาสตร์บทใหม่ที่กำลังรอจารึก
ซีซั่น 2024-25 บุรีรัมย์ ฟาดแชมป์ไปแล้ว 3 รายการ ได้แก่ ไทยลีก ตามด้วย Shopee Cup (ศึกชิงแชมป์สโมสรอาเซียน) และ ช้าง เอฟเอ คัพ ซึ่งสองรายการหลังนั้นอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่กระนั้นก็ทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ด้วยความที่ปราสาทสายฟ้าไม่เคยหยุดนิ่งต่อความสำเร็จ พวกเขากระหายที่จะครองเบอร์หนึ่งในทุกๆ ฤดูกาล นั่นจึงทำให้ก่อนหน้านี้ขุนพลเซราะกราวฟาดโทรฟี่ 3 ใบ ภายในปีเดียวมาแล้ว 5 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติที่ยากต่อการทำลายล้าง
ทว่าการที่ทัวร์นาเมนต์ Shopee Cup หรือศึกชิงความเป็นเบอร์หนึ่งของสโมสรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับมาแข่งขันกันอีกครั้ง ทำให้เพิ่มความท้าทายกับ บุรีรัมย์ อีกเท่าตัว และพวกเขาก็ทะยานสู่แชมป์ได้ดั่งใจปรารถนา
ดังนั้นจึงเหลือเพียง รีโว่ ลีก คัพ เท่านั้นที่ปราสาทสายฟ้าต้องการ ซึ่งถ้าสามารถเอาชนะ ลำพูน ได้สำเร็จ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ก็จะเริ่มจารึกทันที
[ 2 ] อเล็กซานเดร กามา ชื่อนี้การันตีความเขี้ยวลากดิน
อเล็กซานเดร กามา คือเฮดโค้ชชาวต่างชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการฟุตบอลไทย โดยแท้จริง การันตีด้วยถ้วยแชมป์ ไทยลีก 2 สมัย, ช้าง เอฟเอ คัพ 3 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย และ แม่โขง คัพ อีก 1 สมัย ซึ่งทั้งหมดได้กับการคุม บุรีรัมย์ รวมไปถึง เชียงราย ยูไนเต็ด เพียง 2 สโมสรเท่านั้น
โดยเฉพาะกับ เชียงราย ที่เขาเปรียบเสมือนผู้วางรากฐานอันมั่นคงให้กับสโมสร เพราะหลังจากที่แยกทางกันไป กว่างโซ้งมหาภัยก็กลายเป็นแชมป์ ไทยลีก 2019 ได้อย่างยิ่งใหญ่นั่นเอง
กุนซือชาวบราซิล อยู่เมืองไทย มาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งทำให้รู้จักวัฒนธรรมของชาวสยามเป็นอย่างดี ทั้งยังเคยก้าวไปเป็นเทรนเนอร์ของทัพช้างศึกชุดยู-23 และสโมสรใหญ่อย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด อีกต่างหาก
ด้วยประสบการณ์ที่เจนจัดในดินแดนขวานทอง บวกกับแท็กติกที่เขี้ยวลากดิน มันจึงส่งผลให้ กามา เป็นเฮดโค้ชที่แยบยลในเรื่องกลยุทธ์
เขาเข้ามาคุม ลำพูน เมื่อปลายปี 2022 ซึ่งตอนนั้นราชันโคขาวกำลังดิ้นรนหนีตกชั้น กระทั่งค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ และกลายเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นด้วยยากที่สุดในเมืองไทย ภายใต้การกำกับของบิ๊กบอสคนนี้
หากจะมีกุนซือคนใดในประเทศที่รู้จัก บุรีรัมย์ ดีที่สุด คงหนีไม่พ้น กามา ไปอย่างแน่นอน และเขานี่แหละจะเป็นกระดูกชิ้นโต ที่อาจจะดับฝัน '4 แชมป์' ของปราสาทสายฟ้าก็เป็นได้
[ 3 ] เกมรุกหลากมิติ+คมกริบ vs แผนรับวินัยสูง+แข็งแกร่ง
บุรีรัมย์ คือทีมที่มีแนวรุกอันน่าสะพรึงที่สุดในเมืองไทย เพราะไม่ว่า กีเญร์เม่ บิสโซลี่, ศุภชัย ใจเด็ด หรือ มาร์ติน เบากี ที่ยืนในตำแหน่งศูนย์หน้านั้นต่างก็ปิดสกอร์ได้เฉียบขาดทั้งนั้น
ส่วน ลูคัส คริสปิม ในบทเพลย์เมเกอร์ก็ทั้งยิง-ทั้งจ่ายและสร้างประโยชน์ให้ทีมมหาศาล
ขาดเพียงแค่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่พักรักษาอาการบาดเจ็บ ไม่เช่นนั้นเกมบุกของปราสาทสายฟ้าจะยิ่งทวีคูณความอันตรายอีกหลายเท่าตัว
นอกจากนี้พวกเขายังมี โกรัน เคาซิช ที่มักจะสอดไปอยู่ในตำแหน่งที่ดีได้บ่อยๆ ซึ่งหมอนี่คือนักเตะประเภท 'แมตช์ วินเนอร์' ในเกมสำคัญซะด้วย ทั้งยังต้องไม่ลืมฟรีคิกระยะหวังผลของ ธีราทร บุญมาทัน อีกหนึ่งคน
เรียกได้ว่ามิติในเกมรุกของ บุรีรัมย์ นั้นหลากหลายและยากเกินที่จะต้านทานได้
ขณะที่ฝั่ง ลำพูน ซึ่งมี อเล็กซานเดร กามา เป็นกุนซือ ซึ่งแน่นอนว่าเฮดโค้ชชาวบราซิล เลื่องชื่อเรื่องเกมรับที่มีวินัย และใช้จังหวะสวนกลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้จะจบอันดับ 8 ของ ไทยลีก 2024-25 แต่พวกเขาคือทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดเป็นลำดับ 5 ของตารางคะแนน อันเป็นตัวเลขที่ดีกว่า เมืองทอง ยูไนเต็ด, ราชบุรี เอฟซี และ การท่าเรือ เสียด้วยซ้ำ
นี่คือจุดแข็งของ ลำพูน ที่ยากแก่การเจาะเข้าไป โดยเฉพาะคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟอย่าง วิคตอร์ คาร์โดโซ่ กับ ทศพล ลาเทศ ที่อาจจะอายุทะลุ 35 ปี ทั้งคู่ แต่พวกเขาใช้การอ่านเกมที่เฉียบคม ดักตัดบอลได้อยู่เสมอ
เมื่อรวมกับบรรดาแข้งจอมฟิต ไม่ว่าจะเป็น อัครพงษ์ พุ่มวิเศษ, วิทยา มูลวงศ์, นัทที น้อยวิไล และบรรดาแดนกลางที่พร้อมจะลงมาช่วยป้องกันประตู มันยิ่งทำให้กำแพงแนวรับของราชันโคขาวยากยิ่งที่จะเจาะเข้าไป
ดังนั้นระหว่าง ลำพูน กับ บุรีรัมย์ จึงเป็นเหมือนการปะทะกันระหว่างทีมที่มีกองหลังสุดเหนียวแน่นและทีมที่มีเกมรุกสุดดุดันนั่นเอง
[ 4 ] จุดเปราะบางของปราสาทสายฟ้า...ที่ราชันโคขาวต้องเจาะให้ได้
แม้จะดุดันเพียงใด แต่ก็หาใช่ที่ บุรีรัมย์ จะไร้จุดอ่อน โดยเฉพาะเวลาที่โดนเพรสซิ่งสูงจากฝั่งตรงข้าม แนวรับอย่าง เคนเน็ธ ดูกัลล์, เคอร์ติส กู๊ด และ โก มย็อง-ซ็อกต่างก็มีอาการให้เห็น ตัวอย่างชัดเจนในเกมที่พบกับ กง อันห์ ฮา นอย ในถ้วย Shopee Cup ทั้งสองนัดที่บรรดากองหลังปราสาทสายฟ้ามีหลุดตำแหน่งในบางจังหวะ ยิ่งถ้าฟูลแบ็กทั้งขวาและซ้ายดันขึ้นสูง เท่ากับเปิดโอกาสให้คู่แข่งได้ใช้จังหวะสวนกลับทันที
นี่คือสิ่งที่ อลเกซานเดร กามา ย่อมรู้ดี เขาน่าจะกำชับให้ลูกทีมเล่นบอลเร็วและจู่โจมให้แม่นยำเมื่อถึงแดนสาม โดยเฉพาะการอาศัยความคล่องของตัวรุกอย่าง โมฮาเหม็ด ออสมาน, เนเกบา และ อนันต์ ยอดสังวาลย์ ปิดสกอร์ให้ได้
น่าเสียดายที่ หม่อง หม่อง ลวิน ปีกทีมชาติเมียนมาร์ ติดโทษพักแข้ง มิเช่นนั้นราชันโคขาวจะมีทางเลือกเพิ่มอีกหลายมิติ
นอกจากนี้ ลูกตั้งเตะยังเป็นอีกหนึ่งไพ่เด็ดของ ลำพูน เพราะว่าพวกเขามีทั้ง วิคตอร์ คาร์โดโซ่ ซึ่งเป็นจ้าวเวหา รวมไปถึง เจฟแฟร์ซอน อัสซิส ศูนย์หน้าบราซิล, จูเนียร์ บาติสต้า หัวหอกเจ้าของส่วนสูง 1.92 เมตร ซึ่งแต่ละรายพร้อมที่จะทำประตูทุกวินาที พ่วงด้วย ออสมาน เพลย์เมเกอร์ที่เปิดฟรีคิกได้แม่นยำ
หากว่าราชันโคขาวปิดจุดแข็งของ บุรีรัมย์ สำเร็จ แล้วโจมตีไปที่จุดเปราะบาง พวกเขาก็มีโอกาสที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องใช้โอกาสที่มีอย่างคุ้มค่า เพราะว่าปราสาทสายฟ้ามักจะไม่ปล่อยให้คู่แข่งได้สับไกง่ายๆ เลย
[ 5 ] ฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศ อะไรก็เกิดขึ้นได้
ในโลกของฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมนัดชิงชนะเลิศ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แม้ว่า บุรีรัมย์ จะดูเหนือกว่าในทุกมิติ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในเกมแบบนี้คือเรื่องของ 'ใจ' และ 'การจัดการ' ทั้งการจัดการความกดดัน, การจัดการแท็กติกและการจัดการสภาพร่างกายของนักเตะ
สำหรับปราสาทสายฟ้า แรงกดดันในการสร้างประวัติศาสตร์ 4 แชมป์ จะเป็นสิ่งที่ท้าทายจิตใจของพวกเขาอย่างแท้จริง หากประมาท หรือเล่นแบบเกร็งๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ก็อาจเปิดช่องให้คู่แข่งได้
ทางฝั่ง ลำพูน ที่มาในฐานะ 'มวยรอง' ก็ไม่มีอะไรจะเสีย ทุกอย่างคือกำไร การเล่นด้วยใจที่เกินร้อย, ความมุ่งมั่นและการทำตามแผนของ อเล็กซานเดร กามา อย่างเคร่งครัดจะเป็นกุญแจสำคัญที่อาจนำพาสู่ความสำเร็จเหนือความคาดหมาย
ฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศไม่ได้ตัดสินกันที่ชื่อชั้นหรือสถิติที่ผ่านมาเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ โอกาสที่มาถึงเพียงครั้งเดียว และหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของนักสู้ทั้งสองฝ่าย
หลายต่อหลายครั้งที่ทีมที่ด้อยกว่าหักปากกาเซียน เอาชนะทีมที่เหนือกว่า
แจ็กผู้ฆ่ายักษ์มีให้เห็นมานักต่อนักเช่นกัน
วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2025 เราจะได้เห็นกันว่าประวัติศาสตร์หน้าใหม่จะถูกจารึกโดย บุรีรัมย์ หรือจะถูก ลำพูน พลิกตำราหยุดยั้งเอาไว้??