ช้าง เอฟเอ คัพ 2024-25 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะฟาดแข้งกันในวันวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม เวลา 18:00 น. ซึ่งเกมนี้แฟนฟุตบอลชาวไทย ทุกหมู่เหล่าต่างรู้ดีว่านี่คือศึกแห่งศักดิ์ศรี มันไม่ใช่แค่เกมการแข่งขัน
ดังนั้น 'SIAMSPORT' จึงรวบรวม 10 เรื่องที่น่าสนใจ เพื่อเพิ่มอรรถรสก่อนที่คู่นี้จะลงสนามห้ำหั่นกัน!!
[ 1 ] เส้นทางของทั้ง 2 ทีม
เมืองทอง ยูไนเต็ด
- รอบ 64 ทีมสุดท้าย I ชนะ ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด (ไทยลีก 2) 3-0 (เหย้า)
- รอบ 32 ทีมสุดท้าย I ชนะ นครปฐม ยูไนเต็ด (ไทยลีก) 4-0 (เยือน)
- รอบ 16 ทีมสุดท้าย I ชนะ แบงค็อก ยูไนเต็ด (ไทยลีก) 2-1 (เยือน)
- รอบก่อนรองชนะเลิศ I ชนะ สุโขทัย เอฟซี (ไทยลีก) 5-2 (เยือน)
- รอบรองชนะเลิศ I ชนะ ราชบุรี เอฟซี (ไทยลีก) 3-2 (สนามกลาง)
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
- รอบ 64 ทีมสุดท้าย I ชนะ ร้อยเอ็ด ยูไนเต็ด (ไทยลีก 3) 4-0 (เยือน)
- รอบ 32 ทีมสุดท้าย I ชนะ มหาสารคาม เอสบีที (ไทยลีก 2) 5-0 (เยือน)
- รอบ 15 ทีมสุดท้าย I ชนะ เชียงราย ยูไนเต็ด (ไทยลีก) 2-1 (เหย้า)
- รอบก่อนรองชนะเลิศ I ชนะ จันทบุรี เอฟซี (ไทยลีก 2) 1-0 (เยือน)
- รอบรองชนะเลิศ I ชนะ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (ไทยลีก) 3-0 (สนามกลาง)
[ 2 ] ดาวยิงสูงสุดประจำถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ
เมืองทอง ยูไนเต็ด
- ปรเมศย์ อาจวิไล และ เมลวิน ลอเรนเซ่น (5 ประตู)
เมืองทอง ทำสกอร์ในทัวร์นาเมนต์นี้ไปทั้งหมด 17 ประตู โดยกว่าครึ่งหนึ่งมาจาก ปรเมศย์ อาจวิไล และ เมลวิน ลอเรนเซ่น ที่กดไปคนละ 5 เม็ด (รวมเป็น 10 ประตู)
สองแนวรุกฟอร์มร้อนแรงต่างก็ทำผลงานใน เอฟเอ คัพ อย่างโดดเด่น โดยหัวหอกทีมชาติไทย เป็นผู้ยิงประตูชัยให้เฉือนชนะ แบงค็อก ยูไนเต็ด ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนจะทำได้อีกครั้งกับแมตช์พิชิต ราชบุรี เอฟซี 3-2
ขณะที่ ลอเรนเซ่น นั้นกดแฮตทริกได้ในรอบ 32 ทีมสุดท้ายที่บุกไปถล่ม นครปฐม ยูไนเต็ด ก่อนจะยิง 1 จ่าย 1 พาทีมเชือดราชันมังกรในรอบรองชนะเลิศนั่นเอง
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
- กีเญร์เม่ บิสโซลี่
เจ้าของรางวัล 'ดาวซัลโว' ไทยลีก 2024-25 ยังคงมาตรฐานระดับสูงในถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ เพราะกดไปคนเดียวเพียวๆ 5 ประตู จาก 5 เกม โดยมีหนึ่งแฮตทริกในเกมบุกยำ มหาสารคาม เอสบีที 5-0
สำหรับ บุรีรัมย์ ทำสกอร์ในทัวร์นาเมนนี้ไป 15 ประตู
[ 3 ] จอมแอสซิสต์ในถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ
เมืองทอง ยูไนเต็ด
- กรวิชญ์ ทะสา
แนวรุกทีมชาติไทย ชุดล่าสุดกำลังอยู่ในฟอร์มที่เจิดจรัส โดยเฉพาะ ช้าง เอฟเอ คัพ 2024-25 ที่ส่งบอลให้เพื่อนทำไปแล้ว 5 ประตู แถมยังมีส่วนร่วมกับทีมทุกเกมตลอดเส้นทางตั้งแต่รอบ 64 ทีม มาจนรอบรองชนะเลิศ
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
- ศุภชัย ใจเด็ด
อดีตดาวซัลโว ไทยลีก 2 สมัยติดต่อกันโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ กับการยิงไป 3 ประตู และทำอีก 4 แอสซิสต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดของปราสาทสายฟ้าในทัวร์นาเมนต์นี้
[ 4 ] เฮดโค้ช
เมืองทอง ยูไนเต็ด
- จิโน่ เล็ตติเอรี่
กุนซือชาวอิตาลี เพิ่งเข้ามาคุมกิเลนผยองในฤดูกาล 2024-25 โดยช่วงแรกยังไม่อาจปรับจูนทีมได้ตามหวัง แต่ก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ หลังผ่านครึ่งซีซั่น พร้อมกับรีดศักยภาพ ปรเมศย์ อาจวิไล, คคนะ คำยก และบรรดาดาวรุ่ง เมืองทอง ออกมาใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ
สถิติของ เล็ตติเอรี่ ในทุกรายการคือ 44 เกม ชนะ 22 เสมอ 8 แพ้ 15 โดยผลงานเด่นคือการพาทีมทะลุชิงชนะเลิศ ช้าง เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ซึ่งการบุกชนะ แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ สุโขทัย เอฟซี ถึงถิ่น นั้นจัดว่ายอดเยี่ยมที่เดียว
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
- ออสมาร์ ลอสส์
เฮดโค้ชวัย 49 ปี เพิ่งถูกแต่งตั้งให้เป็นเทรนเนอร์ บุรีรัมย์ ในซีซั่นปัจจุบันเช่นกัน แต่รายนี้ฟาดไปแล้ว 2 แชมป์ คือ ไทยลีก และ Shopee Cup ทั้งยังพาปราสาทสายฟ้าไปไกลถึงรอบ 8 ทีม สุดท้าย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิต อีกต่างหาก
ส่วนสถิติในฤดูกาล 2024-25 ที่เขาคุมทัพเซราะกราว พี่แกนำลูกทีมลงเล่น 59 แมตช์ แบ่งเป็นชนะ 40, เสมอ 11 และแพ้ 8 นัด ซึ่งถ้าอีก 2 นัดที่เหลือเก็บชัยได้รวด เท่ากับว่า บุรีรัมย์ จะกลายเป็นสโมสรแรกในเมืองไทย ที่ได้แชมป์ 4 ใบ ในปีเดียว
[ 5 ] กัปตันทีม
เมืองทอง ยูไนเต็ด
- พิชา อุทรา
ลูกหม้อกิเลนผยอง เพราะอยู่กับสโมสรมาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะออกไปโบยบินที่อื่นอยู่พักหนึ่ง แต่ก็กลับมาปักหลักเป็นฟันเฟืองสำคัญในแดนกลางให้กับทีม
จุดเด่นของ พิชา คือทักษะลูกหนังเหลือร้าย เขาทำเรื่องยากให้กลายเป็นง่าย อีกทั้งยังเป็นนักเตะที่อ่านเกมได้เก่ง จึงมักจะดักจังหวะตัดบอลสวยๆ ได้อยู่เสมอ
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
- ธีราทร บุญมาทัน
หายบาดเจ็บกลับมาลงสนามได้ในห้วงเวลาที่พอเหมาะพอเจาะ ซึ่งการมีเขาอยู่ในสนาม เท่ากับว่าคุณจะมีอาวุธเปิดป้อนสู่กองหน้าทุกวินาที
อดีตแชมป์ เจลีก 2019 อาจจะเพิ่มพูนด้วยอายุ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะมันสมองของเขายังคงปราดเปรื่อง บอลจากเท้า ธีราทร สามารถพลิกสถานการณ์การแข่งขันได้ในชั่วพริบตา
[ 6 ] คีย์แมน
เมืองทอง ยูไนเต็ด
- คคนะ คำยก
มิดฟิลด์วัยเพียง 21 ปี กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรงมากๆ ล่าสุดถูกเรียกติดทีมชาติไทย ชุด ฟีฟ่า เดย์ มิถุนายน 2025 และทำท่าว่าจะเป็นขาประจำของทัพช้างศึกไปอีกยาว ด้วยพัฒนาการที่ไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ
คคนะ เต็มไปด้วยพรสวรรค์เชิงลูกหนังแบบครบครัน ครองบอลเหนียวแน่น, จ่ายแม่นยำ, ฉลาดเป็นกรด และฤดูกาล 2024-25 ยังเป็นรองดาวยิงของสโมสรด้วยจำนวน 12 ประตู (8 แอสซิสต์) จากการมีส่วนร่วม 42 เกม ในทุกรายการ
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
- ศุภชัย ใจเด็ด
3 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ ในถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ 2024-25 ถือเป็นสถิติที่บ่งชี้ถึงความสำคัญของ ศุภชัย ในรายการนี้
แม้ดาวยิงชาวปัตตานี จะถูกวิจารณ์ในเรื่องฟอร์มการเล่นที่ขาดความสม่ำเสมอ แต่เมื่อใดที่ท็อปฟอร์ม ก็ยากที่แนวรับฝั่งตรงข้ามจะหยุดยั้งเขาได้เช่นกัน
[ 7 ] นักเตะตัวโจ๊กเกอร์
เมืองทอง ยูไนเต็ด
- เอมิล โรบัค
อดีตแนวรุก เอซี มิลาน อาจจะยิงไปเพียงประตูเดียวใน ช้าง เอฟเอ คัพ 2024-25 แต่เขาเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นตัวหลักที่ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอในทัวร์นาเมนต์นี้
จุดเด่นของ โรบัค คือความเร็ว หากว่าแนวรับ บุรีรัมย์ เปิดช่องเพียงนิดเดียว เขาก็สามารถทะลุถึงกรอบ 18 หลา ได้ทันที ซึ่งจุดนี้เองที่ เมืองทอง น่าจะใช้โจมตีแดนหลังของปราสาทสายฟ้า
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
- เสกสรรค์ ราตรี
แม้จะถูกวิจารณ์กับการเล่นให้ทีมชาติไทย ชนิดที่เละเทะ แต่เชื่อเถิดว่า เสกสรรค์ เป็นนักเตะที่กำลังจะเติบใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะเขาได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดและเตรียมก้าวข้ามไปอย่างมั่นคง
แข้งชาวราชบุรี อาจจะมีส่วนร่วมกับ บุรีรัมย์ ใน ช้าง เอฟเอ คัพ 2024-25 น้อยนิด แต่กระนั้น ถ้าได้รับโอกาสลงเล่น มั่นใจได้เลย เขาจะเป็นตัวโจ๊กเกอร์ที่คุณคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน
[ 8 ] สถิติการเผชิญหน้ากันในถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ
เมืองทอง กับ บุรีรัมย์ เจอกันในถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ ทั้งหมด 5 ครั้ง
ผลการแข่งขันปรากฏว่า...
เอฟเอ คัพ 2011 I รอบชิงชนะเลิศ I บุรีรัมย์ 1 - 0 เมืองทอง
เอฟเอ คัพ 2013 I รอบรองชนะเลิศ I บุรีรัมย์ 1 - 0 เมืองทอง
เอฟเอ คัพ 2015 I รอบชิงชนะเลิศ I บุรีรัมย์ 3 - 1 เมืองทอง
เอฟเอ คัพ 2016 I รอบ 16 ทีมสุดท้าย I เมืองทอง 3 - 1 บุรีรัมย์
เอฟเอ คัพ 2020-21 I รอบก่อนรองชนะเลิศ I บุรีรัมย์ 2 - 0 เมืองทอง
ส่วนการเผชิญหน้ากันในฟุตบอลถ้วยหนล่าสุดคือ รีโว่ ลีก คัพ 2023-24 เป็น เมืองทอง ที่ชนะ บุรีรัมย์ ไปได้ 2-0
[ 9 ] การปะทะกันระหว่างทีมที่อุดมไปด้วยแข้งต่างชาติกับนิยมผู้เล่นไทย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า บุรีรัมย์ นั้นคือสโมสรที่อัดแน่นไปด้วยผู้เล่นคุณภาพสูง ไม่ว่าจะโควตาต่างชาติ, เอเชีย หรืออาเซียน แต่ละรายที่พวกเขาอิมพอร์ตนั้นสามารถยกระดับทีมได้ชัดเจน
โกรัน เคาซิช, กีเญร์เม่ บิสโซลี่, ลูคัส คริสปิม, มาร์ติน เบากี, ปีเตอร์ ซูล์จ, เคอร์ติส กู๊ด, โก มยอง-ซ็อก คือแข้งนอกที่เก่งกาจสามารถขนาดแท้
ส่วนโควตาอาเซียน อย่าง นีล เอเธอร์ริดจ์, ดิออน คูลส์ และ เจฟเฟอร์สัน ทาบินาส นั้นเกรดยุโรป ชัดๆ ไหนจะมี เคนเน็ธ ดูกัลล์ ซึ่งถือพาสปอร์ตไทย อีกราย
นั่นจึงทำให้แต่ละเกมที่ บุรีรัมย์ ลงแข่งขัน จึงมีนักเตะไทย แซมอยู่ราวๆ 4-5 คน เท่านั้น ยิ่งเป็นในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิต พวกเขาแทบจะใช้บริการแข้งนอกแบบยกชุดเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ผิด เนื่องจากเป็นกติกาที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกัน
ส่วนฝั่ง เมืองทอง - ปัจจุบันกิเลนผยองนิยมให้โอกาสกับบรรดาผู้เล่นอายุน้อย รวมไปถึงนักเตะที่เติบโตจากระบบอะคาเดมี่ของสโมสร
ดังจะเห็นได้จากการที่พวกเขามักจะมีดาวรุ่งพุ่งขึ้นมาตลอดในหลายๆ ฤดูกาล ซึ่งล่าสุดก็มี สิรดนัย โพธิ์ศรี และ ธีรภัทร นันทโกวัฒน์ ที่ก้าวขึ้นมาเฉิดฉาย
ไม่นับรวม ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท, ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ, กรวิชญ์ ทะสา รวมไปถึง คคนะ คำยก ที่ต่างก็ทะยานสู่ทีมชาติชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อย
บางแมตช์ กิเลนผยองส่งโควตาต่างชาติลงสนามแค่คนเดียว และส่วนมากก็มักจะใช้เล่นไม่เกิน 5 ราย (รวมอาเซียน) เพราะต้องการเปิดพื้นที่ให้แข้งไทย ได้แสดงศักยภาพนั่นเอง
ดังนั้นระหว่าง เมืองทอง กับ บุรีรัมย์ จึงเป็นเหมือนการปะทะกันระหว่างทีมที่อุดมไปด้วยแข้งต่างชาติกับนิยมผู้เล่นไทย นั่นเอง
[ 10 ] เดิมพันด้วยประวัติศาสตร์บทใหม่
คอลูกหนังชาวไทย ต่างรู้ดีว่าระหว่าง เมืองทอง กับ บุรีรัมย์ นั้นเป็นมากกว่าเกมฟุตบอล เพราะทั้งสองสโมสรมีเรื่องราวยึดโยงกันมานานนับสิบปี
แม้ระยะหลังกิเลนผยองจะร้างราความสำเร็จไปนาน แต่พวกเขายังคงเป็นทีม 'เบอร์หนึ่ง' ที่ปราสาทสายฟ้าไม่เคยยอมให้
วลีอมตะ "แพ้ใครแพ้ได้ แต่ไม่แพ้ เมืองทอง" ยังสนั่นในโสตประสาทของกองของสองฝั่ง
บุรีรัมย์ อาจจะสัมผัส เอฟเอ คัพ มาแล้ว 6 สมัย แต่หนนี้นั้นแตกต่างกับครั้งก่อนๆ โดยสิ้นเชิง เพราะมันคืออีกโทรฟี่ที่จะเติมเต็มสู่การเป็นทีมแรกในเมืองไทย ที่ได้ 4 แชมป์ ซึ่งถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของทั้งสโมสรและสยามประเทศ
ขณะเดียวกัน ทางฝั่ง เมืองทอง นั้นกวาดทุกถ้วยมาหมดบนแผ่นดินขวานทอง แต่พวกเขายังไปไม่ถึงแชมป์ เอฟเอ คัพ เลยสักครั้ง เพราะได้เพียงพระรอง 3 หน ซึ่งก็ปราชัยต่อปราสาทสายฟ้าในนัดชิงชนะเลิศ 2 ครั้งนั่นเอง
ดังนั้นนี่คือโอกาสที่ดีที่พวกเขาจะคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ที่ถวิลหามาแสนนาน อีกทั้งยังเป็นการดับฝันไม่ให้อริจากโซนอีสานไปถึงดวงดาวซะด้วย
นัดชิงชนะเลิศ ช้าง เอฟเอ คัพ 2024-25 จึงเป็นเกมที่เดิมพันด้วยหน้าประวัติศาสตร์ของทั้งสองสโมสรโดยแท้จริง