24 สถาบันพร้อมบู๊ศึกลูกหนังปัญญาชนประเทศไทยรอบสุดท้ายเดือนก.ย.นี้

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2568 ที่ห้องประชุมแถลงข่าวชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สป.อว.(ถนนโยธี) สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นางสาววราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานแถลงข่าว และจับสลากการแข่งขันฟุตบอลชิงชนะเลิศมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3 รอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ ชิงถ้วยรางวัลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมทุนการศึกษา รวม 1,000,000 บาท

ภายในงานได้รับเกียรติจาก รองศาตราจารย์บัญชา ชลาภิรมย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงชนะเลิศฯ ครั้งที่ 3, รองศาสตราจารย์ภาสกร นันทพานิช รองประธานกรรมการจัดการฟุตบอลชิงชนะเลิศฯ ครั้งที่ 3, นายมนตรี เครือวัลย์ รองประธานกรรมการจัดการฟุตบอลชิงชนะเลิศฯ ครั้งที่ 3 และนายไวกูณฐ์ ครองยุทธ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี (เจ้าภาพรอบชิงชนะเลิศ) ร่วมแถลงข่าว

สำหรับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลชิงชนะเลิศมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3 เป็นหนึ่งในโครงการของสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ตระหนักถึงความสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมของนิสิตนักศึกษา โดยให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูกิจกรรมด้านการกีฬาระหว่างสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งกำหนดจัดการแข่งขัน 2 รอบ คือ รอบคัดเลือกระดับภูมิภาค 5 ภาค และรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ

การแข่งขันรอบคัดเลือกระดับภูมิภาค 5 ภาค ได้ทำการแข่งขันเสร็จสิ้นแล้ว โดยแข่งขันระหว่างวันที่ 2-30 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้ทีมตัวแทนภาคจำนวน 22 ทีม พร้อมด้วยทีมเจ้าภาพ 1 ทีม และทีมแชมป์เก่า 1 ทีม รวมทั้งสิ้น จำนวน 24 ทีม ผ่านเข้ามาเล่นรอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1–10 ก.ย.2568 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี

สำหรับ 24 ทีมที่ผ่านเข้าร่วมสุดท้าย ประกอบด้วย 1. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (เจ้าภาพ), 2.มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ (แชมป์เก่า), 3.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 4.มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, 5.มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี, 6.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 7.มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่, 8.มหาวิทยาลัยปทุมธานี, 9.มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, 10.วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย, 11.มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 12.มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา, 13.มหาวิทยาลัยทักษิณ, 14.มจพ.พระนครเหนือ, 15.มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 16.มหาวิทยาลัยศิลปากร, 17.มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต, 18.มหาวิทยาลัยนเรศวร, 19.มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, 20.มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 21.มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 22.มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล, 23.มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช และ 24.มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ในส่วนของรูปแบบการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ แบ่งการออกเป็น 3 รอบ ได้แก่ โดยรอบแรก จัดการแข่งขันแบบแบ่งสาย แบ่งออกเป็น 8 สาย สายละ 3 ทีม โดยวิธีจับสลาก และในแต่ละสายแข่งขันแบบพบกันหมด ทีมที่ได้คะแนนเป็นที่ 1 และที่ 2 ของแต่ละสายเข้าทำการแข่งขันในรอบต่อไป

จากนั้นในรอบที่สอง จัดการแข่งขันแบบแพ้คัดออก โดยให้จับสลากทีมอันดับที่ 1 ของสายเข้าสู่ตำแหน่งทีมยืน และให้จับสลากทีมอันดับที่ 2 ของสายมาประกบคู่กับทีมอันดับที่ 1 โดยทีมที่มาจากสายเดียวกันในรอบแรก ต้องไม่พบกันในรอบนี้

จากนั้นรอบที่สาม รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศให้แข่งขันแบบแพ้คัดออกตามสายการแข่งขัน โดยทีมที่แพ้ในรอบรองชนะเลิศให้แข่งขันชิงอันดับที่ 3 และทีมที่ชนะในรอบรองชนะเลิศจะแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ

ขณะที่รางวัลการแข่งขัน จะเป็นถ้วยรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยรางวัลการแข่งขันสำหรับทีมที่ผ่านรอบคัดเลือกเข้าสู่ รอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศจะได้รับเงินรางวัล  สนับสนุนทีมละ 20,000 บาท จำนวน 22 ทีม รวมเป็นเงิน 440,000 บาท ส่วนรอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ ดังนี้ รางวัลชนะเลิศ ได้รับถ้วยรางวัล เหรียญรางวัลและเงินรางวัล 400,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้รับเหรียญรางวัล และเงินรางวัล 200,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้รับเหรียญรางวัล และเงินรางวัล 100,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้รับเงินรางวัล 80,000 บาท และรางวัลทีมที่ตกรอบ รอบก่อนรองชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัลทีมละ 55,000 บาท