ทีมชาติสิงคโปร์ บุกเอาชนะ ทีมชาติฮ่องกง 2-1 ในฟุตบอลเอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก รอบสาม นัดที่ 5 ทำให้การันตีเข้ารอบสุดท้ายที่ ซาอุดิอาระเบีย เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในรอบ 43 ปี หลังจากก่อนหน้านี้พวกเขาลงเล่นรอบสุดท้ายในฐานะเจ้าภาพจัดการแข่งขันในปี 1984 หากจะนับเฉพาะการต่อสู้แบบรอบคัดเลือกนี่กลายเป็นครั้งแรกของสิงคโปร์ที่ทยานสู่รอบสุดท้าย
ทีมชาติสิงคโปร์สร้างประวัติศาสตร์สำคัญในวงการลูกหนังของชาติ เมื่อพวกเขาสามารถบุกไปเอาชนะทีมชาติฮ่องกงได้ด้วยสกอร์ 2-1 ในการแข่งขันเอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือกรอบสาม นัดที่ 5
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ "เดอะ ไลออนส์" การันตีการผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของศึกเอเชียน คัพ 2027 ที่ประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นการกลับไปเล่นในรอบสุดท้ายอีกครั้งในรอบ 43 ปี นับตั้งแต่ปี 1984 ที่พวกเขาเข้าร่วมในฐานะเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
หากนับเฉพาะการต่อสู้ผ่านรอบคัดเลือก นี่คือครั้งแรกและเป็นก้าวสำคัญที่สุดของทีมชาติสิงคโปร์ในการทะยานเข้าสู่เวทีระดับทวีปอย่างแท้จริง
ในรอบคัดเลือก เอเชียน คัพ 2027 สิงคโปร์ลงเล่นไป 5 นัด เก็บมาได้รวม 11 คะแนน โดยมีการใช้บริการหัวหน้าผู้ฝึกสอนถึง 2 ราย:
สึโตมุ โอกุระ (ญี่ปุ่น, 62 ปี): คุมทีม 2 เกมแรก ทำผลงาน เสมอ ฮ่องกง 0-0 (เหย้า) และ บุกชนะบังกลาเทศ 2-1 เก็บได้ 4 คะแนน ก่อนจะขอลาทีมด้วยเหตุผลส่วนตัว
กาวิน ลี (สิงคโปร์, 35 ปี): โค้ชหนุ่มที่เคยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยโค้ชมาโดยตลอด เข้ามารับไม้ต่อ 3 เกมหลังสุด ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พาทีมเก็บได้ถึง 7 แต้ม จากการ เสมอ อินเดีย 1-1 (เหย้า), บุกชนะอินเดีย และ บุกชนะฮ่องกง ด้วยสกอร์เดียวกันคือ 2-1 การันตีการเข้ารอบสุดท้ายได้ทันที
ผู้เล่นแกนหลักของทีมชาติสิงคโปร์ในช่วงหลัง โดยเฉพาะตลอด 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา มักจะมาจาก 2 สโมสรยักษ์ใหญ่ของลีก ได้แก่ ไลออน ซิตี้ เซเลอร์ส และ แทมปิเนส โรเวอร์ส
นักเตะอย่าง ฟาริส แรมลี่, ชาวาล อานัวร์, ซอง อุย ยอง, ฮารัส ฮารุน และ ซาฟูวาน บาฮารุดดิน ต่างอยู่ในช่วงที่ "สุกงอม" ทั้งประสบการณ์และฝีเท้า การได้รับโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอในลีก พร้อมกับการปะทะกับผู้เล่นต่างชาติฝีเท้าดีในลีก ทำให้เหลี่ยมฟุตบอลและความเข้าใจเกมของพวกเขาเติบโตตามมา
การส่งออกนักเตะไปสู่ลีกที่มีมาตรฐานสูงกว่าถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยผู้เล่นสิงคโปร์ส่วนใหญ่มักเลือก ไทยลีก เป็นจุดหมายปลายทาง
ชุดล่าสุดที่บุกชนะฮ่องกง 2-1 มีผู้เล่นจากไทยลีกถึง 6 ราย และอดีตผู้ที่เคยมาค้าแข้งในไทยลีกอีก 3 ราย รวมเป็น 9 ราย และที่สำคัญผู้เล่นเหล่านี้ลงสนามเป็นตัวจริงเกินครึ่ง
7 ประตูจาก 5 เกมที่ผ่านมา มาจากผู้เล่นตัวหลัก คือ ซอง อุย ยอง 3 ประตู, อิคซาน ฟานดี้ 2 ประตู, อิลฮาน ฟานดี้ และ ชาวาล อานัวร์ คนละ 1 ประตู โดยผู้เล่นเหล่านี้ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับลีกของไทยและเวทีเอเชีย
นอกจากนี้ มาตรฐานการเล่นที่สูงขึ้นยังมาจากเวทีฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ที่ 2 ทีมขาประจำอย่าง ไลออน ซิตี้ เซเลอร์ส และ แทมปิเนส โรเวอร์ส ได้อัพเกรดเกมระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จนนำประสบการณ์กลับมาสู่ความสำเร็จของทีมชาติ
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญคือการกลับมาใช้เรื่องของการโอนสัญชาตินักเตะ ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของยุครุ่งเรืองที่สิงคโปร์คว้าแชมป์อาเซียนถึง 4 สมัย (2004, 2007, 2012)
นโยบายดังกล่าวกลับมาอีกครั้ง โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือต้องโชว์ฟอร์มได้ดีในเอสลีกสิงคโปร์ ซึ่งการมีผู้เล่นอย่าง ซอง อุย ยอง (เกาหลีใต้) และ เคียวกะ นากามุระ (ญี่ปุ่น) เข้ามาสู่ทีม ได้กลายเป็นจุดเติมเต็มที่สร้างความแตกต่างให้กับทีมชาติอย่างชัดเจน
สิงคโปร์ขึ้นชื่อในเรื่องการบริหารจัดการที่มีความเป็นมืออาชีพ แม้ว่าเชิงเทคนิคก่อนหน้านี้อาจยังไม่สมบูรณ์ แต่ทุกอย่างถูกสนับสนุนและทดแทนจากฝ่ายบริหารของสมาคมฟุตบอล
การเปลี่ยนผ่านจาก เบอร์นาร์ด ตัน มาเป็น ฟอร์เรสต์ ลี (เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่และเจ้าของสโมสร ไลออน ซิตี้ เซเลอร์ส) ทำให้การทำงานสอดประสานได้อย่างลงตัว ด้วยความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาฟุตบอลระดับสูง ทำให้สิงคโปร์ยกระดับขึ้นจากปัจจัยแวดล้อมที่ส่งเสริม
สุดท้ายนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ แฟนบอลสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญที่อยู่เคียงข้างและให้การสนับสนุนทีมมาโดยตลอด ไม่ว่าสถานะของทีมจะอยู่ในช่วงใดก็ตาม