ทีมชาติญี่ปุ่น กำลังนับถอยหลังสู่สงครามลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติกับ ฟุตบอลโลก 2026 ที่แคนาดา, เม็กซิโก, และสหรัฐอเมริกา!
นี่ไม่ใช่แค่การเข้าร่วม แต่คือการตอกย้ำความยิ่งใหญ่เป็นครั้งที่ 8 ติดต่อกัน ของทัพ "ซามูไร บลูส์" ชาติอาทิตย์อุทัยผู้ที่วันหนึ่งเคยถูกปรามาสว่าอ่อนแอเกินกว่าจะยืนหยัดในเวทีโลก
แต่ภายใต้ความสำเร็จที่สาดแสงเจิดจ้า... รู้ไหมครับว่าในอดีตนั้น เคยมีบาดแผลแห่งความอัปยศที่ถูกฝังกลบไว้ และมี "สัตย์สาบาน" ที่แข็งแกร่งดุจภูผาจากองค์กรที่กล้าเดิมพันด้วยอนาคตทั้งหมด!
แผนการอันยาวนานเริ่มก่อตัวขึ้นในห้องประชุมลับของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (JFA) ราวปี 2017 พวกเขาไม่ได้มองแค่ฟุตบอลโลก แต่คือการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์
และผู้ที่จะรับภารกิจนี้คือ "ฮาจิเมะ โมริยาสึ" ชายผู้ที่ถูกกำหนดให้คุมทัพชุด U-23 ด้วยเป้าหมายสุดทะเยอทะยานและกรีดเลือด “ต้องเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ” ฟุตบอลชายโอลิมปิก 2020 ในกรุงโตเกียวบนแผ่นดินแม่ให้ได้ นี่คือการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่บนความกดดันระดับชาติ!
ทว่า จุดเริ่มต้นคือการโดนตบหน้าอย่างจัง! เกมแรกในชีวิตคุมทีมชาติญี่ปุ่นชุดเล็ก พวกเขาถูก ทีมชาติไทย ผู้ถูกมองข้าม ผู้ที่ใครๆ คิดว่าเป็นแค่ไม้ประดับ สับคาบ้านที่ จ.บุรีรัมย์ จนญี่ปุ่นปราชัย 1-2 ความพ่ายแพ้แรกที่บาดลึกดุจมีดโกนกรีดผิว มันคือเสียงระฆังแห่งลางร้ายที่ดังสนั่นตั้งแต่วันแรก
ความสงสัยเริ่มแปรเป็นความเดือดดาล เมื่อญี่ปุ่นชุดเล็กทำได้แค่ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย U-23 ชิงแชมป์เอเชีย ปี 2018 โดน อุซเบกิสถาน ถล่มยับเยิน 4-0 ในทัวร์นาเมนต์ที่ เวียดนาม พุ่งชนตำแหน่งรองแชมป์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
"โมริยาสึ" กลายเป็นเป้าของทัวร์นรก! เสียงก่นด่าเริ่มดังกระหึ่มเหมือนคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำใส่ชายที่ชื่อ "โมริยาสึ" อย่างบ้าคลั่ง!
และแล้ว ความพังทลายที่แท้จริงก็มาถึงในปีโอลิมปิก! U-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 ที่ประเทศไทย! มันคือทัวร์นาเมนต์คัดโอลิมปิก แต่ญี่ปุ่น ในฐานะเจ้าภาพโอลิมปิกที่ไม่ต้องคัดตัว กลับส่งชุดที่ดีที่สุดมาเพื่อ "ซ้อมใหญ่"
แต่ความฝันถูกเหยียบย่ำจนแหลกละเอียด! ซามูไรบลูส์ชุดโอลิมปิกต้องจมดิ่งตกรอบแรก แพ้ซาอุฯ 1-2, แพ้ซีเรีย 1-2, เสมอกาตาร์ 1-1 ไม่ชนะใคร!
นี่คือหายนะ! นี่คือความอัปยศที่ยากจะให้อภัย! ปลด! ปลดเดี๋ยวนี้! ชายคนนี้ทำลายความหวัง!
เสียงตะโกนแห่งความเกลียดชังและดูถูกดังลั่น หนังสือพิมพ์ทุกฉบับพาดหัวด้วยไฟแค้น มหาชนเรียกร้องให้ JFA "โละทิ้ง" ชายคนนี้ออกจากตำแหน่งให้สิ้นซาก! โค้ชผู้แบกป้าย "ความล้มเหลว" ผู้ทำลายศักดิ์ศรีของชาติลูกหนัง!
แต่ในห้วงแห่งวิกฤตที่ผู้คนพยายามผลักไสไล่ส่ง! สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (JFA) กลับแสดงจุดยืนที่แข็งแกร่ง พวกเขาตบโต๊ะประกาศก้อง "เราไม่เคยลืมคำมั่นสัญญา!" พวกเขาไม่ยอมให้เสียงวิจารณ์ฉีกกระชาก "หลักการ" และ "วิสัยทัศน์ระยะยาว" นั้นออกเป็นชิ้นๆ
เพราะผลงานของ "โมริยาสึ" จะถูกวัดที่ โอลิมปิกเกมส์ เท่านั้น! พวกเขาเชื่อมั่นในกระบวนการ เชื่อมั่นในสถาปนิกคนนี้ คนที่พวกเขาวางแผนมาตั้งแต่ต้น
และโชคชะตาเล่นตลก เมื่อโควิด-19 ทำให้โอลิมปิกเลื่อนไปปี 2021 นี่คือลมหายใจเฮือกสุดท้าย ที่ฟ้าประทานให้เขาได้แก้ไข
การไถ่บาป และการขึ้นสู่จุดสูงสุด! เมื่อถึงเวลาแห่งการพิสูจน์ในศึก โอลิมปิก 2020 (แข่ง 2021) บนแผ่นดินเกิด! "ฮาจิเมะ โมริยาสึ" ผู้ที่แบกรับความกดดันจนไหล่แทบแตก ก็ได้สำแดงพลังที่แท้จริง
ญี่ปุ่นระเบิดฟอร์มไร้ที่ติในรอบแรก ชนะรวด 3 นัด พวกเขาเดินหน้าฝ่าดงหนามไปจนถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ บรรลุเป้าหมายที่สมาคมฯ วางไว้ตามสัญญา แม้สุดท้ายพวกเขาพลาดเหรียญรางวัลไปอย่างน่าเสียดาย หลังแพ้ เม็กซิโก 1-3 ในรอบชิงเหรียญทองแดง
แต่... ความซื่อสัตย์ต่อหลักการของ JFA ได้รับการตอบแทนแล้ว พวกเขาไม่ใช้ผลงานอันมืดมัวในอดีตมาบีบคั้น แต่พวกเขาวัดกันด้วย "ผลลัพธ์สุดท้าย" ตามที่ตกลงกันไว้ และนั่นคือ "ตั๋วทองคำ" ที่ส่งให้ "โมริยาสึ" ขึ้นสู่จุดสูงสุด ในการคุมทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่
ลองจินตนาการดูสิครับ ถ้าวันนั้น JFA ใจร้อน ถ้าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของมหาชนเอาชนะ "หลักการ" ได้… "โมริยาสึ" คงถูกโยนทิ้งไปจากสารบบฟุตบอลญี่ปุ่นไปแล้ว!
แต่เพราะความศรัทธาที่มั่นคงดุจหินผา เพราะคำมั่นสัญญาที่ไม่ถูกฉีกทิ้ง จากวันที่เคยแพ้ทีมชาติไทยแค่ 1-2 ที่บุรีรัมย์...
วันนี้! "ฮาจิเมะ โมริยาสึ" คือสถาปนิกผู้สร้างประวัติศาสตร์!
วันนี้! พาญี่ปุ่นเขย่าบัลลังก์โลกใน ฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการโค่นอดีตแชมป์โลกอย่าง เยอรมนี และ สเปน!
และวันนี้! พาญี่ปุ่นชุดใหญ่ เอาชนะ บราซิล ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติ ทำลายอาถรรพ์ที่ยาวนานหลายสิบปีในที่สุด!
กลางปีหน้า เฮดโค้ชวัย 57 ปีผู้นี้ กำลังนำทัพ "ซามูไรบลูส์" ไปลุยศึกใหญ่ที่อเมริกาเหนือเป็นครั้งที่ 8 ติดต่อกัน!
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของฟุตบอลครับ แต่นี่คือมหากาพย์แห่ง "ความศรัทธา" และ "คำอดทน" ที่ JFA ยึดมั่นอย่างไม่หวั่นไหว การยืนหยัดต่อหลักการในวันที่ความพ่ายแพ้ทำให้โลกทั้งใบเต็มไปด้วยเสียงสาปแช่ง
ต้องยอมรับว่า การพิสูจน์ในบางครั้ง "ความเชื่อมั่น" ที่หนักแน่นและมั่นคง สามารถเปลี่ยน "โค้ชขยะ" ในสายตาคนหมู่มาก ให้กลายเป็น "ตำนาน" ผู้เขย่าบัลลังก์โลกได้
หากปราศจากคำสัตย์ที่เผาผลาญความกังขาในวันนั้น... ซามูไรบลูส์คงไม่มีวันนี้ที่โลกต้องก้มหัวให้
และญี่ปุ่นคงไม่มีสถาปนิกแห่งชัยชนะที่ชื่อ "ฮาจิเมะ โมริยาสึ" ที่กำลังยืนหยัดอยู่บนเส้นทางสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ "การเป็นแชมป์โลก!" นั่นเอง
กอล์ฟ เบนเทเก้