"ซามูไร บลู" ทีมชาติญี่ปุ่น จากทีมรองบ่อนสู่ขาใหญ่แห่งเวทีโลก - นับจากช็อกเยอรมัน-สเปน เวิลด์คัพ 2022 จนถึงคืนมหัศจรรย์แซงบราซิล 3-2 ที่โตเกียว รวม 5 เกมประวัติศาสตร์ที่เปลี่ยนสถานะญี่ปุ่นตลอดกาล
ค่ำคืนในโตเกียวที่ไม่มีใครลืม - จากทีมที่เคยสร้างปาฏิหาริย์ สู่ทีมที่สร้างมาตรฐานใหม่ - ญี่ปุ่น พลิกนรกจากตามสองลูก ก่อนแซงบราซิล 3-2 และประกาศต่อโลกลูกหนังว่า ซามูไร บลู พร้อมต่อกรกับทุกชาติ และนี่คือ 5 เกม ที่เปลี่ยนสถานะของพวกเขาอย่างถาวร!!
[ 1 ] หมุดหมายแห่งประวัติศาสตร์
เวิลด์ คัพ 2022 ที่จัดการแข่งขันที่ประเทศกาตาร์ ทว่า เดอะ บลู ซามูไร ต้องพบงานหนักสุดๆ เนื่องจากถูกจับมาอยู่ในกรุ๊ปเดียวกับเยอรมัน และสเปน อดีต 2 แชมป์โลกที่อุดมไปด้วยนักเตะชั้นนำของปฐพี
ณ ห้วงเวลานั้น ญี่ปุ่น อยู่อันดับ 24 บน ฟีฟ่า แรงกิ้ง ขณะที่ทัพอินทรีเหล็กนั้นอยู่ที่ 11 ซึ่งแน่นอนว่าตัวเลขนี้ ใครและใครต่างก็คิดว่ายอดทีมจากเอเชีย ไม่น่ารอด
เริ่มเกมก็เป็นเยอรมัน ที่ได้ประตูนำไปก่อนจากจุดโทษของ อิลคาย กุนโดกัน แถมเกือบเฮซ้ำ แต่ดีที่ลูกยิงของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ถูกไลน์แมนยกเป็นจังหวะล้ำหน้าซะก่อน
การครองบอลของ เดอะ บลู ซามูไร เป็นรองแบบชัดเจน แต่พวกเขาก็ยังยืนแข็งขันด้วยวินัยที่อดทน กระทั่งนาทีที่ 75 ริสึ โดอัน ตัวสำรองมาซัดตีเสมอเป็น 1-1 ก่อนที่ไม่กี่อึดใจต่อมา ทาคูมะ อาซาโนะ จะสับไกแสกหน้า มานูเอล นอยเออร์ ให้ญี่ปุ่น พลิกแซง และชนะไปด้วยสกอร์ 2-1
คำจาก ฮาจิเมะ โมริยะสึ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น: "ผมเชื่อว่านี่คือช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ ชัยชนะครั้งนี้คือประวัติศาสตร์"
มุมจากสื่อสำนักต่างๆ
[ 2 ] พลิกสถานการณ์
แม้จะช็อกโลกด้วยการเอาชนะเยอรมัน มาได้สำเร็จ แต่นัดต่อมาในรอบแบ่งกลุ่ม ญี่ปุ่น กลับพลาดท่าพ่ายต่อคอสตาริกา แบบไม่น่าเชื่อ ทำให้แมตช์สุดท้ายต้องมีแต้มเป็นอย่างน้อย หากหวังทะลุรอบน็อก-เอาต์
ทว่าคู่แข่งในเกมชี้ชะตาดันเป็นโคตรทีมอย่างสเปน ที่มีทั้ง โรดรี้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เปดรี้, อัลบาโร่ โมราต้า นำทัพ
รูปเกมคล้ายๆ กับเยอรมัน คือญี่ปุ่น โดนนำก่อน แถมแทบจะเป็นฝ่ายตั้งรับฝั่งเดียว แต่ก็มาได้ ริสึ โดอัน กับ อาโอะ ทานากะ ยิงคนละประตูพา เดอะ บลู ซามูไร พลิกแซงชนะ 2-1 พร้อมเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม อี อย่างภาคภูมิ
คำจาก ฮาจิเมะ โมริยะสึ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น: "สเปน เป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของโลก และเราก็รู้ก่อนเกมแล้วว่านี่จะเป็นงานที่ยากมากๆ มีแฟนๆ มากมายที่เดินทางมาจากญี่ปุ่น รวมถึงผู้ที่อยู่ที่บ้าน เราขอมอบชัยชนะนี้ให้ประชาชนชาวญี่ปุ่น และเรามีความสุขมากกับมัน"
มุมจากสื่อสำนักต่างๆ
[ 3 ] เรียนรู้จากผลเสมอ
นี่คือเกมแรกในปี 2023 ของญี่ปุ่น ซึ่งเล่นกันตามปฏิทิน ฟีฟ่า ในทัวร์นาเมนต์ กิริน ชาลเลนจ์ คัพ พบอุรุกวัย อดีตแชมป์โลก 2 สมัย โดยหนล่าสุดที่พบกัน เป็นฝั่ง เดอะ บลู ซามูไร ที่เอาชนะไป 4-3 เมื่อปี 2018
รูปเกมเป็นไปอย่างสูสี เนื่องจากการเล่นต่อหน้าแฟนๆ ที่ โตเกียว เนชั่นแนล สเตเดี้ยม ทำให้ทีมนักรบเลือดบูชิโดคึกคักเป็นพิเศษ เพราะขุมกำลังยังเป็นทีมชุดหลักจาก เวิลด์ คัพ 2022 นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เฟเดริโก วัลเวร์เด้ โหม่งให้อาคันตุกะขึ้นนำ 1-0 ก่อนที่ครึ่งหลัง ทาคูมะ นิชิมูระ จะมายิงตีเสมอให้ญี่ปุ่น เป็น 1-1 พร้อมกับจบการแข่งขันไปด้วยสกอร์นี้
[ 4 ] ยืนยันความแข็งแกร่ง
นี่คือหนึ่งในเกมที่แฟนฟุตบอลญี่ปุ่น จะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด กับชัยชนะแบบถล่มทลายทั้งๆ ที่บุกไปเยือนเยอรมัน
แม้เปอร์เซ็นต์การครองบอลจะน้อยกว่า แต่รูปเกมไม่ได้เป็นรองเลยสักนิด เพราะเล่นได้ตามแท็หกติกที่วางไว้ แถมยังหาโอกาสจบสกอร์ได้มากกว่าอินทรีเหล็กซะอีก
จุนยะ อิโตะ, อายาเสะ อูเอดะ, ทาคูมะ อาซาโนะ และ อาโอะ ทานากะ คือ 4 นักเตะซามูไรที่ส่งบอลผ่านมือ มาร์ค-อันเดร แตร์ สเตเก้น ก่อนพาทีมชนะเจ้าถิ่นถึง 4-1 ชนิดที่ทั่วโลกต้องตะลึง
หลังจากบุกไปโชว์ฟอร์มโหด พวกเขาก็ยังดุดันแบบต่อเนื่อง เพราะอีก 5 เกม ต่อจากนั้น ญี่ปุ่น เก็บชัยรวด แถมยังยิงคู่แข่งรวมกันถึง 20 ประตู เลยทีเดียว (เฉลี่ยนัดละ 4 ประตู)
คำจาก ฮาจิเมะ โมริยะสึ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น:: "แม้จะชนะอย่างสวยงาม แต่เราก็ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุง นี่เป็นเพียงชัยชนะในครั้งนี้เป็นเพียงเกมกระชับมิตร และทีมจำเป็นต้องพัฒนาต่อไป แม้ว่าจะมีผลการแข่งขันที่น่าพอใจ"
มุมจากสื่อสำนักต่างๆ
[ 5 ] ประวัติศาสตร์บทใหม่
ญี่ปุ่น ที่อันดับหล่นลงมาอยู่ที่ 19 บน ฟีฟ่า แรงกิ้ง ต้องพบบราซิล ที่เพิ่งถล่มเกาหลีใต้ เละเทะ 5-0 ดังนั้นนี่จึงเป็นศึกหนักที่พวกเขาต้องเผชิญ แต่ยังดีที่ได้เล่นในบ้านตนเอง
ครึ่งแรก ทีมเยือนครองบอลบุก ก่อนจะนำห่าง 2-0 ซึ่งด้วยรูปเกมและสกอร์บอร์ด ไม่มีใครคาดคิดว่า เดอะ บลู ซามูไร จะกลับมาได้
แต่แล้ว ทาคูมิ มินามิโนะ, เคอิโตะ นากามูระ และ อายาเสะ อูเอดะ ก็มาทำคนละประตู พาญี่ปุ่น พลิกแซงชนะลูกทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ 3-2 ไปแบบเหลือเชื่อ
นี่คือชัยชนะต่อบราซิล ชุดใหญ่หนแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งกลายเป็นที่กล่าวถึงไปทั่วทั้งโลกถึงความยอดเยี่ยมของพวกเขา
คำจาก ฮาจิเมะ โมริยะสึ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น: “นี่ไม่ใช่แค่ชัยชนะในเกมๆ หนึ่ง แต่มันคือหลักฐานว่าเราสามารถต่อกรกับทีมที่ดีที่สุดในโลกได้ ทีมชุดนี้เติบโตขึ้นทั้งในแง่แท็กติก, ความมั่นใจและจิตใจ เราจะเดินหน้าต่อไปโดยไม่หยุดอยู่แค่ตรงนี้”
มุมจากสื่อสำนักต่างๆ