5 เหตุผลที่ อุซเบกิสถาน - จอร์แดน ได้ไปฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้ายครั้งแรกในประวัติศาสตร์

5 เหตุผลที่ อุซเบกิสถาน - จอร์แดน ได้ไปฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้ายครั้งแรกในประวัติศาสตร์
เจาะลึก 5 ปัจจัยที่ทำให้อุซเบกิสถาน และจอร์แดน ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026 ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ตั้งแต่การเพิ่มโควตาเอเชีย, การพัฒนาเยาวชน, ผู้เล่นรุ่นทอง, โค้ชคุณภาพ ไปจนถึงฟอร์มหลุดของทีมใหญ่

[1] การเพิ่มโควตาเอเชีย และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบรอบคัดเลือก

การที่ฟุตบอลโลก 2026 เพิ่มจำนวนทีมจาก 32 เป็น 48 ทีม ทำให้โควตาของทวีปเอเชีย (AFC) ยกระดับแบบก้าวกระโดดจาก 4.5 เป็น 8.5 ทีม

นี่คือปัจจัยสำคัญที่สุดที่เปิดโอกาสให้ทีมอย่างอุซเบกิสถาน และจอร์แดน ซึ่งเคยเป็นแค่ 'ไม้ประดับ' หรือ 'ตัวสอดแทรก' ในรอบคัดเลือก ได้มีโอกาสมากขึ้นในการเข้าถึงรอบสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม การมีโควตาที่มากพอ ทำให้ความกดดันในการแย่งชิงตั๋วลดลงพอสมควร ซึ่งการแข่งขันในรอบคัดเลือกมีการปรับรูปแบบให้มีจำนวนเกมที่มากขึ้น มันจึงเป็นผลดีกับทีมที่มีความพร้อมและมาตรฐานสม่ำเสมอมากกว่า เพราะมีโอกาสที่จะเก็บแต้มและผ่านเข้ารอบได้ง่ายขึ้น

[2] การยกระดับการพัฒนาเยาวชนและโครงสร้างลีกภายใน

ทั้งอุซเบกิสถาน กับจอร์แดน ได้ลงทุนอย่างจริงจังกับการพัฒนาระบบฟุตบอลเยาวชนและโครงสร้างลีกภายในประเทศในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

อุซเบกิสถาน มีลีกที่แข็งแกร่งและสโมสรมีการลงทุนในอะคาเดมี่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีแจ้งเกิด รวมถึงพัฒนาตัวเองขึ้นมาสู่ทีมชาติอย่างไม่ขาดสาย

ผลงานของพวกเขา โดยเฉพาะรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีถือว่าโดดเด่นมากๆ เพราะว่า 4 ครั้งหลังสุดในศึกชิงแชมป์เอเชีย ขุนพลหมาป่าแห่งทูราเนียนส์ เข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้เสมอ โดยเป็นแชมป์ในปี 2018 และได้รองแชมป์ในปี 2022 กับ 2024

เท่านั้นไม่พอ โอลิมปิก 2024 อุซเบกิสถาน ก็มีส่วนร่วมในรอบสุดท้าย แม้จะตกรอบแรก แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ชั้นดี ที่นำไปต่อยอดถึงทีมชาติชุดใหญ่นั่นเอง

เช่นเดียวกับจอร์แดน ที่แม้จะไม่ใช่ลีกใหญ่ แต่ก็มีการจัดการแข่งขันในระดับเยาวชนที่ดีขึ้น และสโมสรเริ่มให้ความสำคัญกับการปั้นนักเตะเองมากกว่าเดิม

การที่นักเตะได้ลงสนามในลีกที่มีการแข่งขันสูงตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้มีประสบการณ์และพร้อมสำหรับการเล่นในระดับทีมชาติ การพัฒนาจากรากฐานที่แข็งแกร่งนี้คือหัวใจสำคัญที่ทำให้พวกเขามีขุมกำลังที่พร้อมสำหรับการแข่งขันในระดับนานาชาติ

[3] ผู้เล่นหลักพีคพร้อมกัน - รุ่นทองของแท้

อุซเบกิสถาน เป็นหนึ่งในชาติชั้นนำของเอเชีย มาตลอดหลายปีหลัง เพราะไม่ว่าจะญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ซาอุดีอาระเบีย หรืออิหร่าน ต่างก็ต้องพบความยากลำบากยามต่อกรกับทีมหมาป่าแห่งทูราเนียนส์

นักเตะของพวกเขาอยู่ในช่วงพีกของอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น เอลดอร์ โชมูโรดอฟ (กองหน้า), ออสตอน ยูโรนอฟ (ปีก), โอตาเบ็ค ชูคูรอฟ (กองกลาง), คุสนิดดิน ไอคูลอฟ (เซนเตอร์ฮาล์ฟ) รวมไปถึงสองดาวรุ่งแห่งยุคอย่าง อับบอสเบ็ค ฟายซุลลาเยฟ แนวรุกของ ซีเอสเคเอ มอสโก และ อับดูโกดีร์ คูซานอฟ ปราการหลังจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ด้วยขุมกำลังเหล่านี้ ทำให้อุซเบกิสถาน สามารถสู้กับชาติใหญ่ๆ ในเอเชีย ได้แบบไม่เป็นรอง ผลงานในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกจึงแพ้เพียงเกมเดียวจากทั้งหมด 15 แมตช์ที่ลงสนาม ก่อนจะคว้าตั๋ว เวิลด์ คัพ ได้สำเร็จเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์นั่นเอง

ขณะเดียวกัน จอร์แดน เองก็ไม่น้อยหน้า พวกเขามี มูซ่า ตามารี่ ปีกของ แรนส์ สโมสรดังในฝรั่งเศส เป็นทีเด็ด บวกด้วย ยาซาน อัล-ไนมาต (กองหน้า), ยาซาน อัล-อาหรับ (เซนเตอร์ฮาล์ฟ), มะห์มู๊ด อัล-มาร์ดี้ (ปีก), นอร์ อัล-ราว๊าบเดห์ (กองกลาง), อาลี โอลวาน (กองหน้า) และคนอื่นๆ ที่ผสมผสานกันด้วยความลงตัว

ทีมชุดนี้ต่อยอดจากชุดรองแชมป์ เอเชียน คัพ 2023 ซึ่งทำให้เล่นด้วยความเข้าขารู้ใจ จนสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการแพ้เพียง 2 จาก 15 เกมในรอบคัดเลือก อีกทั้งยังเคยบุกไปชนะซาอุดีอาระเบีย และเสมอเกาหลีใต้ ได้ถึงถิ่นอีกต่างหาก

[4] ความล้มเหลวของชาติดั้งเดิมเปิดทาง

นอกจากโควตาที่เพิ่มขึ้น อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุซเบกิสถาน กับจอร์แดน ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2026 ได้สำเร็จ คือการที่บรรดาชาติขาประจำ รวมไปถึงประเทศใหญ่ๆ ต่างก็พากันฟอร์มหลุดพร้อมๆ กัน

จีน ซึ่งเคยไป เวิลด์ คัพ มาแล้ว และลีกในประเทศก็ค่อนข้างแข็งแรง แต่ผลงานของทีมชาติกลับสวนทางจนแทบจะกลายเป็นทีมเกรดบีของเอเชียไปแล้ว

กาตาร์ เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 อีกทั้งยังพกดีกรีแชมป์ เอเชียน คัพ 2 สมัยซ้อน (2019 และ 2023) ไม่สามารถต่อยอดได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่ผู้เล่นก็อยู่ในระดับแนวหน้าของทวีปทั้งนั้น

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่วางโครงสร้างเยาวชนมานับสิบปี แต่กลับไม่สามารถหานักเตะดาวรุ่งขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ได้ทันการณ์

เกาหลีเหนือ อีกหนึ่งชาติที่ไปตะลุย เวิลด์ คัพ มาแล้ว แม้จะผ่านเข้ารอบลึกๆ ในเอเชีย แต่ก็ไม่อาจไปต่อในรอบสุดท้ายได้เช่นเคย

แม้แต่ซาอุดีอาระเบีย หนึ่งใน 5 เสือของทวีป แถมยังชนะอาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลก 2022 มาแล้ว ดันฟอร์มหลุดยาว และมีโอกาสที่จะไม่ได้ไป เวิลด์ คัพ 2026 หากผลงานยังไม่กระเตื้อง

ทีมเหล่านี้นี่แหละที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุซเบกิสถาน กับจอร์แดน คว้าตั๋วทัวร์นาเมนต์ที่แคนาดา, เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกานั่นเอง

[5] โค้ชคุณภาพนำมาซึ่งแท็กติกชั้นยอด

โลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน 'แท็กติก' คือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะมันช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างทีมที่แข็งแกร่งกว่าให้ขยับมาเท่ากับทีมที่ด้อยกว่าอย่างมากขึ้น

อุซเบกิสถาน ต้องให้เครดิตกับ สเร็คโก้ คาตาเน็ช กุนซือชาวสโลวีเนีย ที่คุมทัพมาตั้งแต่ปี 2021 และก็พัฒนาทีมแบบต่อเนื่อง จนท้าทายมหาอำนาจของเอเชีย ได้อย่างน่าดูชม

แม้เขาจะแยกทางกับทีมหมาป่าแห่งทูราเนียนส์ ไปเมื่อต้นปี 2025 ด้วยปัญหาด้านสุขภาพ แต่มรดกในเรื่องของกลยุทธ์การเล่นที่ทิ้งไว้ ก็ทำให้ ตีมูร์ คาปัดเซ่ ผู้มาสานต่อ ทำงานได้ราบรื่น กระทั่งคว้าตั๋ว เวิลด์ คัพ 2026 ได้สำเร็จ

ส่วนฝั่งจอร์แดน ใช้บริการของ จามาล เซลลามี่ เฮดโค้ชชาวโมร็อกโก ที่มาพร้อมดีกรีแชมป์ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ หนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ พ่วงด้วยตำแหน่งกุนซือยอดเยี่ยม 2 สมัย และประกาศนียบัตร ยูฟ่า โปร ไลเซ่นส์

ด้วยความสำเร็จและประสบการณ์ที่มี เขานำมาต่อยอดกับจอร์แดน ด้วยแท็กติกที่มีความยืดหยุ่นสูง

ตลอด 9 เกมที่ เซลลามี่ คุมทัพ เขาแพ้เพียงนัดเดียวต่อเกาหลีใต้ พร้อมกับพาทีมชนะโอมาน กับปาเลสไตน์ แบบไป-กลับ จนได้โควตาลุยฟุตบอลโลก 2026 ได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์นั่นเอง

ทั้งนี้ ความสำเร็จของจอร์แดน ก็ต้องยกความดี-ความชอบให้ ฮุสเซน อัมมูตา (2023-2024) อีกหนึ่งกุนซือโมร็อกโก ที่วางรากฐานไว้อย่างมั่นคง เพราะเป็นคนพาทีมไปถึงรองแชมป์ เอเชียน คัพ 2023

รวมไปถึง อัดนาน ฮาหมัด (2021-2023) เทรนเนอร์ชาวอิหร่าน ที่ปูทางในแง่แท็กติก จนจอร์แดน ก้าวมาท้าทายยักษ์ใหญ่ของเอเชีย ในปัจจุบัน



ที่มาของภาพ : Gettyimages / Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport