วิเคราะห์ 4 ตัวแทนจากไทย ในถ้วยเอเชีย 2025-26!?

วิเคราะห์ 4 ตัวแทนจากไทย ในถ้วยเอเชีย 2025-26!?
เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิต และ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 หรือถ้วยชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ประจำซีซั่น 2025-26 กำลังจะเปิดฉากในไม่ช้า โดยฤดูกาลปัจจุบัน ตัวแทนจากไทย ส่งเข้าประกวด 4 ทีม คือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, แบงค็อก ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ ราชบุรี เอฟซี ซึ่งพวกเขาเหล่านี้คือความภาคภูมิแห่งสยามประเทศ

ดังนั้น 'SIAMSPORT' จึงขันอาสามาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในรอบแบ่งกลุ่มที่เตรียมห้ำหั่นกันในเร็ววัน!!

 ***บทความนี้ได้รับเกียรติจาก 'แดนเจอรัส' - มนต์ชัย ศุขโข ผู้สันทัดกีฬาที่คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลไทย เกินกว่า 30 ปี มาให้มุมมองอีกหนึ่งทาง

                                                                                                                                 ภาพจาก : BURIRAM UNITED

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ผลงานซีซั่น 2024-25?

รอบก่อนรองชนะเลิศ (แพ้ อัล อาห์ลี, ซาอุดีอาระเบีย 0-3)

คู่แข่งฤดูกาล 2025-26?

- ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม (มาเลเซีย) เหย้า

- เอฟซี โซล (เกาหลีใต้) เยือน

- เมลเบิร์น ซิตี้ (ออสเตรเลีย) เยือน

- เซี่ยงไฮ้ พอร์ต (จีน) เหย้า

- อุลซาน เอชดี (เกาหลีใต้) เยือน

- กังวอน เอฟซี (เกาหลีใต้) เหย้า

- เฉิงตู หรงเฉิน (จีน) เยือน

- เซี่ยไฮ้ เสิ่นหัว (จีน) เหย้า

คีย์แมนของทีม?

ด้วยความที่โควตาผู้เล่นต่างชาติของถ้วย  เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิต ยังลงสนามได้แบบไร้ข้อจำกัด ทำให้ บุรีรัมย์ มีแข้งนำเข้าที่พร้อมลงสนามมากมายและทุกตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม กีเญร์เม่ บิสโซลี่ หัวหอกชาวบราซิล ก็ยังคงเป็นหัวหอกตัวความหวังสูงสุด ด้วยสถิติสุดโหดยามลงสนาม โดยมี ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา นักเตะไทย เพียงหนึ่งเดียวที่พอจะเข้าข่ายคีย์แมน

นอกจากนี้ แดนหลังก็ต้องยอมรับว่า นีล เอเธอร์ริดจ์ ยังคงไว้ใจได้ ซึ่งการมีผู้รักษาประตูที่ฟอร์มการเล่นคงเส้นคงวานี่เอง จะเป็นแรงผลักดันให้ปราสาทสายฟ้าทำผลงานได้ดีในรอบต่อๆ ไป

บททดสอบสำคัญ?

จากโปรแกรมในรอบแรก บุรีรัมย์ เฮงมากกับการไม่ต้องปะทะสโมสรจากญี่ปุ่น แถมยังได้เล่นในบ้านพบ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม แชมป์มาเลเซีย ซึ่งเปรียบเสมือนคู่แค้นในอาเซียน อีกต่างหาก

เท่านั้นไม่พอ พวกเขาก็ยังได้เล่นที่ ช้าง อารีน่า ในแมตช์รับมือ เซี่ยงไฮ้ พอร์ต ดับเบิ้ลแชมป์จากจีน เช่นกัน ซึ่งนั่นย่อมส่งผลในแง่บวกต่อทีมโดยตรง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลของปราสาทสายฟ้าคือการต้องเผชิญหน้าสโมสรจากเกาหลีใต้ และจีน โดยเฉพาะฝั่งโสมขาวที่เตรียมยกพลบุก อุลซาน เอชดี แชมป์ เคลีก 2024 นี่แหละคือศึกหนักที่พวกเขาต้องเผชิญ

นอกจากนี้ เกมเยือนที่จะต้องเจอ เอฟซี โซล (เกาหลีใต้), เมลเบิร์น ซิตี้ (ออสเตรเลีย) และ เฉิงตู หรงเฉิน (จีน) ต่างก็เป็นบททดสอบสำคัญว่าทีมเซราะกราวจะดีพอสำหรับรอบน็อก-เอาต์หรือไม่

ความน่าจะเป็น?

เกมในบ้านคือจุดที่ บุรีรัมย์ ต้องพยายามชิงความได้เปรียบให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าไม่แพ้ ยะโฮร์ กับ เซี่ยงไฮ้ พอร์ต แล้วเก็บ 3 คะแนนจาก กังวอน เอฟซี (เกาหลีใต้) และ  เซี่ยไฮ้ เสิ่นหัว (จีน) ได้สำเร็จ มันก็จะทำให้โอกาสลิ่วรอบน็อก-เอาต์สูง

มุมมองจาก แดนเจอรัส (มนต์ชัย ศุขโข)?

คุณภาพทีม บุรีรัมย์ สำหรับเกมลีกพวกเขาดูโดดแตกต่างจากทีมอื่นๆ ด้วยการทุ่มซื้อผู้เล่นต่างชาติฝีเท้าดีเข้ามาสู่สโมสร

3 เกมแรกถ้วยเอเชีย ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเนื่องจากเกมในลีกดูจะยังมีบางสิ่งที่ยังไม่ลงตัว เพราะต้องรอเวลาในการปรับจูนให้ทีมมีมาตรฐานสม่ำเสมอ

ดังนั้น 3 เกมแรก ถ้วยเอเชียสำคัญมากๆ ถ้าไม่มีแต้มติดมือหรือน้อยกว่า 3 แต้ม -  โอกาสเข้ารอบน็อก-เอาต์อาจจะลำบาก เพราะว่านัดที่ 4-6 จะพบกับทีมสโมสรจีนและเกาหลีใต้ ที่ยังอยู่ในฤดูกาล ซึ่งยังมีความเข้มข้นของรูปแบบการเล่นและสภาพร่างกายสูง

ส่วนนัดที่ 7-8 พบกับ 2 สโมสรจากจีน เป็นช่วงนอกฤดูกาล ไม่น่าจะใช่งานที่เหลือบ่ากว่าแรง

อีกจุดที่น่าสนใจคือผู้เล่นต่างชาติฤดูกาลนี้ พอไม่มี ลูคัส คริสปิม ความไหลลื่นยังไม่ดุดันเท่าที่ควร โอกาสเข้ารอบอยู่ที่ 3 เกมแรกสำหรับถ้วยเอเชีย

                                                                                                       ภาพจาก : True Bangkok United

แบงค็อก ยูไนเต็ด

ผลงานซีซั่น 2024-25?

รอบ 16 ทีม สุดท้าย (แพ้ โยโกฮามะ มะรินอส, ญี่ปุ่น 2-3)

คู่แข่งฤดูกาล 2025-26?

- เซลังงอร์ (มาเลเซีย)

- ไลอ้อน ซิตี้ เซเลอร์ส (สิงคโปร์)

- เปอร์ซิบ (อินโดนีเซีย)

คีย์แมนของทีม?

ริไชโร ซิฟโควิช และ มูห์เซน อัล-กัสซานี่ สองแนวรุกต่างชาติยังคงเป็นนักเตะความหวังสูงสุดของ แบงค็อก แต่น่าสนใจตรงที่ฤดูกาล 2025-26 มี ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้ามากประสบการณ์เข้ามาเพิ่มมิติในแดนบนให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น 

บททดสอบสำคัญ?

การที่บียูจับมาอยู่กลุ่ม จี ถือว่าหนักหน่วงที่สุดในโซนตะวันออก เพราะแต่ละทีมคือแทบไม่ต่างกันเลยในเรื่องมาตรฐานฟุตบอล

เซลังงอร์ อาจจะเป็นรองแชมป์ลีกมาเลเซีย ก็จริง แต่พวกเขาอุดมไปด้วยผู้เล่นเก่งกาจมากมาย โดยเฉพาะสองแข้งไทย อย่าง พิชา อุทรา และ เควิน ดีรมรัมย์ ทั้งยังมีนักเตะทีมชาติจอร์แดน ชุดรองแชมป์ เอเชียน คัพ อีกต่างหาก 

ไลอ้อน ซิตี้ เซเลอร์ส เบอร์หนึ่งลีกสิงคโปร์ ผู้สำแดงเดชให้เห็นในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ซีซั่น 2024-25 ว่าเป็น 'ของจริง' กับการเอาชนะสโมสรไทย ทั้ง การท่าเรือ เอฟซี และ เมืองทอง ยูไนเต็ด แบบไป-กลับ ทั้งยังจบด้วยรองแชมป์ถ้วยนี้

เปอร์ซิบ ที่อาจจะดูอ่อนที่สุดในกลุ่ม แต่ก็พกดีกรีแชมป์ลีกอินโดนีเซีย แถมยังมีนักเตะต่างชาติที่เข้ามาเพิ่มความแข็งแกร่งอีกหลายราย โดยเฉพาะ ฟรานส์ ปูโตรส อดีตกองหลังสิงห์เจ้าท่า

ดังนั้นทุกเกม ไม่ว่าจะในบ้านหรือนอกบ้าน แบงค็อก ต้องพยายามผิดพลาดให้น้อยที่สุด หากหวังจะทะลุรอบน็อก-เอาต์ให้สำเร็จ 

ความน่าจะเป็น?

แม้จะอยู่ในกลุ่มมหาหิน แต่มาตรฐานของบียู บวกกับศักยภาพผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม หากกล้าได้-กล้าเสียหน่อย พวกเขาน่าจะผ่านรอบแรกไปได้ แต่ถ้ายังเน้นความรัดกุมแบบที่ผ่านๆ มา โอกาสจะร่วงก็มีสูงเช่นกัน

มุมมองจาก แดนเจอรัส (มนต์ชัย ศุขโข)?

ธชตะวัน ศรีปาน พา แบงค็อก ผ่านเข้ารอบน็อก-เอาต์ถ้วยเอเชีย 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะกลมกล่อมลงตัว แต่หนนี้คุณภาพผู้เล่นต่างชาติของบียูดูจะลดศักยภาพลงไป หรืออาจจะอยู่ในช่วงของการปรับตัวเข้าหากัน

เกมรับยังคงเป็นจุดที่ต้องแก้ไข เพราะยังมีจุดรอยต่อระหว่างตำแหน่งที่ยังไม่ลงตัว  อีกทั้งเรื่องของการหมุนเวียนผู้เล่นในระยะยาวยังเป็นปัญหาในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา

ตัวเลือกชุดแรกยังเป็นหน้าเดิมๆ ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มนี้รวมเอาทีมชั้นดีของแต่ละประเทศมาไว้แบบเต็มพิกัด ทั้ง- เซลังงอร์ (มาเลเซีย), ไลอ้อน ซิตี้ เซเลอร์ส (สิงคโปร์) และ เปอร์ซิบ (อินโดนีเซีย)

โอกาสของ แบงค็อก จึงออกมา 50-50 หากจะเข้ารอบ เกมในบ้านต้อง 3 แต้มทุกนัดและไปลุ้นสอยนอกบ้านสัก 2 แมตช์

                                                                                                                   ภาพจาก : BG Pathum United

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ผลงานซีซั่น 2024-25?

ไม่ได้เข้าแข่งขัน (หนล่าสุดที่เล่นถ้วยเอเชีย คือ 2023-24)

คู่แข่งฤดูกาล 2025-26?

- โปฮัง สตีเลอร์ส (เกาหลีใต้)

- คาญ่า-โยอิโล่ (ฟิลิปปินส์)

- แทมปิเนส โรเวอร์ส (สิงคโปร์)

คีย์แมนของทีม?

ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยังคงเป็นนักเตะเบอร์หนึ่งของ เดอะ แรบบิต แม้ในทีมจะมีผู้เล่นฝีเท้าดีมากมาย แต่เมื่อมองถึงมาตรฐาน - อดีตเพลย์เมเกอร์ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ถือว่ารักษาความสม่ำเสมอได้มากที่สุด

แนวรุกหมายเลข 18 แทบจะเป็นคนกำหนดผลการแข่งขันให้ บีจี ปทุม ในทุกๆ เกม เพราะวันใดที่เขาท็อปฟอร์ม วันนั้นกระต่ายแก้วก็มีเปอร์เซ็นต์ชนะสูงตามไปด้วย

บททดสอบสำคัญ?

ในบรรดา 4 ตัวแทนจากไทย - บีจี ปทุม ถือว่าโปรแกรมเบาที่สุด แม้จะอยู่กับแชมป์ฟิลิปปินส์ อย่าง คาญ่า-โยอิโล่ ก็ตาม แต่อีกสองทีม ไม่ว่าจะเป็น โปฮัง สตีเลอร์ส (เกาหลีใต้) หรือ แทมปิเนส โรเวอร์ส (สิงคโปร์) พวกเขาสู้ได้

ดังนั้นสิ่งที่สำคัญสำหรับทัพกระต่ายแก้วคือ 'ตัวเอง' เท่านั้น หากเล่นได้

ความน่าจะเป็น?

บีจี ปทุม ต้องพยายามปรับจูนทีมให้เร็วที่สุด เพราะเท่าที่ผ่าน ไทยลีก มา 4 เกม ดูเหมือนว่าพวกเขายังหาจุดลงตัวไม่ได้ ซึ่งถ้ายังเป็นเช่นนี้อยู่ ย่อมไม่ส่งผลดีในระยะยาว

แต่ถ้าหลายๆ อย่างเป็นไปในทิศบวก เดอะ แรบบิต น่าจะผ่านเข้ารอบน็อก-เอาต์ได้ไม่ยากเลย

มุมมองจาก แดนเจอรัส (มนต์ชัย ศุขโข)?

คู่แข่งในการแย่งเบอร์หนึ่งของกลุ่ม คือ โปฮัง สตีเลอร์ จากเกาหลีใต้ เมื่อมองคู่ต่อกรอีก 2 ทีม อย่าง คาญ่า-โยอิโล่ (ฟิลิปปินส์) และ แทมปิเนส โรเวอร์ส (สิงคโปร์) ไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรง อยู่ที่ว่าเล่นกันละเอียดแค่ไหน? เพื่อไม่ให้ยืดเยื้อจนถึงช่วงโค้งท้ายๆ ในการลุ้นเข้ารอบ 

ดูจากโปรแกรมแล้วค่อนข้างเป็นใจ และยิ่งการเอาทีมเข้ารอบ กลุ่มละ 2 ทีม ยิ่งเข้าทางไปกันใหญ่ ขอเพียงแต่อย่าแพ้ภัยตัวเอง เน้นเล่นให้ดุดัน ต่อเนื่องด้วยมาตรฐานที่ดี แสดงความแตกต่างให้ 2 ทีมจากอาเซียน ได้เห็น

อีกจุดที่ต้องเร่งปรับ คือความลงตัวและจังหวะฟุตบอลของทีมแบบเป็นทีม ถ้าวัดจากอีก 2 ตัวแทนจากไทย ในถ้วยนี้ บีจี ปทุม งานไม่หนักมากและมีโอกาสเข้ารอบมากสุด

                                                                                                           ภาพจาก : Ratchaburi FC

ราชบุรี เอฟซี

ผลงานซีซั่น 2024-25?

ไม่ได้เข้าแข่งขัน (หนล่าสุดที่เล่นถ้วยเอเชีย คือ 2021-22)

คู่แข่งฤดูกาล 2025-26?

- กัมบะ โอซากะ (ญี่ปุ่น)

- นัมดินห์ (เวียดนาม)

- อีสเทิร์น (ฮ่องกง)

คีย์แมนของทีม?

ในช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา มาตรฐานของ ราชบุรี ถือว่าดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ ซึ่งปัจจุบัน กลไกสำคัญที่ทำให้ราชันมังกรมาไกลขนาดนี้ คือเรื่องของ 'ระบบทีม'

เช่นกันกับชุดปัจจุบันที่อาจจะไม่มีใครเด่นเกินใคร เพราะทุกคนรู้ว่า One For All มันจึงทำให้แต่ละตำแหน่งในสนามต่างสอดประสานเข้ากันอย่างลงตัว

ผู้รักษาประตู กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ไว้ใจได้ โดยมีแนวรับที่แข็งแกร่งอย่าง โจนาธาร เข็มดี กับ กาเบรียล มูทอมโบ ขนาบข้างขวา-ซ้ายด้วย เจสซี่ คูร์แรน และ เกียรติศักดิ์ เจียมอุดม

แดนกลางเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่พวกเขาไม่เป็นสองรองใครในเมืองไทย กฤษณนน ศรีสุวรรณ ไม่หวือหวา แต่ประสิทธิภาพล้นเหลือ แถมยังได้ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร มาเพิ่มความไหลลื่น โดยมี จักรพันธ์ แก้วพรม เป็นคนสร้างสรรค์เกม

ส่วนแดนบน ไม่ว่าจะ ตาน่า, เอ็นจีว่า, เนเกบา หรือ อิ๊กห์าน ฟานดี้ ก็พร้อมลงสนามด้วยความมั่นใจ

ดังนั้นคำว่า 'คีย์แมน' ของ ราชบุรี จึงไม่มีซะทีเดียว นั่นก็มาจากเรื่องของระบบทีมที่เด่นชัดนั่นเอง

บททดสอบสำคัญ?

ราชบุรี ไม่ได้เล่นถ้วยเอเชีย มาตั้งแต่ปี 2021-22 อาจจะทำให้ต้องใช้เวลาในการปรับตัวอยู่พอสมควร เนื่องจากต้องบินไปต่างประเทศ ดังนั้นเรื่องของความคุ้นชินจึงเป็นสิ่งสำคัญแบบไม่อาจหลีกเลี่ยง

ด้วยขนาดทีมปัจจุบันที่มีผู้เล่นหลักราวๆ 16-17 คน จะต้องหมุนเวียนตามความเหมาะสม เพราะถ้ายึดตัวหลักลงเล่น 90 นาที ในทุกๆ แมตช์ รับรองเลยว่ามียวบในระยะยาว

ส่วนการอยู่ร่วมกลุ่มกับ - กัมบะ โอซากะ (ญี่ปุ่น), นัม ดินห์ (เวียดนาม) และ อีสเทิร์น (ฮ่องกง) ถือว่ามีเพียงตัวแทนจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่ยากที่สุด

ดังนั้นเกมกับ นัม ดินห์ ทั้งไปและกลับจะเป็นตัวชี้วัดว่าราชันมังกรจะมีโอกาสทะลุรอบน็อก-เอาต์หรือไม่

ความน่าจะเป็น?

สิ่งแรกเลยคือเรื่องของการปรับตัวกับถ้วยเอเชีย หากยังไม่สามารถปรับได้ใน 1-2 เกมแรก ราชบุรี เหนื่อยแน่ แต่ถ้าจูนติด ก็พยายามเก็บแต้มจาก กัมบะ ให้ได้ในบ้าน แล้วไปลุ้นกับ นัม ดินห์ ว่าใครจะเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม

มุมมองจาก แดนเจอรัส (มนต์ชัย ศุขโข)?

การได้มีประสบการณ์ลงเล่นฟุตบอลถ้วยเอเชีย มาก่อนหน้านี้ (2021-22) เป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันในกลยุทธ์ของ ราชบุรี ในเวทีระดับทวีป

จากจุดเริ่มต้นที่คาดหวัง แต่ความต่างในเรื่องของประสบการณ์ กลายเป็นช่องว่างของผลงาน

ต่สำหรับหนนี้ ราชันมังกรมีความพร้อมมากกว่าเดิม ในลีกช่วง 2-3 ฤดูกาลหลังมีความสม่ำเสมอ มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะซีซั่นปัจจุบัน มาตรฐานการเล่นดูแกร่งขึ้น

สิ่งน่าเป็นห่วงคือเรื่องของขนาดทีม เมื่อต้องเจอโปรแกรมชุกๆ ทั้งในและต่างประเทศจะหมุนเวียนคุณภาพได้ดีแค่ไหน?

สำหรับโอกาสเข้ารอบคงต้องวัดกับ นัม ดินห์ ของเวียดนาม เพื่อแย่งอันดับ 2 ของกลุ่ม - เกมเยือนเก็บได้สัก 1 แต้ม ส่วนเกมเหย้าย้อนกลับมาฟาด 3 แต้ม

กลุ่มนี้ทีมเต็งต้องยกให้ กัมบะ จากญี่ปุ่น ที่มีตัวผู้เล่นหลากหลาย



ที่มาของภาพ : BURIRAM UNITED / True Bangkok United / BG Pathum United / Ratchaburi FC
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport