คอนซาโดเล่ ซัปโปโร แต่งตั้ง "เคนตะ คาวาอิ" อดีตกุนซือ ซางัน โทสุ คุมทัพอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางภารกิจสุดท้าทายในการนำทัพ "นกเค้าแมวแดนเหนือ" เลื่อนชั้นกลับสู่ศึก J1 ลีก ฤดูกาลหน้าทันที! เจาะลึกเส้นทาง ปรัชญาการทำทีม และบทบาทของ "สุภโชค สารชาติ" ภายใต้กุนซือคนใหม่นี้
ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ได้ประกาศแต่งตั้ง เคนตะ คาวาอิ อดีตกุนซือ ซางัน โทสุ เข้ามาคุมทีมอย่างเป็นทางการ โดยมีภารกิจหลักที่เร่งด่วนคือการพาทีม "นกเค้าแมวแดนเหนือ" เลื่อนชั้นกลับสู่เวที J1 ลีก ให้ได้ภายในฤดูกาลถัดไป (2025-26)
การตัดสินใจดึงตัวกุนซือวัย 44 ปี ที่เคยทำผลงานได้อย่างน่าจับตามองกับ ซางัน โทสุ ในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น มาคุมทีมที่เพิ่งตกชั้นอย่าง ซัปโปโร แสดงให้เห็นว่าบอร์ดบริหารเล็งเห็นศักยภาพในการ "สร้างทีม" ของเขาอย่างชัดเจน ท่ามกลางความกดดันในการก้าวเข้ามารับงานที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมและเป้าหมายที่ชัดเจน
เรื่องราวเส้นทางของ เคนตะ คาวาอิ จะเป็นอย่างไร และปรัชญาฟุตบอลแบบใดที่จะถูกนำมาใช้กับทีมใน J2 ลีก ฤดูกาล 2025-26 นี้ ติดตามพร้อมกันที่นี่
เคนตะ คาวาอิ เกิดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 1981 ที่จังหวัดเอฮิเมะ และเคยเป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพในตำแหน่งกองหน้า หลังแขวนสตั๊ด เขาเริ่มต้นเส้นทางสายโค้ชด้วยการดูแลทีมฟุตบอลหญิงของ "เอฮิเมะ เอฟซี เลดี้ส์" ในช่วงปี 2015-2017
จากนั้นในปี 2018 คาวาอิ ได้ขยับเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมชุด U-18 ของ เอฮิเมะ เอฟซี ก่อนจะขึ้นไปคุมทีมชุดใหญ่ในเวลาต่อมา และไปเป็นผู้ช่วยที่ มอนเตดิโอ ยามากาตะ ภายใต้การดูแลของ ปีเตอร์ คราโมฟสกี ในปี 2021
การเริ่มต้นอาชีพโค้ชจากทีมฟุตบอลหญิงและทีมเยาวชน U-18 ทำให้ปัจจัยหลักในการทำงานของเขาคือ การพัฒนาผู้เล่นเพื่อต่อยอดไปสู่ทีมชุดใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ซัปโปโร ต้องการอย่างยิ่งในการสร้างทีมขึ้นมาใหม่
จุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพของ คาวาอิ คือการย้ายไปรับงานเฮดโค้ชเต็มตัวกับ ซางัน โทสุ ใน J1 ลีก ซึ่งที่นี่เขาได้สร้างทีมที่เน้นระบบการเล่นที่เป็นระเบียบ โดยมีแท็กติกหลักที่ชอบใช้คือ 3-4-2-1 ซึ่งเป็นแผนที่เน้นความสมดุลทั้งเกมรุกและเกมรับ
แม้ผลงานกับ ซางัน โทสุ อาจไม่ได้พาทีมไปอยู่หัวตาราง แต่ คาวาอิ ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะ "นักสร้าง" ที่ใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดและงบประมาณที่ไม่ได้สูงมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"แม้ว่าระบบของ ซางัน โทสุ ภายใต้การนำของ คาวาอิ จะทำให้ทีมอยู่ใน J1 ลีก ได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า เคนตะ คาวาอิ จะทำผลงานได้ดีถึงขนาดนี้ในการคุมทีม J1 ลีก" - บทวิเคราะห์จากสื่อกีฬาในประเทศญี่ปุ่น
เหตุผลสำคัญที่ ซัปโปโร เลือกเขามาเป็นหัวเรือคนใหม่คือ ปรัชญาที่เน้น "การเคลื่อนไหว วินัย และความทุ่มเท" โดยกุนซือรายนี้เลือกใช้แผน 3-4-2-1 และให้ความสำคัญกับระบบอย่างสูง
"หากคุณเสียเปรียบในด้านกำลังคน คุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้กำลัง 2 ต่อ 1" - เคนตะ คาวาอิ กล่าว
ด้วยปรัชญาที่เน้น การเล่นที่เป็นระบบ และ ความเข้าใจในตำแหน่งของผู้เล่น โดยไม่ต้องใช้งบประมาณเยอะในการทำทีม การใช้แผน 3-4-2-1 ยังบ่งบอกถึงการให้ความสำคัญกับแผงมิดฟิลด์ตัวกลางในการควบคุมจังหวะและการสร้างสรรค์โอกาสจากแดนกลาง
ในฐานะที่เข้ามารับตำแหน่งที่ ซัปโปโร ความท้าทายแรกของ คาวาอิ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของแท็กติก แต่คือการ ปรับสภาพจิตใจของนักเตะและการสร้างความเชื่อมั่น ให้กลับคืนมา เพื่อรับมือกับความกดดันใน J2 ลีก
ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ เคนตะ คาวาอิ คือการปรับตัวเข้ากับ J2 ลีก ที่เน้นความหนักหน่วงและการเก็บชัยชนะที่ต้องการความสม่ำเสมอ ซึ่งเขาต้องปรับปรัชญาการทำทีมให้เข้ากับบริบทของลีกรอง ที่เน้นความคงเส้นคงวาและความเด็ดขาดในการเก็บแต้ม
บทบาทของ สุภโชค สารชาติ: การที่ซัปโปโรมีผู้เล่นความสามารถเชิงสูงอย่าง สุภโชค สารชาติ แนวรุกสารพัดประโยชน์ทีมชาติไทย การมาของ คาวาอิ จะต้องนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเกมรุก โดยเฉพาะการ ดึงศักยภาพสูงสุด ของ สุภโชค ออกมาใช้ภายใต้แผน 3-4-2-1 ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญสู่การทำประตูที่ทีมต้องการในการเลื่อนชั้น
การคุมทีมที่มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้อง "เลื่อนชั้น" ย่อมมาพร้อมกับแรงกดดันมหาศาล ซึ่งการมาของ เคนตะ คาวาอิ พร้อมด้วยประวัติการเป็น "นักสร้างทีม" จึงเป็นความหวังครั้งใหม่ของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ในการกลับมาเป็น "นกเค้าแมว" ที่โบยบินในลีกสูงสุดของญี่ปุ่นอีกครั้งให้เร็วที่สุด