เจาะเส้นทางชีวิต โก คุโรดะ จากเด็กฮอกไกโดที่เคยถูกดูถูกในงานบริการ สู่ครูมัธยมสร้างระบบอาโอโมริ ยามาดะ และก้าวขึ้นเป็นกุนซือวัย 55 ปี ผู้พามาชิดะ เซลเวีย คว้าแชมป์เจลีก 2 เอ็มเพอเรอร์คัพ และตั๋วลุย ACL อีลิท
โก คุโรดะ กุนซือวัย 55 ปี ผู้พาทีม มาชิดะ เซลเวีย ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงปี 2023–2025 ทั้งการคว้าแชมป์เจลีก 2 ฤดูกาล 2023 เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดในฤดูกาล 2024 พาทีมลุยศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อีลิท 2025-26 และล่าสุดคว้าแชมป์ เอ็มเพอเรอร์ คัพ 2025 ทว่าหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเส้นทางของเขานั้นเต็มไปด้วยการต่อสู้ ดิ้นรน และเสียงบ่นด่าที่ต้องอดทนเพื่อรักษาอาชีพโค้ชฟุตบอลให้ได้ตามฝัน
จุดเริ่มต้นในวัยเด็ก: จากเบสบอลสู่ฟุตบอล
ครอบครัวของคุโรดะอาศัยอยู่ที่ซัปโปโร โดยคุณพ่อเป็นคนที่ชื่นชอบกีฬาเบสบอลอย่างมาก และเป็นผู้ผลักดันให้ลูกชายเล่นกีฬา แต่เมื่อเริ่มเรียนประถมศึกษา (ป.2) ที่อิชิคาริ เขาเลือกเล่นเคนโด เพราะในโรงเรียนมีเพียงชมรมเคนโดและฟุตบอล กระทั่งถูกเพื่อนชวนเข้าสู่โลกฟุตบอล
เขาเริ่มต้นในตำแหน่งกองหน้า และช่วง ป.4–ป.6 เขาหลงใหลในเกมลูกหนังอย่างเต็มตัว จนพาทีมคว้าอันดับ 3 ของจังหวัดฮอกไกโด พร้อมคว้าตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมและดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์
ยุคมัธยม: แรงกดดัน ความเจ็บปวด และรากฐานชีวิต
ฟอร์มอันโดดเด่นทำให้เขาได้ไปเล่นต่อที่โรงเรียนมัธยมนโนโบริเบ็ตสึ โอทานิ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ควบรวมกับฮอกไกโด โอทานิ มุโรรัน ทีมฟุตบอลระดับแกร่งของภูมิภาค ทำให้คุโรดะต้องเปลี่ยนจากกองหน้ามาเป็นกองกลางตัวรับและกองหลังริมเส้น
อย่างไรก็ดี ช่วงชีวิตมัธยมเต็มไปด้วยการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงแบบไร้เหตุผล รวมถึงแรงกดดันจากโค้ชและรุ่นพี่ เขาเคยอยากหนี แต่ “จิตวิญญาณดื้อรั้น” ทำให้เขายืนหยัดต่อสู้ และในเวลาต่อมา เขาได้กล่าวขอบคุณอาจารย์ที่ปรึกษาว่า
“ประสบการณ์อันเจ็บปวดของผมคือรากฐานชีวิตของผมในวันนี้”
ชีวิตมหาวิทยาลัยและการหันหลังให้ฟุตบอล
เขาได้รับการติดต่อจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพและกีฬาโอซากาในปี 1989 ให้เป็นทั้งนักศึกษาและนักฟุตบอล แต่ปีแรกในฐานะฟูลแบ็กทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีขีดจำกัด จึงตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอล
คุโรดะหันไปทำงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหาร และนั่นทำให้เขาเริ่มอยากทำงานในสายบริการ ก่อนจะจบมหาวิทยาลัยและกลับฮอกไกโดทำงานที่ โฮชิโนะ รีสอร์ท ตามมาด้วย อัลฟา รีสอร์ท โทมามุ พร้อมมีประกาศนียบัตรด้านสุขภาพและพลศึกษา
แต่เขาทำงานที่ใหม่ได้เพียง 3 เดือนก็ลาออก เพราะ “ทนไม่ได้ที่ถูกหัวหน้างานอายุน้อยกว่าดูถูกเหยียดหยาม” นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามถึงชีวิต
จุดหักเห: ฟุตบอลดึงเขากลับมา
เขาตัดสินใจกลับเข้าเส้นทางฟุตบอลอีกครั้ง โดยไปสมัครเป็นครูพิเศษที่โรงเรียนมัธยมปลายเอนิวะ คิตะ และเป็นโค้ชชั่วคราวให้โรงเรียนเก่า โนโบริเบ็ตสึ โอทานิ ขณะต้องทำงานพิเศษที่ปั๊มน้ำมันเพื่อหารายได้
ปี 1994 เขาตั้งใจสมัครคุมทีมโรงเรียนมัธยมปลาย อาโอโมริ ยามาดะ แต่ถูกปฏิเสธถึงสองครั้ง จนต้องไปรับงานธุรการที่มหาวิทยาลัยอาโอโมริเพื่อรอเวลา
สร้างระบบอาโอโมริ ยามาดะ: 20 ปีแห่งการก่อร่างสร้างทีม
ปี 1995 คุโรดะได้รับตำแหน่งหัวหน้าโค้ชเต็มตัวพร้อมความตั้งใจจะสร้างระบบทีมอย่างยั่งยืน แม้จำนวนผู้เล่นมีเพียง 18 คน และภูมิประเทศฮอกไกโดเต็มไปด้วยหิมะ เขาตัดสินใจ “เดินทางทั่วประเทศเพื่อรับนักเตะเข้าสู่ทีม” จนระบบอาโอโมริ ยามาดะเริ่มเติบโต
ตลอด 20 ปี เขาสร้างนักเตะเข้าสู่ระบบมากกว่า 270 คน ขยายเครือข่ายเป็นทีมมัธยมปลาย 4 ทีม มัธยมต้น 3 ทีม พร้อมทีมโค้ชเต็มระบบ จนปี 2005 โรงเรียนคว้าแชมป์มัธยมแห่งชาติครั้งที่ 40 ก่อนเดินหน้ากวาดแชมป์ต่อเนื่องเป็น “สถาบันลูกหนังระดับประเทศ”
เขายังสำเร็จหลักสูตรโค้ชระดับสูงสุดของญี่ปุ่น "เอสคลาส" ในปี 2006 และขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมต้นอาโอโมริ ยามาดะ
ยุคที่เขาบริหารทีม อาโอโมริ ยามาดะ ไม่แพ้คู่แข่งในจังหวัดอาโอโมริถึง 24 ปี และชนะติดต่อกัน 418 เกม
จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่: อายุ 53 และโอกาสจากมาชิดะ เซลเวีย
ปี 2023 เมื่ออายุ 53 ปี สโมสร มาชิดะ เซลเวีย ประกาศแต่งตั้งคุโรดะเป็นผู้จัดการทีม โดยมีวิสัยทัศน์ชัดเจนว่า
“ไม่มีประโยชน์ที่จะทำสิ่งเดียวกันกับสโมสรอื่น”
คุโรดะรับงานเพราะเชื่อในแนวคิด และต้องการพิสูจน์ว่า “โค้ชจากระบบมัธยมก็พัฒนาฟุตบอลอาชีพได้”
ผลลัพธ์คือความสำเร็จที่จับต้องได้
ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียง 3 ปี
เสียงด่าวันนั้น คือพลังของวันนี้
จากเด็กที่เคยถูกกดดัน
จากพนักงานบริการที่ถูกดูถูก
จากโค้ชที่ถูกปฏิเสธ 2 ครั้ง
จากการเดินทางทั่วประเทศเพื่อหานักเตะเพียงหนึ่งคน
เขาคือหลักฐานชัดเจนว่า
“ความฝันไม่เคยหมดอายุ ถ้าเรายังกล้าสู้ต่อ”