เปิดประวัติ “จูบิโล่ อิวาตะ” ต้นสังกัดใหม่ของ ปรเมศย์ อาจวิไล ทีมดังแดนอาทิตย์อุทัย ผู้เคยคว้าแชมป์เจลีก 3 สมัย, ดึงแข้งระดับโลก, สร้างศึกดาร์บี้สุดมันส์ และมีอะคาเดมี่แข็งแกร่ง รอวันคืนชีพขึ้นมาทวงบัลลังก์ลีกสูงสุดอีกครั้ง
[ 1 ] แชมป์ เจลีก 3 สมัย
หากให้ปี 1993 เป็นซีซั่นแรกที่ฟุตบอลญี่ปุ่น มีความเป็นมืออาชีพอย่างเป็นทางการ จูบิโล่ อิวาตะ จะเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของดินแดนอาทิตย์อุทัย
พวกเขาเคยสัมผัสแชมป์ เจลีก มาแล้ว 3 สมัย ในฤดูกาล 1997, 1999 และ 2002 ซึ่งเป็นรองเพียง คาชิมะ แอนท์เลอร์ส (8), โยโกฮามะ มะรินอส (5) กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ (4) เท่านั้น
นอกจากจะลีกสูงสุด จูบิโล่ ก็เคยครองโทรฟี่ระดับทวีปอย่าง เอเชียน คลับ แชมเปี้ยนชิพ 1998-99 หรือ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีลิต ในปัจจุบันนั่นเอง
ส่วนถ้วยในประเทศ พวกเขาได้แชมป์ เอ็มเพอร์ส คัพ และ เจลีก คัพ อย่างละ 2 สมัย เท่ากัน
[ 2 ] นักเตะและโค้ชระดับแชมป์โลกก็มีส่วนร่วมกับ จูบิโล่ มาแล้ว
สิ่งหนึ่งที่น่าทึ่งของ จูบิโล่ อิวาตะ คือการที่พวกเขาเคยมีกุนซือและนักเตะระดับ 'แชมป์โลก' ทำงานที่นี่มาแล้ว
เริ่มจากเฮดโค้ช ย้อนกลับไปกุมภาพันธ์ 1997 ลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ก็บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเป็นบิ๊กบอสให้พวกเขา ก่อนจะพาทีมซิวโทรฟี่ เจลีก ในปีนั้นทันที ซึ่งภายหลังเทรนเนอร์คนนี้ก็ไปประสบความสำเร็จถึงขั้นพาบราซิล ชูถ้วย เวิลด์ คัพ 2022 เลยทีเดียว
นอกจาก สโคลารี่ - จูบิโล่ก็เคยได้ ดุงก้า กัปตันบราซิล ชุดแชมป์โลก 1994 มาเล่นในรั้ว ยามาฮ่า สเตเดี้ยม ระหว่างฤดูกาล 1995-1998 เช่นกัน
[ 3 ] สตาร์ญี่ปุ่น ในอดีต
จูบิโล่ อิวาตะ เป็นสโมสรที่ไม่เคยขาดแคลนผู้เล่นชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น โดยในอดีตพวกเขามีทั้ง...
- มาซาชิ นากายามะ กองหน้าผู้ทำประตูแรกให้ เดอะ บลู ซามูไร ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเมื่อปี 1998 เขามีสถิติรับใช้ชาติ 53 นัด 21 ประตู
- ฮิโรชิ นานามิ มิดฟิลด์ทีมชาติญี่ปุ่น ยุคกลาง 90' ต่อถึง 2000' ก่อนจะเล่นให้ทัพบูชิโดไป 67 เกม โดยได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ เอเชียน คัพ 2000 อีกต่างหาก
- โทชิฮิโระ ฮัตโตะริ กองกลางตัวรับสารพัดประโยชน์ ไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมา 2 ครั้ง ทั้งยังเป็นผู้มีส่วนร่วมกับแชมป์ เจลีก ทั้ง 3 สมัยของ จูบิโล่ ทั้งยังเล่นให้ทีมชาติกว่า 44 เกม
- โยชิคะสึ คาวากูชิ ผู้รักษาประตูระดับตำนาน เดอะ บลู ซามูไร ที่ลงเฝ้าเสาไปถึง 116 แมตช์ อันเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดอันดับ 6 ในนามทีมชาติ
- นาโอะฮิโระ ทากาฮาระ หัวหอกเบอร์หนึ่งทีมชาติญี่ปุ่น ยุค 2000' ทั้งยังเป็นคนแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จกับการค้าแข้งในเยอรมัน
[ 4 ] ยามาฮ่า และ 'ความสุข'
จุดเริ่มต้นของ จูบิโล อิวาตะ นั้นมาจากการรวมตัวของพนักงานบริษัทด้านอุตสาหกรรมระดับโลกอย่าง ยามาฮ่า ที่ส่งเข้าแข่งขันฟุตบอล ก่อนจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในเวลาต่อมา
ส่วนคำว่า จูบิโล่ นั้นมาจากภาษาโปรตุเกส โดยแปลเป็นไทย ได้ว่า 'ความสุข'
ขณะเดียวกัน อิวาตะ นั้นคือชื่อ 'เมือง' ที่ตั้งของสโมสร ซึ่งอยู่ในจังหวัด ชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น และที่สำคัญ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ ยามาฮ่า อีกด้วย
ดังนั้น จูบิโล่ กับ อิวาตะ มารวมกันจึงเป็น 'ความสุขจากเมือง อิวาตะ' นั่นเอง
[ 5 ] ผู้เล่นระดับโลกก็เคยค้าแข้งที่นี่
นอกจาก ดุงก้า ที่เคยมาสร้างปรากฏการณ์ที่ เจลีก - ยังมี ซัลวาตาเร่ สกิลลาชี่ ศูนย์หน้าทีมชาติอิตาลี ชุดอันดับ 3 เวิลด์ คัพ 1990 เจ้าของรางวัล 'ดาวซัลโวสูงสุด' ในทัวร์นาเมนต์นั้น ก็เคยมาเล่นที่ ยามาฮ่า สเตเดี้ยม ในยุคใกล้ๆ กัน
หัวหอกอัซซูรี่ย้ายมาในปี 1994 ก่อนจะค้าแข้งที่ญี่ปุ่น 4 ซีซั่น กระทั่งแขวนสตั๊ดไปในที่สุด
[ 6 ] ชิซูโอกะ เดอร์บี้ สุดเร้าใจ
ด้วยความที่ จูบิโล่ อิวาตะ กับ ชิมิสึ เอส-พัลส์ อยู่ในจังหวัด ชิซูโอกะ เช่นเดียวกัน พวกเขาจึงกลายเป็นคู่ปรับตลอดกาลแบบไม่อาจหลีกเลี่ยง
การเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองทีมมักจะเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกของแฟนฟุตบอลเนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันซึ่งน้อยนักจะมีเกิดขึ้นในประเทศที่มีความเจริญทางด้านจิตใจสูงลิ่ว
ดังนั้น 'ชิซูโอกะ ดาร์บี้' จึงเป็นหนึ่งในดาร์บี้ที่แฟนฟุตบอลต่างต้องการเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุดนั่นเอง
[ 7 ] ระยะหลังขึ้นและลง เจลีก บ่อยครั้ง
นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา จูบิโล่ อิวาตะ ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่าง เจลีก 1 กับ เจลีก 2 เป็นประจำ เพราะพวกเขาอยู่ในลีกสูงสุด 5 ซีซั่น แต่ก็หล่นไปอยู่ลีกรองอีก 5 ฤดูกาล เท่ากันพอดี
โดยเฉพาะ 4 ปี หลังสุดที่ขึ้น-ลง เจลีก แบบปีเว้นปีเลยทีเดียว
2021 - แชมป์ เจลีก 2 (เลื่อนชั้น)
2022 - อันดับ 18 (ตกชั้น)
2023 - อันดับ 2 เจลีก 2 (เลื่อนชั้น)
2024 -อันดับ 18 (ตกชั้น)
[ 8 ] ฐานเยาวชนแข็งแรง
สถาบันเยาวชนของ จูบิโล่ อิวาตะ เป็นหนึ่งในอะคาเดมี่ลูกหนังชั้นนำของญี่ปุ่น เนื่องจากมีผลิตผลออกสู่ทั้งในและนอกประเทศอยู่เสมอ
ในอดีต พวกเขาปั้นเยาวชนมากมายออกมาค้าแข้งใน เจลีก โดยรุ่นหลังๆ นั้นมี ฮิโรกิ อิโตะ เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติญี่ปุ่น ที่ไปโด่งดังในเยอรมัน กับ สตุ๊ทการ์ต ก่อนจะถูก บาเยิร์น มิวนิค ซื้อไปร่วมทัพ
ล่าสุดยังมี เคซูเกะ โกโตะ หัวหอกตัวเป้าที่อาจจะยังไม่ติดทัพ เดอะ บลู ซามูไร ชุดใหญ่ แต่ก็กำลังไปได้สวยในการค้าแข้งที่เบลเยียม กับ อันเดอร์เลชท์
จากโครงสร้างเยาวชนที่พวกเขาเพาะบ่มมาตลอดหลายสิบปี ทำให้ จูบิโล่ มีรากฐานที่ค่อนข้างมั่นคงมากๆ ในญี่ปุ่น
[ 9 ] ระบบการเล่นปัจจุบัน
ปัจจุบัน จูบิโล่ อิวาตะ มี จอห์น ฮัตชินสัน เฮดโค้ชเชื้อสายออสเตรเลีย-มอลต้า เป็นกุนซือ ซึ่งเทรนเนอร์วัย 45 ปี ชื่นชอบในระบบ 4-3-3 แต่จะเน้นไปที่เกมรับเป็นหลัก ซึ่งอาจจะดูขัดๆกับปรัชญาสโมสรที่เน้นเอนเตอร์เทนแฟนฟุตบอลมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตามด้วยความที่พวกเขาตั้งเป้าจะหวนคืนสู่ เจลีก ให้ได้ภายในซีซั่นเดียว การเล่นเพื่อเอาผลการแข่งขันจึงเป็นวิถีทางที่ดีที่สุด
ฮัตชินสัน เคยรับหน้าที่กุนซือรักษาการให้ โยโกฮามะ มะรินอส เมื่อซีซั่น 2024 โดยคุมทีมนานถึงครึ่งปี ดังนั้นเขาจึงเป็นบิ๊กบอสที่น่าสนใจที่สุดคนหนึ่งของญี่ปุ่น เช่นกัน
[ 10 ] โอกาสของ ปรเมศย์?
ในตำแหน่งกองหน้า - จูบิโล่ อิวาตะ มีผู้เล่นในตำแหน่งนี้ 5 คน โดยที่ 3 รายเป็นหัวหอกตัวเป้าธรรมชาติ ได้แก่...
- มาเธอุส เปยโชโต้ ดาวซัลโวประจำทีมชาวบราซิล รูปร่างใหญ่ เพราะสูงถึง 1.90 เมตร ทั้งยังซัดไปแล้ว 6 ประตู กับทำ 2 แอสซิสต์ จาก 18 เกมใน เจลีก 2
- เรียว วาตานาเบะ เพชฌฆาตหมายเลข 9 แต่ฟอร์มค่อนข้างฝืด เพราะทั้งฤดูกาล 2025 เพิ่งยิงได้ประตูเดียวเท่านั้นในทุกรายการ
- เรียวงะ ซาโตะ รายนี้เป็นกองหน้ากึ่งปีก รูปร่างเล็ก แต่คล่องแคล่ว อีกทั้งยังสามารถยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าได้เช่นกัน
จาก 3 รายที่ จูบิโล่ มีในปัจจุบัน เชื่อได้เลยว่าคู่แข่งโดยตรงของ ปรเมศย์ ย่อมเป็น มาเธอุส เปยโชโต้ ที่มีความแข็งแกร่งเป็นอาวุธหลัก แต่ก็ใช่ว่าดาวยิงทีมชาติไทย จะไร้ทางต่อกร เพราะหมอนี่เป็นนักเตะที่มุ่งมั่นในทางฟุตบอลเพียวๆ ดังนั้นขอเพียงรักษาความตั้งใจ ยังไงเขาก็จะคว้าโอกาสนั้นได้อย่างแน่นอน