สุขเต็มรักทุกข์เต็มทรวง! 10 เหตุการณ์ที่สุดแห่งปี 2025 วงการฟุตบอล

สุขเต็มรักทุกข์เต็มทรวง! 10 เหตุการณ์ที่สุดแห่งปี 2025 วงการฟุตบอล
วงการฟุตบอลในรอบปี 2025 เต็มไปด้วยสีสันทั้งสุข และเศร้า แต่ละเรื่องราวสร้างความทรงจำให้กับผู้คนที่รักในกีฬาลูกหนัง และแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่าที่คู่ควรให้รำลึกถึง

สำหรับในอีกไม่กี่วันก็จะหมดปีมะเส็ง หรือ ปีงูเล็ก แล้ว มีเรื่องราวที่อยู่ในความทรงจำมากมาย ทั้งเรื่องราวดีๆ และเรื่องที่น่าเจ็บปวด แต่ทุกอย่างก็คือโมเมนต์ของชีวิตที่ทุกคนต้องจดจำ

แน่นอนว่าตลอด 365 วันย่อมมีสิ่งที่น่าสนใจนับไม่ถ้วน แต่ขอเลือก 10 โมเมนต์ที่ทุกคนไม่มีวันลืม ส่วนมีเรื่องอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย 

1. การเสียชีวิตของ โชต้า 

การจากไปของ ดีโอโก้ โชต้า เป็นเรื่องที่สุดช็อกที่สุดในวงการฟุตบอลปี 2025 หลังจากเขากับน้องชายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่สเปน ขณะเดินทางเพื่อกลับมายัง ลิเวอร์พูล เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ช่วงปรีซีซั่น

ชีวิตของ โชต้า กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุข หลังนำ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2024/25 จากนั้นก็เป็นหนึ่งในขุนพลสำคัญนำ โปรตุเกส เถลิงแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก และเข้าสู่ประตูวิวาห์กับ รูเต้ การ์โดโซ่  แฟนสาวที่คบกันมานานพร้อมทั้งมีทายาทด้วยกัน 3 คน 

ทุกอย่างมันช่างสวยงาม และเต็มไปด้วยความสุข แต่แล้ววันที่ 3 กรกฎาคม เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจแฟนบอลทั่วโลก เมื่อ โชต้า และ อังเดร ซิลวา น้องชาย ควบแลมโบร์กินี กลับอังกฤษ แต่ประสบอุบัติเหตุจนนำไปสู่การเสียชีวิตของทั้งสองคน !!

โชต้า กำลังอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของชีวิต ประสบความสำเร็จในอาชีพและครอบครัว แต่มัจจุราชก็พรากชีวิตของเขาไปในวัยเพียง 28 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเจ็บปวดอย่างแท้จริง

ทุกวันนี้ลิเวอร์พูลได้ยกเลิกเสื้อหมายเลข 20 ไปแล้ว ขณะที่แฟนบอล "หงส์แดง" แสดงความรักและคิดถึง โชต้า ด้วยเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องในนาทีที่ 20 เพื่อเป็นครื่องยืนยันว่าเขาจะอยู่ในหัวใจของสาวก "เดอะ ค็อป" ชัวนิรันดร์

2. เชลซี สร้างประวัติศาสตร์ทีมแรกคว้าทุกแชมป์

ผลงานหักปากกาเซียนที่ไล่ถลุง ปารีส แซงต์-แชร์กแม 3-0 คว้าแชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 ส่งผลให้ เชลซี กลายเป็นสโมสรแรกในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังโลกที่คว้าแชมป์ทุกรายการในระดับสโมสร 

เชลซี กวาดแชมป์บนเวทีลูกหนังยุโรปครบทุกรายการได้แก่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย (2011/12, 2020/21), ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2 สมัย (2012/12, 2018/19) ,ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ 2 สมัย (1970/71, 1997/98) ปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย (1998, 2021),  และ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก (2024/25) 

ความสำเร็จบนพื้นแผ่นดินยุโรปทำให้ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ตัดสินใจมอบรางวัลพิเศษที่เรียกว่า "ยูโรเปี้ยน เซ็ต"  ให้กับ เชลซี สำหรับความยิ่งใหญ่ที่พวกเขาทำได้

จริงๆ แล้ว "สิงโตน้ำเงินคราม" เคยคว้าแชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ มาแล้วเมื่อปี 2021 แต่ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้ยกเลิกแชมป์ดังกล่าว โดยให้เปลี่ยนแชมป์ฟีฟ่า อินเตอร์คอนติเนนตัล ดังนั้นการผงาดคว้าโทรฟี่ในปี 2025 จึงเป็นสมัยแรกของพวกเขา และเป็นแชมป์สโมสรโลกทีมแรกอย่างเป็นทางการ

3. ลิเวอร์พูล สูงสุดสู่สามัญอย่างรวดเร็ว

เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2024 คอลูกหนังที่ได้ยินชื่อของ อาร์เน่อ สล็อต ในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ ลิเวอร์พูล เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยแทบไม่รู้จักเขา และผลงานของเจ้าตัว ที่สำคัญหลายคนมองว่า "หงส์แดง" ต้องตั้งต้นใหม่ และอาจใช้เวลานานกว่าจะกลับมาลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ด้วยมรดกชั้นยอดที่ คล็อปป์ ทิ้งเอาไว้ กอปรกับมันสมองในการปรับกลยุทธ์ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทีมมากนักทำให้ "เดอะ เร้ดส์" ฟอร์มร้อนแรงเกินห้ามใจ และสุดท้ายพวกเขาทำให้เซียนลูกหนังต้องหน้าแหกเมื่อผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีได้อย่างสุดยอดเมื่อฤดูกาล 2024/25

กระนั้นการเปลี่ยนแปลงภายในทีม และการเสริมทัพครั้งใหญ่ กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องพบกับปัญหามากมาย ผลงานที่เคยโดดเด่นจนคว้าแชมป์เมื่อซีซั่นที่ผ่านมาไม่เหลืออีกเลย และทีมต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนในการปรับตัวกับแท็คติกใหม่ของโค้ชอาร์เน่อ

การมีผู้เล่นระดับโลกค่าตัวแพงหลายคนเข้ามาร่วมทีม และการปรับแท็กติกการเล่นที่ไม่เหมือนเดิม ทำให้ ลิเวอร์พูล ผลงานระส่ำอย่างมากในช่วงครึ่งซีซั่นแรกของฤดูกาลนี้ และทำให้ กุนซือชาวดัตช์ มีชื่อติดอันดับต้นๆ ที่จะโดนปลด!!

แม้สถานการณ์ในเวลานี้อาจจะคลี่คลายไปบ้าง แต่ อาร์เน่อ จำเป็นต้องรักษามาตรฐานการเล่นให้ดีกว่านี้ และที่สำคัญด้วยเม็ดเงินที่ลงทุนไปพวกเขาควรมีความสำเร็จเป็นรูปธรรม ไม่อย่างนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งก็ได้ 

4. เปแอสเช ครองความยิ่งใหญ่

ต้องยอมรับว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง พยายามสร้างความยิ่งใหญ่บนเวทีลูกหนังยุโรป หลังจากที่พวกเขาใหญ่คับดินแดนฝรั่งเศส จากการคว้าแชมป์ในทุกรายการบนแผ่นดินน้ำหอม

"เปแอสเช" ภายใต้การกุมบังเหียนของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ กลายเป็นสโมสรที่สร้างผลงานสะท้านปฐพี หลังจากพวกเขาโชว์ฟอร์มสุดโหดถลุง อินเตอร์ มิลาน 5-0 ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อซีซั่น 2024/25 ซึ่งเป็นสมัยแรกของพวกเขา

นอกจากนี้ทีมยังเดินหน้าคว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ด้วยการชนะจุดโทษ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์  และตามด้วย แชมป์ ฟีฟ่า อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ : ชนะจุดโทษ ฟลาเมงโก 2-1

ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือในปี 2025 ยอดทีมแห่งเมืองหลวงแดนไวน์ละมุน ยังคว้าแชมป์เรียบวุธในประเทศได้แก่ ลีก เอิง, กูป เดอ ฟร้องซ์ และ โทรเฟ เดส์ ชองปียองส์ ทำให้ "เปแอสเช" สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์รวมทั้งหมด 6 รายการ หรือที่เรียกว่า  "เซ็กซ์ทูเพิล" (Sextuple) ภายในปีเดียว 

5. ลิเวอร์พูลครองแชมป์ยอดใช้จ่ายตลาดซัมเมอร์ 2025

 ลิเวอร์พูล ขึ้นแท่นเป็นสโมสรที่ใช้จ่ายเงินมากที่สุดในตลาดซัมเมอร์นี้ ด้วยยอดรวม446.2 ล้านปอนด์ (ราว 19,632 ล้านบาท) แต่ผลงานสวนทางกับเม็ดเงินที่ลงทุนจริงๆ 

สำหรับดีลที่สร้างความฮือฮาที่สุดคือการทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสรคว้าตัว ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัว 116 ล้านปอนด์ (ราว 5,104 ล้านบาท) และ  อเล็กซานเดอร์ อิซัค จาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 125 ล้านปอนด์ (ราว 5,500 ล้านบาท)

นอกจากนี้ "หงส์แดง" ยังได้นักเตะใหม่อย่าง เจเรมี่ ฟริมปง, มิลอส เคอร์เคซ และ อูโก้ เอกิติเก้ เป็นต้น แน่นอนว่าการเสริมทัพเพื่อสร้างทีมใหม่เป็นสิ่งจำเป็น หลังสโมสรมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, หลุยส์ ดีอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เป็นต้น ต้องย้ายทีมไป

อย่างไรก็ตามตัวเลขค่าใช้จ่ายที่ทุ่มลงไปช่วงซัมเมอร์สวนทางกับฟอร์มของ "เดอะ เร้ดส์" ในเวลานี้ เพราะ อาร์เน่อ ยังไม่สามารถหาแท็คติกที่เหมาะเจาะลงตัวกับขุมกำลังใหม่ และดึงศักยภาพชั้นยอดของนักเตะอย่าง เวียร์ตซ์ และ อีซัค ออกมาได้ 

จากสถานการณ์ที่ ลิเวอร์พูล รั้งอันดับ 5 ในตารางลีก มีแต้มตามหลัง อาร์เซน่อล จ่าฝูงถึง 10 คะแนน โอกาสในการป้องกันแชมป์ริบหรี่เหลือเกิน ฉะนั้นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ และโควตาท็อปโฟร์ คือเป้าหมายที่พอจะทดแทนเม็ดเงินที่สโมสรทุ่มลงไป 

6. แมนยู หนี้พุ่งทำสถิติใหม่

แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงดีใจยกใหญ่หลัง โอมาร์ เบร์ราด้า ซีอีโอสโมสรนำเสนอข้อมูลที่ระบุว่า "ผีแดง" กำลังมีความคืบหน้าทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกอยู่ที่ 13.3 ล้านปอนด์ (ราว 585.2 ล้านบาท) เทียบกับการขาดทุน 6.9 ล้านปอนด์ (ราว 303.6 ล้านบาท) ในปีก่อน

ถึงแม้สโมสรจะเริ่มมีผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรก แต่หนี้สุทธิกลับพุ่งสูงขึ้นเป็นปรากฏการณ์ ทำสถิติใหม่ที่น่าตกใจ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วม กำลังเดินตามรอยแนวทางการบริหารสร้างหนี้ของตระกูลเกลเซอร์

สำหรับหนี้สุทธิของสโมสรที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อยู่ที่ประมาณ 749.2 ล้านปอนด์ (ราว 32,964.8 ล้านบาท) และหนี้ก้อนเดิม 481 ล้านปอนด์ (ราว 21,164 ล้านบาท) จากการเทกโอเวอร์แบบกู้ยืมของตระกูลเกลเซอร์ก็ยังคงอยู่โดยไม่มีการลดลงเลย

ที่สำคัญมีการวิเคราะห์ว่า ตัวเลขกำไรที่เกิดขึ้นในไตรมาสแรกส่วนหนึ่งมาจากการใช้ มาตรการรัดเข็มขัดอันโหดเหี้ยม ของเซอร์จิม เช่น การปลดพนักงานออฟฟิศและการตัดสวัสดิการต่าง ๆ

ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินชี้ว่า กำไรส่วนใหญ่นั้นมาจากการขายนักเตะ โดยเฉพาะการขาย อเลฮานโดร การ์นาโช่ ให้กับเชลซีถึง 40 ล้านปอนด์ (ราว 1,760) กระนั้นการที่ "เร้ด เดวิลส์" ไม่ได้เล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปย่อมส่งผลกระทบต่อรายได้รวมของปีนี้ด้วย 

7. คอนเต้ คุมปีแรกสร้าง นาโปลี แชมป์ ปั้น "แม็คทอม" ยิ่งใหญ่

อันโตนิโอ คอนเต้ ไปอยู่ที่ไหน ที่นั่นมีความสำเร็จให้เชยชม! การเข้ามากุมบังเหียน นาโปลี ของเขาทำให้ยอดทีมแห่งเมืองเนเปิ้ลส์หวนกลับมาสัมผัสแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อีกครั้ง

ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ คอนเต้ กลายเป็นกุนซือคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ เซเรีย อา ที่ได้แชมป์กับ 3 สโมสร หลังเขาเคยทำได้กับ "ม้าลาย" ยูเวนตุส และ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน

นอกจากแชมป์แล้ว คอนเต้ ยังสามารถดึงศักยภาพชั้นยอดของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หลังนักเตะกลายเป็นส่วนเกินของ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่กลับเป็นคีย์แมนสำคัญนำ นาโปลี คว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนพาสต้า

แม็คโทมิเนย์ ผงาดคว้ารางวัลนักเตะทรงคุณค่าที่สุดของ เซเรีย อา (เอ็มวีพี) หลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา และล่าสุดรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 2025 ของ เซเรีย อา รวมทั้งมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมแห่งซีซั่นด้วย

นอกจากความสำเร็จระดับสโมสรและส่วนตัวแล้ว "แม็คทอม" ยังมีส่วนสำคัญในการนำทีมชาติสกอตแลนด์ ตีตั๋วเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย ศึกฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งเป็นครั้งแรกของทัพ "วิสกี้" นับตั้งแต่ปี 1998 เลยทีเดียว

8. ซาลาห์ ทิ้งบอมบ์ใส่แอนฟิลด์ 

หลังจบเกมที่ ลิเวอร์พูล เสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-3 สิ่งที่ช็อกมากกว่าผลการแข่งขันก็คือบทสัมภาษณ์ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่โยนระเบิดใส่สโมสรและ อาร์เน่อ สล็อต หลังนักเตะโดนดร็อปเป็นตัวสำรอง 

คำพูดที่อ้างว่าเขาเหมือนเป็นแพะรับบาปหลัง "หงส์แดง" ฟอร์มร่วงกราวรูด ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับตัวเขา และนำไปสู่การโดนตัดชื่อออกจากทีมในแมตช์บุกชนะ อินเตอร์ มิลาน 1-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ ลีก เฟส 

แม้ว่า "บังโม" จะพูดคุยแบบเปิดอกกับ โค้ชอาร์เน่อ ไปเรียบร้อยแล้ว และนักเตะได้สวนกลับมาช่วยทีมในเกมชนะ ไบรท์ตัน 2-0  แถมฟอร์มการเล่นของโดดเด่นน่าประทับใจ แต่ก็ยังไม่ทำให้สถานการณ์ของเขากับสโมสรคลายความตึงเครียด

เพราะในช่วงที่ผ่านมา ชื่อของ ซาลาห์ มักตกเป็นข่าวเรื่องการย้ายทีมในตลาดพ่อค้าแข้งรอบ 2 เดือนมกราคมที่จะเปิดฉากในสัปดาห์หน้า ดังนั้นหลังจากที่เขาเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ อียิปต์ ในศึกแอฟคอน 2025 ทุกอย่างคงกระจ่างชัดมากกว่านี้

9. โรนัลโด้ ลักกี้อินเกม ลักกี้อินเลิฟ

ทุกย่างก้าวในชีวิตของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้รับความสนใจจากทุกๆ คน โดยเฉพาะเรื่องชีวิตคู่ เพราะเขาอยู่กินกับ จอร์จิน่า โรดริเกซ มานาน 9 ปีมีลูกด้วยกันหลายคน แต่ยังไม่ยอมแต่งงานซะที

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้บทสรุปในปี 2025 หลัง โรนัลโด้ ตัดสินใจขอหวานใจสุดเซ็กซี่ร่วมหอลงโรงอย่างเป็นทางการ พร้อมกับมอบแหวนหมั้นเป็นเพชรเม็ดโต เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าจะควง จอร์จิน่า เข้าสู่ประตูวิวาห์แน่นอน 

สำหรับประกาศคำมั่นสัญญาต่อหน้าบทหลวงอย่างเป็นทางการ น่าจะเกิดขึ้น หลังจบฟุตบอลโลก 2026 ส่วนสถานที่คาดว่าน่าจะจัดที่โบสถ์เมืองฟุงชาล บ้านเกิดของดาวยิงโปรตุกีส

เรื่องความรักก็ไปได้สวย เรื่องความสำเร็จในวงการลูกหนังก็ไม่ธรรมดา เพราะตอนนี้ โรนัลโด้ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะคนแรกที่กลายเป็นเศรษฐีระดับบิลเลียนแนร์ หลังเซ็นต่อสัญญากับ อัล นาสเซอร์ แล้วรับอื้อซ่า แถมมีสปอนเซอร์ดังๆ เพียบ

ดาวเตะวัย 40 ปี ได้รับค่าเหนื่อยจากการเซ็นสัญญาใหม่กับ อัล นาสเซอร์ จำนวนมากกว่า 300 ล้านปอนด์ (ราว 13,200 ล้านบาท) กอปรกับตกลงกับแบรนด์ดังทั้ง อาร์มานี่ และ ไนกี้  นั่นทำให้ตอนนี้ "เฮียโด้"  มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 1.04 พันล้านปอนด์ (ราว 45,760 ล้านบาท) 

10. สมาคมฟุตบอลล้มเหลวในซีเกมส์

ต้องยอมรับว่าปี 2025 สมาคมฟุตบอลไทย ต้องพบกับความผิดหวังอย่างมากโดยเฉพาะการชวด 4 เหรียญทองในการแข่งขันกีฬาลูกหนังศึกซีเกมส์ !! 

การได้ 2 เหรียญเงินจากฟุตบอลชาย และ ฟุตซอลชาย กับ 2 เหรียญทองแดง จาก จากฟุตบอลหญิง และฟุตซอลหญิง ถือเป็นความล้มเหลวอย่างมากเมื่อเทียบกับศักยภาพของกีฬาลูกหนังของทัพช้างศึก

ยิ่งไปกว่านั้นมหกรรมกีฬาแห่งชาวอาเซียน จัดขึ้นบนพื้นแผ่นดิน "ขวานทอง" ซึ่งได้เปรียบทั้งความคุ้นเคยสนาม และกองเชียร์แดนสยามที่พร้อมหนุนหลังเต็มที่ แต่สุดท้ายเป้าหมายเหรียญทองกลับหลุดลอยไปทั้งหมด 

จริงๆ แล้ว ซีเกมส์ ถือเป็นโอกาสดีที่วงการลูกหนังไทยจะเรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับคืนมา หลังกระแสไม่ค่อยดีนักในปี 2025 ดังนั้นการคว้าเหรียญทองให้ได้ทั้งหมดน่าจะช่วยเยียวยาความรู้สึกของคอลูหนังชาวไทย แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ

หากมองในแง่บวกอย่างน้อยฟุตบอลและฟุตซอลไทยมีเหรียญรางวัลติดมือ แต่หากมองจากความเป็นจริง นี่คือความล้มเหลวอย่างน่าเจ็บปวด

อย่าไรก็ตาม แฟนบอลชาวไทยก็หวังว่าความผิดหวังเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันนำไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมายใหญ่ในอนาคต 

✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄



ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport