ลิเวอร์พูล ทิ้ง โม ซาลาห์ ไว้ที่บ้าน แล้วบุกไปเฉือน อินเตอร์ มิลาน ถึงถิ่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแรก และต่อไปคือสิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมอยากจะบอก
1. นอกจากจะทิ้ง 'พี่โม' ให้เป็นเจ้าหนู 'โฮม อโลน' แล้ว 'หงส์แดง' ยังปราศจาก โคดี้ คักโป บุตรแห่ง อาร์เน่อ กับ เฟเดริโก้ เคียซ่า แถมไม่ส่ง โฟลเรียน เวียร์ตซ์ ลงตัวจริงซะด้วย
...ว่าแล้วผู้เป็นกุนซือเลยจัด 'หน้าคู่' ด้วยการใช้ อูโก้ เอกิติเก้ กับ อเล็กซานเดอร์ อีซัค เป็นหัวหอก พลางอัดตรงกลางแน่นหนาถึง 4 ตัว โดยให้ฟูลแบ็ค 2 ข้างเติมเกมรุกทางริมเส้นแทนปีก
ระบบคล้ายๆ 4-3-1-2 หรือ 4-2-2-2
2. ทั้ง 2 ทีมผลัดกันรุกและผลัดกันรับอย่างระมัดระวังพลางเล่นกันด้วยความรัดกุม ไม่กล้าดันหลังสูง เหมือนกลัวเสียประตู และพอใจกับการไม่แพ้ซะมากกว่า
เกมจึงออกมาไม่ค่อยสนุกสนานสักเท่าไหร่
แต่จังหวะบุกของทีมเยือนดูจะได้น้ำได้เนื้อมากกว่า
3. ครึ่งแรกมีจังหวะที่ ลิเวอร์พูล ยัดลูกเข้าประตูจากการโหม่งของ อิบู โกนาเต้ ก่อนถูกจับได้ว่ามีการ 'แฮนด์บอล' เสียก่อน
ถ้าไม่ถูกยึดคืนเสียก่อน เกมน่าจะมีอัตราความเมามันมากกว่านี้ เพราะในครึ่งหลัง รูปเกมก็ออกมาคล้ายๆ ครึ่งแรก คือเล่นกันแบบไม่ผลีผลาม หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจู่โจมช้า อีกฝ่ายจะถอยลงไปปิดพื้นที่ในแดนแน่นหนาทันที
4. กระทั่งดาวเตะค่าตัว 116 ล้านปอนด์ กับแบ็คขวาอย่าง คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ถูกส่งลงมา เกมของแชมป์พรีเมียร์ลีกดูจะมีชีวิตชีวามากขึ้น
การใช้หัวหอกคู่ยังไม่ค่อยเวิร์ค อเล็กซานเดอร์ อีซัค ไม่ค่อยมีบทบาทมากนักจนถูกเปลี่ยนตัวออกให้ โฟลเรียน เวียร์ตซ์ ลงมานั่นแหละ
เกมรุกมีความสร้างสรรค์มากขึ้นอย่างชัดเจน แถมยังช่วยให้ ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษ !!!
5. จุดโทษของ 'หงส์แดง' มาจากจังหวะที่ปราการหลังของ อินเตอร์ฯ อย่าง อเลสซานโดร บาสโตนี่ เอามือไปดึงเสื้อ โฟลเรียน เวียร์ตซ์ ที่หันหลังให้ประตูแท้ๆ
ถ้าไม่ดึงนักเตะที่ เดอะ ค็อป เรียกว่า 'โฟล' ก็ไม่น่าจะหาจังหวะสับไก หรือทำอะไรได้
พูดง่ายๆ ว่า...ไม่ต้องดึงก็ได้ มึงจะดึงทำแมวน้ำอะไร ใครสอนให้เล่นแบบนั้น ฟายยยย กูอุตส่าห์อดหลับอดนอน ง่วงๆก็ง่วง คืนก่อนกูก็ดูบอลตอนตี 3 เกมกำลังจะเสมออยู่รอมร่อ มึงจะดึงหาป้ามึงเหรอครับ มันไม่จำเป็นเลย ผีห่าซาตานตนไหนดลใจให้ทำแบบนั้น แล้วใครจะรับผิดชอบความรู้สึก มึงจะบ้าหรือเปล่าเนี่ย อส อนสต อห อยม อนห ยสตน หตมต คคคค