ฟุตบอลไม่เคยใจดี… แม้ต่อคนที่เคยพาทีมเป็นแชมป์

ฟุตบอลไม่เคยใจดี… แม้ต่อคนที่เคยพาทีมเป็นแชมป์
บางครั้งประโยคที่หนักที่สุดไม่ได้มาจากคำวิจารณ์ที่ดุดัน แต่มาจากถ้อยคำที่เราเองก็ไม่อยากเอ่ย และในค่ำคืนที่ ลิเวอร์พูล ถูก พีเอสวี บุกถล่ม 4-1 ประโยคที่ผมไม่อยากพูดที่สุดก็ชัดเจนเกินกว่าจะหลีกหนีได้แล้ว "อาร์เน่อ… อาจจะไม่ควรเป็นเฮดโค้ช ลิเวอร์พูล อีกต่อไป"

อีกหนึ่งคืนที่ แอนฟิลด์ ที่ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของเจ้าถิ่น

เสียงเชียร์อาจไม่ได้ดังเท่าสัญญาณที่ส่งออกมา

สัญญาณที่ดัง และเป็นสัญญาณที่บอกว่า ยุคของ อาร์เน่อ ใกล้มาถึงจุดจบ

มันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติอีกต่อไป มันไม่ใช่รอยร้าวธรรมดา ๆ แต่คือโครงสร้างที่มันพังแล้วจริง ๆ 

เพื่อให้เข้าใจถึงความเจ็บปวด ย้อนกลับไปวันที่ อาร์เน่อ ถูกยกย่องว่าเป็นคำตอบของ ลิเวอร์พูล

เขาคือ กุนซือคนที่ 2 ในรอบ 35 ปีที่พาสโมสรคว้าแชมป์ลีก

เป็นคนที่เข้ามาสานต่อยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ และคืนกลับความสดชื่นให้กับทีม

เป็นคนที่ปรับบทบาท ไรอัน กราเฟนแบร์ก ให้ดีขึ้นในแบบที่ใครหลายคนมองไม่เห็น

และเป็นคนที่พิสูจน์ว่าเขาไม่ได้แค่นั่งบนรถที่ คล็อปป์ สร้าง แต่เติมตัวตนและแนวทางของตัวเองลงไปจริง ๆ

ฤดูกาลที่แล้ว เราเห็นความกล้า เราเห็นฟุตบอลที่เล่นสนุก และที่สำคัญเราเห็นว่า นักเตะเชื่อในเขา

อย่างไรก็ตาม

ฤดูกาลนี้ ทุกอย่างหายไป ไม่ใช่หายไปแบบชั่วคราว แต่หายไปแบบไม่ทิ้งร่องรอย

สิ่งที่ตระหนักได้ก็คือ ลิเวอร์พูล ตอนนี้แย่กว่า ลิเวอร์พูล ทุกยุคตั้งแต่ปี 1953

แพ้ 9 จาก 12 เกมหลังสุด เสีย 7 ประตูสองนัดติดที่ แอนฟิลด์

และที่สำคัญที่สุด ไม่มีสัญญาณใดบอกว่าสิ่งเหล่านี้จะดีขึ้น

ตรงกันข้าม… กลับแย่ลงทุกนัด

...

เกมกับ พีเอสวี เผยให้เห็นว่าระบบเสียทั้งระบบ

ถ้าให้เลือกเกมหนึ่งเกมที่สะท้อนทุกปัญหาของ ลิเวอร์พูล ยุคสล็อต

เกมนี้คือเกมนั้น เพราะมันไม่ใช่แค่การแพ้แต่คือแพ้แบบหมดทางสู้

1. ลิเวอร์พูล สร้างโอกาสยิง 27 ครั้ง พีเอสวี มี 9 ครั้ง

แต่ค่า xG ลิเวอร์พูล 2.66 ส่วน พีเอสวี 2.21

ตัวเลขนี้บอกเราว่า ลิเวอร์พูล ต้องยิงจำนวนมากเพื่อได้โอกาส xG เท่ากับ พีเอสวี 

นั่นคือปัญหาใหญ่ของเกมรุก มันไม่มีคุณภาพ ไม่มีรูปแบบ ไม่มีแพทเทิร์นการเจาะ ไม่มีทิศทางในบอลพื้นที่สุดท้าย

2. พีเอสวี ไม่ได้เล่นแบบทีมที่เป็นรองแบบที่ ลิเวอร์พูล แพ้ประจำ

นี่ไม่ใช่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

นี่ไม่ใช่ เบรนท์ฟอร์ด

นี่ไม่ใช่ทีมที่อาศัยบอลยาวหรือลูกเตะมุมกดดัน

พีเอสวี ชนะด้วยฟุตบอลพื้นฐานที่ดีกว่า แท็กติกที่ชัดกว่า การปรับเกมที่ฉลาดกว่า ความแม่นในการเล่นทะลุแดนกลาง และการเล่นโต้กลับที่มีประสิทธิภาพ

ที่สำคัญ พวกเขาเล่นดีกว่า ลิเวอร์พูล ทั้งเกม

3. การเพรสซิ่งที่เคยเป็นจิตวิญญาณ หายไปจนกลายเป็นเหมือนว่า พีเอสวี กำลังเลี้ยงบอลผ่านกรวยซ้อม

ฤดูกาลที่แล้ว การเพรสยังดีเพราะมันเป็นของเดิมจากยุค คล็อปป์

แต่พอ อาร์เน่อ เริ่มติดตั้งการเพรสแบบของเขาเอง...

ทุกอย่างพัง

4. เกมรุกที่หลงทาง นักเตะฟอร์มตกจนเหมือนทีมคนละชุดกับฤดูกาลก่อน

โม ซาลาห์, กัคโป,อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ รวมถึงตัวใหม่อย่าง ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ และ อูโก้ เอกิติเก้ ต่างฟอร์มตกลงพร้อมกันอย่างกับโดนปิดสวิตช์ทั้งทีม

นักเตะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ควรอยู่ ไม่ได้มีแพทเทิร์นการเข้าทำ ไม่ได้ถูกวางให้ใช้จุดเด่นที่ถนัด

ทุกอย่างดูเหมือนคิดไม่ออก และไม่มีทางเลือกที่ซ้อมไว้

แน่นอนว่า อิบราฮิม่า โกนาเต้ ผิดพลาด เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เสียจุดโทษแบบน่างง ซาลาห์ เล่นต่ำกว่ามาตรฐาน กัคโป หายไปจากเกม แม็ค อัลลิสเตอร์ ออกบอลสะเปะสะปะ ตัวใหม่ยังไม่เข้าใจระบบ

แต่เมื่อทุกคนมีปัญหา นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นั่นคือปัญหาเชิงโครงสร้าง

หน้าที่ของผู้จัดการทีมคือ ดึงศักยภาพนักเตะ กำหนดแท็กติกที่เหมาะสม 

แต่ตอนนี้ ลิเวอร์พูล กำลังเล่นแย่ และมันไม่มีสัญญาณว่าจะแก้ได้

อาร์เน่อ ดูเหมือนยอมแพ้โดยที่เขาเองก็รู้

ภาพเขาที่อยู่ข้างสนามเหมือนคนที่หมดคำตอบ เหมือนรู้ว่าทีมไม่ฟัง เหมือนโค้ชที่สั่งอะไรไปก็ไม่เกิดผล

นี่คือสัญญาณอันตรายที่สุดในวงการบอล เพราะถ้าผู้เล่นหลุดความเชื่อในโค้ชเมื่อไหร่… ทุกอย่างจบ

เหตุลดหย่อน ถามว่ามีมั้ย? มี… แต่ไม่เพียงพอจะอธิบายหายนะนี้

โอเคล่ะ มันมีปรีซีซั่นวุ่นวาย นักเตะบาดเจ็บ แบ็คขวาขาดทั้ง คอเนอร์ แบร็ดลีย์ กับ เจเรมี่ ฟริมปง

การจากไปของ ดีโอโก้ โชต้า, อเล็กซานเดอร์ อีซัค ยังไม่ฟิต ความไม่ลงตัวภายในทีม

แต่ปัจจัยเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายฟอร์มที่เละเทะแบบนี้ได้

ลิเวอร์พูล ชุดนี้มีคุณภาพมากพอ ลึกมากพอ เก่งมากพอ และควรจะเล่นดีกว่านี้ 10 เท่า

แต่คำถามคือ… ทำไมมันไม่เป็นแบบนั้นเลย?

...

ย้อนกลับไป ตอน FSG ปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส 

นี่คือจุดเปรียบเทียบที่ชัดที่สุด

ฤดูกาลที่ ร็อดเจอร์ส ถูกปลด ชนะ 1 จาก 8

ทีมคุณภาพต่ำกว่า สถานการณ์เข้าใจได้ง่ายกว่า แต่ฟอร์มไม่เละเท่านี้

ตอนนี้ อาร์เน่อ แพ้ 9 จาก 12 ทีมคุณภาพดีกว่า งบซื้อนักเตะเยอะกว่า โครงสร้างสนับสนุนมากกว่า ทว่าเล่นแย่กว่าแบบเห็นได้ชัด

อีกคำถามที่ต้องการถามคือ ร็อดเจอร์ส โดนปลดในตอนนั้น... ทำไม อาร์เน่อ ยังไม่ควรในตอนนี้?

เดวิน ลินช์ นักข่าวสาย ลิเวอร์พูล เผยข้อมูลที่สำคัญออกมาคือ นับตั้งแต่ 24 ชั่วโมงหลังความพ่ายแพ้ อาจมีการตัดสินใจที่เปลี่ยนอนาคต

แถลงข่าวก่อนเกม เวสต์แฮม ถูกเลื่อน ภายในสโมสรเริ่มเตรียมความเคลื่อนไหว

นี่คือช่วงเวลาเร่งด่วนสูงสุด FSG ต้องตัดสินใจภายในไม่กี่ชั่วโมง

และนักข่าวคนนี้ก็พูดหมดเปลือกว่า "ผมไม่เห็นทางที่ อาร์เน่อ จะรอดจากตำแหน่งนี้ได้อีกต่อไป"

มันไม่ใช่แค่การแพ้ แต่มันคือการแพ้แบบไม่มีทิศทาง

แพ้แบบหมดความหวัง

และแพ้แบบไม่เห็นอนาคตว่าจะแก้ได้อย่างไร

...

แม้ต่อให้เป็นคนที่เคยพาทีมเป็นแชมป์... ฟุตบอลก็ไม่เคยใจดี

มนุษย์คนหนึ่งพาทีมคว้าแชมป์สร้างความหวัง และถูกยกให้เป็นทายาทของ คล็อปป์

แต่วันนี้… เขาอาจเหลือเวลาไม่นานกับตำแหน่งเฮดโค้ช

ความจริงบนโลกมันโหดร้ายตรงนี้

คุณจะถูกตัดสินจากปัจจุบัน ไม่ใช่อดีต

คุณจะถูกจดจำจากผลลัพธ์ ไม่ใช่ความตั้งใจ

และคุณจะถูกปลด ถ้าทีมของคุณไม่มีทางกลับขึ้นมาได้อีก

วันนี้ อาร์เน่อ กำลังยืนอยู่บนเส้นบาง ๆ

เส้นที่กั้นระหว่างฮีโร่ของฤดูกาลก่อน และโค้ชที่หมดเวลาของตัวเองแล้ว

ไม่ว่า FSG จะตัดสินใจแบบไหน คืนนี้คือค่ำคืนที่บอกว่า...

มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

HOSSALONSO




ที่มาของภาพ : reuters
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport