กูร์กตัวส์ สุดเหนียวแต่ไม่รอด! เกร็ดและสถิติหลัง ลิเวอร์พูล พิชิต เรอัล มาดริด

กูร์กตัวส์ สุดเหนียวแต่ไม่รอด! เกร็ดและสถิติหลัง ลิเวอร์พูล พิชิต เรอัล มาดริด
ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์อัด เรอัล มาดริด 1-0 ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กูร์กตัวส์ โชว์เซฟ 8 ครั้งแต่พาทีมไม่รอด ขณะ จู๊ด เบลลิงแฮม ทำสถิติแข้งอายุน้อยสุดเล่นครบ 50 นัดในถ้วยนี้

เกมต้อนรับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลับสู่ แอนฟิลด์ จบลงด้วยความสุขของ ลิเวอร์พูล หลังจากพวกเขาเอาชนะ เรอัล มาดริด ไปได้ 1-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีก

สกอร์ที่ออกมามันอาจจะดูสูสี แต่เรื่องรูปเกมนั้นที่จริงแล้ว ลิเวอร์พูล ครองเกมได้เหนือกว่ามากๆ และน่าจะชนะขาดกว่านี้ด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่เพราะการเซฟของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายด่านจอมหนึบของทีมเยือน ซึ่งเราจะมาพูดถึงเกร็ดและสถิติจากเกมนี้กัน

- แผลครั้งที่ 5

นี่นับเป็นหนที่ 5 ที่ทาง ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะ มาดริด ในเกม ยูโรเปี้ยน คัพ/แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ ส่งผลให้ "หงส์แดง" คือทีมที่ยัดเยียดความปราชัยให้ "ราชันชุดขาว" ในถ้วยนี้ได้มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ร่วมกับ อินเตอร์ มิลาน และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดย 3 อันดับแรกประกอบไปด้วย บาเยิร์น มิวนิค (11 ครั้ง), ยูเวนตุส (9 ครั้ง) และ เอซี มิลาน (7 ครั้ง)

- เกมรุก มาดริด ไปไม่เป็น

ตลอดทั้งเกมนี้ มาดริด มีจังหวะยิงตรงกรอบเพียงแค่ 2 ครั้ง ทำให้มันถือเป็นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พวกเขามีจังหวะยิงตรงกรอบน้อยที่สุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2021-22 โดยครั้งนั้นก็เป็นการเจอกับ ลิเวอร์พูล เช่นกัน เพียงแต่หนนั้น มาดริด ยังชนะได้ 1-0 แถมตอนนั้นเป็นนัดชิงชนะเลิศด้วย

นอกจากนี้ การยิงตรงกรอบทั้ง 2 ครั้งในเกมล่าสุดมันก็เกิดขึ้นตั้งแต่ครึ่งแรกด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็ส่งผลให้นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ซีซั่น 2023-24 ที่ทีมระดับ มาดริด ยิงตรงกรอบไม่ได้สักครั้งเดียวในช่วงครึ่งหลังของเกมระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยตอนซีซั่น 2023-24 เป็นรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง ที่พวกเขาบุกไปเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1

ขณะเดียวกัน ถ้ามองกันที่ค่า โอกาสการได้ประตู หรือ Expected Goals แล้วนั้น เกมนี้ตัวเลขของ มาดริด ก็อยู่ที่เพียง 0.45 ลูก ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดของพวกเขากับการเล่นในทุกรายการนับตั้งแต่ที่เคยทำได้เพียง 0.47 ลูกในเกม ลา ลีกา นัดเจอกับ บียาร์รเอัล เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2024 เลยทีเดียว

- วันเฉิดฉายของ เวียร์ตซ์

ในช่วงครึ่งแรกของเกมนี้ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ สร้างโอกาสทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ได้ 5 ครั้ง และมันก็ทำให้เขาเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล คนแรกนับตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาที่สร้างโอกาสทำประตูได้เยอะขนาดนั้นตั้งแต่ช่วง 45 นาทีแรกกับการเล่นในทุกรายการ โดยเกมเมื่อตอนต้นปี 2025 คนที่สร้างโอกาสทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ครึ่งแรกได้เยอะแบบ เวียร์ตซ์ ก็คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำได้ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดเจอกับ เบรนท์ฟอร์ด

- กูร์กตัวส์ ช่วยไม่ไหว

ตลอดทั้งเกมนี้ กูร์กตัวส์ ออกแรงเซฟไปถึง 8 ครั้ง แบ่งเป็นครึ่งแรกกับครึ่งหลังอย่างละ 4 หน ทำให้นี่ถือเป็นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่ 7 ในชีวิตของเจ้าตัวที่ต้องเซฟอย่างน้อย 4 หนตั้งแต่ครึ่งแรก และในจำนวนนั้นก็เป็นการเจอกับ ลิเวอร์พูล 3 ครั้งด้วยกัน

นอกจากนี้ ถ้านับจำนวนรวมการเซฟระหว่างลูกแรกที่เสียไปตั้งแต่การลงเล่นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรกของซีซั่นนี้ (ชนะ มาร์กเซย 2-1) จนถึงลูกล่าสุดที่โดน อเล็กซิส แม็ก อัลลิสเตอร์ เจาะตาข่ายแล้วนั้น กูร์กตัวส์ ก็มีจังหวะเซฟในเกมชิงถ้วยบิ๊กเอียร์รวมแล้วถึง 19 หนติดต่อกันเลย

- จู๊ด และ เทรนต์ สุดช้ำในวันพิเศษ

การได้ลงสนามในเกมนี้ทำให้ จู๊ด เบลลิงแฮม กลายเป็นแข้งอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก แตะหลัก 50 นัด ด้วยวัยเพียง 22 ปีกับ 128 วัน ทำลายสถิติเดิมของ อีเกร์ กาซียาส ที่เคยทำเอาไว้ตอนอายุ 22 ปีกับ 155 วันลงได้ โดยจำนวนการลงเล่นของ เบลลิงแฮม แบ่งเป็น 27 นัดกับ มาดริด และ 23 เกมกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

ทางฝั่ง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เขาก็ถือเป็นแข้งชาวอังกฤษคนที่ 2 ที่เคยเป็นนักเตะของ ลิเวอร์พูล และได้เจอกับทีมเก่าของตัวเองในถ้วย ยูโรเปี้ยน คัพ/แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย หลังโดนเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 81 โดยคนแรกคือ แลร์รี่ ลอยด์ ที่เคยกลับมาเจอ ลิเวอร์พูล ตอนที่ไปเล่นให้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 1978


- เด็กเกร็ดบอล -



ที่มาของภาพ : REUTERS
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport