คุยกันหลังเกม : มาดริด เชือด มาร์กเซย ด้วยจุดโทษดราม่า

คุยกันหลังเกม : มาดริด เชือด มาร์กเซย ด้วยจุดโทษดราม่า
เป็นอีกครั้งที่ 11 คนแรกของ อลอนโซ่ ปรับอีกครั้ง เทรนท์ ลงตัวจริงหลังสำรองในเกมลีก , มาสตานตัวโน่ เบียด บราฮิม ดิอ๊าซ กลับมาตัวจริง

ฮือฮาสุดคือ วินิซิอุส นั่งสำรอง เป็น โรดรีโก้ ได้ออกสตาร์ทปีกซ้ายตัวจริง 

ประเด็นการจัดทีม อลอนโซ่ เคลียร์ชัดว่า ฤดูกาลนี้จะไม่มีใครได้เล่นตลอด จะต้องสลับกันเล่นเพราะเกมเยอะ ไม่ควรมีใครโกรธถ้าถูกจับนั่งข้างสนาม

ไลน์อัพเกมกับ มาร์กเซย นี้ พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่ากุนซือชาวบาสก์ยังอย่างน้อย 3 ตำแหน่งที่เขายังทำการทดลองต่อไปเพื่อให้ได้ทีมชุดที่ดีที่สุด และเมื่อไหร่ที่ จู๊ด เบลลิ่งแฮม กลับมา การสลับสับเปลี่ยนก็ยิ่งน่าติดตาม

..................................................................

ครึ่งแรก :

เอนเนอจี้ดีมาก เพรสซิ่ง ดุดัน กลางกับหน้าเชื่อมโยงได้ดี มีความกระชับ ขยับไปพร้อมกัน สร้างความกดดันให้ มาร์เซย ได้ดี ตัดบอลได้ สร้างโอกาสได้ แต่จบไม่ได้ จังหวะสุดท้ายยังไม่เนี๊ยบพอ ซึ่งนี่คือปัญหาตลอดทั้ง 90+7 นาทีของ มาดริด 

ส่วนตัวมองว่านี่คือสิ่งที่ มาดริด ต้องทำให้ดีขึ้น เมื่อแย่งบอลได้แล้ว เพลย์ต่อไปคือการโจมตี ซึ่งการเคลื่อนที่ในพาร์ทนี้ยังไม่ดีพอ

กระนั้นก็ต้องให้เครดิตกับ มาร์กเซย กับแนวรับที่กลับมาแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองได้ รวมถึงเซฟของ เคเรนีโม รูยี่ นายทวารอาร์เจนไตร์

กับ 0-1 ประตูที่เสียไป เป็นความผิดพลาดของ กือแลร์ ที่ไม่ระมัดระวังมากพอ การให้บอลของ ดีน เฮาเซ่น ถือว่าเป็นไปตามแท็คติกแล้ว 

ข้อผิดพลาดลักษณะนี้มักเกิดขึ้นเสมอ สมาธิสำคัญมากในเกมระดับสูงอย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก 

ส่วนประตูตีเสมอ 1-1 ของ มาดริด จากจุดโทษในนาทีที่ 29 ชัดเจนว่า จอฟเฟร ก็องด็อกเบีย ฟาวล์ใส่ โรดรีโก้ 

.........................

ครึ่งหลัง :

เอเนอจี้ของทีมดร็อปลงไป แสดงให้เห็นถึงการยืนระยะในการเล่นแนวทางนี้ยังไม่สมบูรณ์ ทีมยังต้องทำงานกันต่อไป โดยเฉพาะด้านสภาพร่างกาย ความฟิต การแบ่งใช้กำลังในแต่ละช่วงของเกม 

อย่างไรก็ตาม มาดริด ยังพยายามเล่นตามแนวทางของ อลอนโซ่ ด้วยการไล่เพรสซิ่งและกดดันการบิวด์อัพเกมของ มาร์กเซย เหมือนในครึ่งแรก  

แง่บวกคือนักเตะเริ่มคุ้นเคยกับแนวทางการเล่นนี้ การเพรสซิ่ง การขยับ การอ่านจังหวะของเพื่อนร่วมทีมและของคู่ต่อสู้เริ่มออโตเมติกมากขึ้น 

...............................................

ใบแดงของ การ์บาฆาล

ไม่มีอะไรต้องเถึยง มันคือความผิดพลาดของ เอล กาปิตัน ที่คุมอารมณ์ไม่อยู่ ซึ่งเจ้าตัวเองก็รู้ดี

.....................................................

จิตวิญญาณของผู้ชนะ

หลังจากเหลือ 10 ตัว สิ่งที่น่าชื่นชมคือ มาดริด ยังแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของผู้ชนะ 

นักเตะในทีมยังพยายามที่เล่นเพื่อชนะ ยังเล่นตามแนวทางเดิม เพื่อมองหาประตูที่ 2 ไม่ได้ถอนลงมาต่ำเพื่อพยายามรักษาสกอร์ ซึ่งสุดท้ายเป็นการเสี่ยงที่ได้ผล อันนี้ก็ต้องชื่นชม 

ส่วนประตูชัยจากจุดโทษนาที 81 ที่ผู้ตัดสิน อีร์ฟาน เปรีโต ชาวบอสเนีย เป่าให้ มาดริด จากจังหวะบอลโดนมือของ ฟากุนโด้ เมดีน่า กองหลังมาร์กเซยในกรอบเขตโทษ 

ส่วนตัวมองว่า จังหวะการเอามือลงพื้นของ เมดีน่า นั้นไม่มีเจตนาที่จะมองหาหรือสัมผัสลูกบอล เป็นความโชคร้ายของ มาร์กเซย และถือเป็นโชคดีของ มาดริด 

หลังได้ประตูนำ มาดริด ถอนกำลังลงไป เน้นการครอบครองบอล เผาเวลา แสดงความเขี้ยวออกมา ก่อนจะปิดเกมได้ในที่สุด

.......................................................

นักเตะที่ดีที่สุดในสนาม

ยกให้ คิลิยัน เอ็มบั๊บเป้ 

รองลงมาคือ ชูอาเมนี่ และ อัลเบร์โต้ การ์เรราส 

นักเตะที่น่าผิดหวังคือ 

ดานี่ การ์บาฆาล ประสบการณ์มากที่สุดคนนึงในทีม แต่กลับพลาดในจังหวะนั้นเสียได้ 

คะแนนความสามารถนักเตะเรอัล มาดริด by เจมส์ ลา ลีกา 

กูร์กตัวส์ (8 ),เทรนท์ (ไม่มีคะแนน), มิลิเตา (6),เฮาเซ่น (6),การ์เรราส (8 ),วัลเวร์เด้ (6),ชูอาเมนี่ (8 ),กือแลร์ (5),มาสตานตัวโน่ (6),เอ็มบั๊บเป้ (9),โรดรีโก้ (7 )

สำรอง

วินิซิอุส (7),การ์บาฆาล(4),บราฮิม (6.5),อาเซนซิโอ (5) 

เทรนเนอร์ : อลอนโซ่ (6) 

#เจมส์ลาลีกา



ที่มาของภาพ : reuters
BY : เจมส์ ลาลีกา
อาวุธ จิวรากรานนท์
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport