ศึกฟุตบอลชิงจ้าวสโมสรยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2025/26 เปิดม่านแล้ว โดยจะเริ่มฟาดแข้งตั้งแต่คืนวันอังคารที่ 16 กันยายนนี้ และนี่คือ 10 แมตช์ที่น่าสนใจในรอบ ลีก เฟส นัดแรก ที่แฟนบอลไม่ควรพลาด
วันอังคารที่ 16 กันยายน
- แอธเลติก บิลเบา (สเปน) พบ อาร์เซน่อล (อังกฤษ)
เพิ่งเจอกันมาสดๆ ร้อนๆ ในช่วงปรี-ซีซั่นเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งเกมนั้น อาร์เซน่อล เปิดบ้านอัดสบายๆ 3-0 แต่เกมนี้ไม่ง่ายเหมือนเดิมแน่นอน เพราะทีมดังจากสเปนก็อยากคว้าชัยเปิดหัวเช่นกัน สำหรับการกลับมาโชว์ฝีเท้าในถ้วย UCL หนแรก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2014/15 หรือเมื่อ 11 ปีที่แล้ว
- ยูเวนตุส (อิตาลี) พบ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมนี)
ภาพเกมรอบชิงฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 1996/97 ลอยมาทันที เมื่อพูดถึงการเจอกันของคู่นี้ ซึ่งถึงแม้เกมดังกล่าว ดอร์ทมุนด์ เป็นฝ่ายชนะ 3-1 พร้อมคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรก แต่ ยูเวนตุส มีสถิติ "เฮด-ทู-เฮด" เหนือกว่าชัดเจน โดยพวกเขาชนะ ดอร์ทมุนด์ 6 จาก 9 นัดที่เจอกันในเวทียุโรป (เสมอ 1, แพ้ 2)
- เรอัล มาดริด (สเปน) พบ โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส)
นับตั้งแต่การแข่งขันถ้วยใบใหญ่สุดของยุโรป เปลี่ยนชื่อจาก "ยูโรเปี้ยน คัพ" เป็น "ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก" เมื่อฤดูกาล 1992/93 เรอัล มาดริด คว้าชัยมาแล้ว 199 นัด ทำ 698 ประตู ซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเขามีลุ้นที่จะกลายเป็นทีมแรก ที่คว้าชัยครบ 200 นัด เช่นเดียวกับการทำครบ 700 ประตู ขณะที่ มาร์กเซย คว้าชัยได้แค่นัดเดียวเท่านั้น จาก 8 เกมก่อนหน้านี้ที่เยือนทีมสเปนในถ้วยยุโรป (เสมอ 2, แพ้ 5)
- ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (อังกฤษ) พบ บียาร์เรอัล (สเปน)
สเปอร์ส หมายมั่นที่จะคว้าชัยเปิดหัวในการกลับมาลุยถ้วย UCL แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ พวกเขาชนะแค่ 2 นัดเท่านั้น จาก 14 เกมที่เจอกับทีมสเปนในถ้วยยุโรป (เสมอ 5, แพ้ 7) อย่างไรก็ตาม "ไก่เดือยทอง" มีสถิติที่พอจะอุ่นใจได้บ้าง เพราะพวกเขาชนะเกมยุโรปที่บ้าน 16 จาก 20 เกมหลังสุด แถมไม่แพ้ใครเลย (เสมอ 4)
----------
วันพุธที่ 17 กันยายน
- อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์) พบ อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)
หากพูดถึงชื่อชั้นและความสำเร็จในเวทียุโรป นี่คืออีกหนึ่งคู่บิ๊กแมตช์เลยทีเดียว และที่น่าสนใจคือ กุนซือของทั้งสองทีม จอห์น ไฮติงก้า ฝั่ง อาแจ็กซ์ และ คริสเตียน คิวู ของ อินเตอร์ ต่างเคยเป็นนักเตะ อาแจ็กซ์ มาก่อน และเคยเล่นด้วยกันในช่วงปี 2001-2003 โดย คิวู เป็นกัปตันทีม อาแจ็กซ์ ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดบุกพ่าย "งูใหญ่" 0-1 เมื่อเดือนกันยายน ปี 2002 ด้วย
- บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี) พบ เชลซี (อังกฤษ)
เจอกันมาบ่อยในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งก็รวมถึงเกมรอบชิงฯ เมื่อฤดูกาล 2011/12 (เชลซี ชนะดวลจุดโทษ) แต่ถึงกระนั้นการเจอกันเที่ยวล่าสุด บาเยิร์น อัด เชลซี ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยสกอร์รวมสองนัดขาดลอย 7-1 เมื่อฤดูกาล 2019/20 แถมมีสถิติชนะ 8 จาก 10 เกมหลังสุดที่เจอทีมอังกฤษที่บ้านตัวเองในเวทียุโรป (เสมอ 1, แพ้ 1) และอีกประเด็นที่ต้องจับตาคือ นิโกลัส แจ็คสัน หัวหอก เชลซี ที่ตอนนี้มาอยู่ฝั่ง บาเยิร์น แบบสัญญายืมตัว
- ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) พบ แอตเลติโก มาดริด (สเปน)
ช่วงหลังๆ "หงส์แดง" มีผลงานดียามเจอกับทีมจากสเปน โดยชนะรวด 4 เกมหลังสุดที่เจอทีมแดนกระทิงดุในเวทียุโรป ซึ่งสองในนั้นคือการอัด "ตราหมี" แบบไป-กลับ (3-2 เยือน, 2-0 เหย้า) ในรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อฤดูกาล 2021/22 นอกจากนี้ แอต. มาดริด คว้าชัยได้แค่นัดเดียวเท่านั้น จาก 8 เกมหลังสุดในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ดวลกับทีมอังกฤษ (เสมอ 2, แพ้ 5)
- ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) พบ อตาลันต้า (อิตาลี)
แชมป์เก่าจากเมืองน้ำหอม แพ้แค่นัดเดียวเท่านั้น จาก 12 เกมหลังสุดที่เจอกับทีมจากอิตาลีในเวทียุโรป (ชนะ 5, เสมอ 6) แถมเป็นการชนะ 5 จาก 6 เกมล่าสุด (แพ้ 1) และที่ผ่านมาทั้งสองทีมเจอกันแค่หนเดียวเท่านั้นในเวทียุโรป ซึ่งก็เป็น เปแอสเช คว้าชัย 2-1 ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อฤดูกาล 2019/20 (ฤดูกาลดังกล่าวตั้งแต่รอบ 8 ทีม เตะกันแค่นัดเดียวที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เนื่องจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19) แต่ถึงกระนั้น อตาลันต้า กลับมีสถิตินอกบ้านยอดเยี่ยม โดยพวกเขาแพ้แค่หนเดียว จาก 14 เกมเยือนหลังสุดใน แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม / ลีก เฟส (ชนะ 9, แพ้ 4)
----------
วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) พบ นาโปลี (อิตาลี)
ถือเป็นอีกคู่ที่น่าดูอย่างมาก โดย "เรือใบสีฟ้า" แพ้แค่นัดเดียวเท่านั้น จาก 9 เกมหลังสุดที่เปิดบ้านเจอทีมอิตาลีในเวทียุโรป (ชนะ 4, เสมอ 4) และตอนนี้ เออร์ลิง ฮาลันด์ ดาวยิงตัวเก่งของทีม กดไปแล้ว 49 ประตู จาก 48 เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งขออีกแค่ประตูเดียวเท่านั้น ก็จะกลายเป็นแข้งรายที่ 10 ที่ทำประตูแตะหลัก 50 ลูกในถ้วย "บิ๊กเอียร์" พร้อมทำสถิติเป็นนักเตะที่ทำถึง 50 ประตูเร็วสุดในรายการนี้ ทุบสถิติเดิมของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ทำได้ใน 62 เกม ส่วนทางฝั่ง นาโปลี ไม่ชนะเลย จาก 10 เกมหลังสุดที่ออกไปเยือนทีมอังกฤษในถ้วยยุโรป (เสมอ 3, แพ้ 7) และแน่นอนว่า ไฮไลท์สำคัญของเกมนี้คือการเยือนถิ่นเก่าของ เควิน เดอ บรอยน์ ยอดจอมทัพชาวเบลเยียม ที่หมดสัญญากับ แมนฯ ซิตี้ และเซ็นซบ นาโปลี เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
- นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (อังกฤษ) พบ บาร์เซโลน่า (สเปน)
ที่ผ่านมาเจอกัน 4 ครั้งในเวทียุโรป โดย บาร์เซโลน่า เป็นฝ่ายคว้าชัย 3 ครั้ง ส่วน นิวคาสเซิ่ล ได้เฮ 1 หน ซึ่งนั่นก็คือเกมที่พวกเขาเปิดบ้านคว้าชัยสุดมันส์ 3-2 ในรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 1997/98 แถมมีสถิติชนะ 4 จาก 6 เกมที่เปิดบ้านเจอทีมสเปนในเวทียุโรปอีกด้วย (แพ้ 2) แต่ถึงกระนั้น บาร์ซ่า แพ้แค่ 2 จาก 17 เกมหลังสุด ที่ออกไปเยือนทีมอังกฤษใน แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม / ลีก เฟส (ชนะ 8, เสมอ 7) ถือเป็นอีกเกมที่น่าดู เพราะถึงแม้ บาร์เซโลน่า ดูเหนือกว่า แต่ "สาลิกาดง" สู้ได้ทุกทีมยามเตะที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค
Subinho