5 ประเด็นนัดชิง UCL 2025 : เปแอสเช สดบด ยำ อินเตอร์ 5-0 คว้าแชมป์ยุโรปหนแรก

1. เปแอสเช ฟูลทีมแผงรุกน่ายำเกรง

หลุยส์ เอ็นรีเก้ กุนซือทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง สามารถจัด 11 ผู้เล่นคนแรกชุดที่ดีที่สุดลงสนามได้เนื่องจากกำลังสำคัญทุกรายพร้อมลงบู๊

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผงรุกของแชมป์ ลีก เอิง นำทัพโดย อุสมาน เด็มเบเล่ , เดซิเร่ ดูเอ้ และ ควิชา ควารัตสเคเลีย ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของทีม

จากการวางหมากดังกล่าวของโค้ชสแปนิชเท่ากับว่า แบรดลีย์ บาร์โคล่า เป็นแค่ตัวสำรองเนื่องจาก ดูเอ้ ดาวรุ่งวัย 19 ปีได้ออกสตาร์ต

ขณะเดียวกัน เมื่อรวมกับนักเตะรายอื่นๆมีการเผยว่าไลน์อัพของ เปแอสเช นัดนี้มีมูลค่าสูงถึง 403 ล้านปอนด์ ขณะที่ อินเตอร์ มีมูลค่าด้อยกว่าแค่ 137 ล้านปอนด์

2. มาร์ตีเนซ นำงูใหญ่ออกศึก

อินเตอร์ มิลาน ของกุนซือ ซิโมเน่ อินซากี้ วางหมากโดยเน้นความเก๋าเป็นหลัก และมี เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ กองหน้ากัปตันทีมตัวอันตรายเป็นที่พึ่งคนสำคัญ

นอกจากนี้ ทีมจาก เซเรีย อา ได้ แบงฌาแม็ง ปาวาร์ กองหลังชาวเมืองน้ำหอมซึ่งบาดเจ็บไปตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. ลงสนามอย่างน่าเซอร์ไพรส์ และทำให้ ยานน์ บิสเซ็ค ที่ทำหน้าที่แทนมาโดยตลอดต้องหล่นไปเป็นตัวสำรอง

รวมแล้ว 11 นักเตะตัวจริงของทีม งูใหญ่ ที่ออกสตาร์ตนัดนี้เป็นทีมที่มีอายุเฉลี่ย 30 ปี 242 วัน ขณะที่ เปแอสเช มีอายุเฉลี่ย 25 ปี 96 วันห่างกัน 5 ปี 146 วันซึ่งถือเป็นอายุเฉลี่ยของสองทีมคู่แข่งในนัดชิงดำถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ห่างไกลกันมากที่สุด

ขณะเดียวกัน กับการใช้งาน ยานน์ ซอมเมอร์ , เฮนริค มคิตาร์ยาน และ ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้ ลงบู๊พร้อมกันทำให้ อินเตอร์ เป็นทีมแรกที่ส่งนักเตะอายุ 36 ปีหรือมากกว่าลงเล่นนัดชิงดำถ้วย ยูโรเปี้ยน คัพ หรือ แชมเปี้ยนส์ ลีก มากถึงสามราย

โดยเฉพาะในรายของ อาแซร์บี้ ซึ่งมีอายุ 37 ปี 110 วันทำให้เขาเป็นนักเตะอายุมากที่สุดอันดับห้า (ไม่นับผู้รักษาประตู) ที่ได้ออกสตาร์ตนัดชิงชนะเลิศถ้วย ยูโรเปี้ยน คัพ หรือ แชมเปี้ยส์ ลีก

รวมแล้ว เปแอสเช มีไลน์อัพนัดชิงดำถ้วยหูใหญ่อายุเฉลี่ยน้อยที่สุดเป็นอันดับสาม ขณะที่ อินเตอร์ ใช้งาน 11 นักเตะมีอายุเฉลี่ยมากที่สุดเป็นอันดับสาม

3. นัดชิงที่ห่างชั้น

ต้องยอมรับว่าไม่ใช่นัดชิงชนะเลิศที่เร้าใจอย่างที่ควรจะเป็นทั้งๆที่สองสโมสรต่างก็มีเกมที่น่าตื่นตาตื่นใจในรอบที่ผ่านมา แต่พอเอาเข้าจริงปรากฏว่า เปแอสเช เล่นได้เหนือกว่าชนิดเทียบกันไม่ได้

หลังเดินเกมรุกกดดัน งูใหญ่ ตั้งแต่เริ่มต้น ทีมเงินถังของเมืองน้ำหอมใช้เวลาแค่ 12 นาทีก็ฉีกตาข่ายคู่แข่งได้จากฝีเท้าของ อาชราฟ ฮาคิมี่ เด็กเก่าของ อินเตอร์ มิลาน เอง

หลังสกอร์แรกบังเกิด เกมยังเป็นไปเหนือนเดิมโดยแชมป์ ลีก เอิง เป็นฝ่ายคุมสถานการณ์ได้ข้างเดียว และบวกประตูเพิ่มได้อีกในนาทีที่ 20 จากการสับไกของ ดูเอ้ ดาวรุ่งพุ่งแรง

หลังเช็กบิลพา  เปแอสเช หนีห่าง 2-0 ทำให้ ดูเอ้ ซึ่งแอสซิสต์ประตูแรกของเกมเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสาม (19 ปี 362 วัน) ที่สอยตาข่ายในนัดชิงชนะเลิศรายการนี้ได้รองจาก พาทริค ไคลเวิร์ต ในปี 1995 (อาแจ็กซ์v มิลาน) และ คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ในปี 2004 (ปอร์โต้ v โมนาโก)

แต่ที่แน่ๆ ดูเอ้ เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่สร้างประวัติศาสตร์ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมชิงขนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก

จบครึ่งแรก สถิติบ่งชี้ให้เห็นว่าทีมของ เอ็นรีเก้ ข่มทีมของ อินซากี้ บานตะไททั้งการครองบอลที่เหนือกว่า 62.4%:37.6% และโอกาสยิงประตู 13:2 ครั้ง รวมทั้งการส่งบอลเข้ากรอบ 5:0 ครั้ง

4. งูใหญ่ฮึดไม่ขึ้น

จากสถานการณ์ที่เป็นรอง อินเตอร์ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินหน้าบุกแหลกในครึ่งหลัง และพวกเขาออกสตาร์ตได้ด้วยความคึกคักจนทำให้กองเชียร์แอบมีหวังอยู่ลึกๆ

แต่ไม่ทันไร ทุกอย่างก็กลับสู่อีหรอบเดิมเนื่องจาก งูใหญ่ คุมเกมเอาไว้ให้เป็นของตัวเองไม่ได้ และโดนขยี้เพิ่มอีกสามเม็ดแม้กระทั่งตัวสำรองวัย 19 ปีอย่าง เซนนี่ มายูลู ก็สามารถพังประตูปิดท้ายได้สำเร็จ

จึงกลายเป็นว่านัดนี้ อินเตอร์ แพ้แบบสู้ไม่ได้ทุกกระบวนท่ากว่าจะมีโอกาสส่งบอลเข้ากรอบหนแรกก็ปาเข้าไปนาทีที่ 75 แล้วจากจังหวะของ มาร์กกุส ตูราม แต่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงสำหรับ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า

หมด 90 นาทีชนิดที่ไม่มีความจำเป็นต้องทดเวลาให้เยิ่นเย้อ เปแอสเช ชนะไปอย่างขาดลอยทั้งสกอร์ 5-0 และการครองบอล 59.3%:40.7% และโอกาสยิง 23:8 ครั้ง ตลอดจนการส่งบอลเข้ากรอบ 8:2 ครั้ง

สำหรับ มายูลู หลังพังประตูได้ เจ้าหนูวัย 19 ปีก็ติดทำเนียบนักเตะอายุน้อยที่คลำเป้าได้ในเกมชิงชนะเลิศถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก กับเขาด้วยทันที

18 ปี 327 วัน : พาทริค ไคลเวิร์ต (อาแจ็กซ์) v มิลาน 1995

19 ปี 14 วัน : เซนนี่ มายูลู (เปแอสเช) v อินเตอร์ 2025

19 ปี 167 วัน : คาร์ลอส อัลแบร์โต้ (ปอร์โต้) v โมนาโก 2004

19 ปี 362 วัน : เดซิเร่ ดูเอ้ (เปแอสเช) v อินเตอร์ 2025

5. เอ็นรีเก้ เฮนัดชิง100%

คงไม่มีใครปฏิเสธว่า เปแอสเช พยายามทุ่มเม็ดเงินสร้างทีมเพื่อคว้าแชมป์รายการนี้มาหลายปีแล้ว แต่มีอันต้องพบกับความล้มเหลวมาโดยตลอดยกเว้นการผูกขาดคว้าความสำเร็จในประเทศ

ในฐานะทีมที่มีเงินถุงเงินถัง ไม่ว่า เปแอสเช จะตั้งใครหน้าไหนให้คุมทีม พวกเขามักไม่พลาดในการคว้าแชมป์ลีกและแชมป์ฟุตบอลถ้วยของประเทศมาครองได้ และเป็นไปอย่างง่ายดายแทบทุกซีซั่น

แต่สำหรับโทรฟี่ แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งๆที่พวกเขาเซ็นสัญญากับสตาร์ดังระดับท็อปมาเสริมทัพอย่างต่อเนื่อง เปแอสเช ก็ได้แต่ฝันลมๆแล้งๆไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงที่มีสตาร์นามกระเดื่องอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ย้ายมาค้าแข้งด้วยสองซีซั่น อันรวมถึงช่วงที่มี เนย์มาร์ อยู่ในสังกัดซึ่งจนแล้วจนรอด เปแอสเช ก็ไปไม่ถึงดวงดาวแม้จะมี เอ็มบัปเป้ เป็นดาวเตะระดับพระกาฬของทีมอีกราย

แต่ครั้งกองหน้าทีมชาติ ฝรั่งเศส ย้ายไปประเดิมซีซั่นแรกกับ เรอัล มาดริด แบบมือเปล่า ทีมดังของกรุงปารีสก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เหนือความคาดหมาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมี เอ็นรีเก้ ที่เน้นใช้งานนักเตะวัยละอ่อนเป็นหลักส่งผลให้ เปแอสเช สมหวังกับสิ่งที่พวกเขารอคอยมานานในท้ายที่สุด แถมยังยำใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ในเกมชิงชนะเลิศด้วยสกอร์ที่ขาดลอยที่สุดอีกต่างหากเป็นสโมสรที่ 23 ที่ครองความเป็นเจ้ายุโรปใบโต

1960 : เรอัล มาดริด 7- แฟร้งค์เฟิร์ต 3

1974 :บาเยิร์น 4- แอตเลติโก มาดริด 0 (รีเพลย์)

1989 : เอซี มิลาน 4- สเตอัว บูคาเรสต์ 0

1994 : เอซี มิลาน 4- บาร์เซโลน่า 0

2025 : เปแอสเช 5- อินเตอร์  0

ไม่เพียงเท่านั้น กุนซือสแปนิชยังมีสถิติสุดยอดในเกมชิงชนะเลิศอีกด้วยเนื่องจากยอดโค้ชวัย 55 ปีกำชัยได้เรียบวุธเป็นเกมที่ 11 หลังเคยได้แชมป์กับ บาร์ซ่า 6 ครั้ง และกับ เปแอสเช ก่อนนัดนี้ 4 ครั้ง ตลอดจนเป็นโค้ชรายที่เจ็ดที่ได้แชมป์รายการนี้กับสองสโมสรต่อจาก แอร์นส์ ฮัปเปิ้ล ,คาร์โล อันเชล็อตติ ,อ็อตมาร์ ฮิทช์เฟลด์ , จุ๊ปป์ ไฮยเกส , โชเซ่ มูรินโญ่ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า