ทฤษฎีสมคบคิด เปแอสเช แชมป์ UCL

4 ครั้งที่มิวนิคได้รับมอบหมายให้เป็นเมืองรองรับนัดชิงเจ้ายุโรป บทสรุปคือเราได้แชมป์หน้าใหม่ 100%

1979 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ชนะ มัลโม

1993 โอลิมปิก มาร์กเซย ชนะ เอซี มิลาน

1997 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ชนะ ยูเวนตุส

2012 เชลซี ชนะ บาเยิร์น มิวนิค

ในครั้งแรกสุดนั้นไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไร ฟอเรสต์ กับ มัลโม ก็จะเป็นแชมป์สมัยแรกของตัวเองอยู่แล้ว แต่อีก 3 ครั้งที่เหลือ มิวนิค เป็นสังเวียนรองรับคู่ชิงระหว่าง ทีมที่เคยเป็นแชมป์มาแล้ว กับ ทีมที่ยังไม่เคยเป็นแชมป์ ทั้งสิ้น

เอซี มิลาน เป็นแชมป์มาแล้ว 4 สมัยในวันที่เจอ โอแอ็ม

ยูเวนตุส ไม่เพียงเป็นแชมป์มาแล้ว 2 สมัยในวันที่เจอ ดอร์ทมุนด์ เท่านั้น แต่ยังเป็นแชมป์เก่าในฤดูกาลก่อนหน้าด้วย

บาเยิร์น มิวนิค ได้แชมป์มาแล้ว 5 สมัยทั้งยังเป็นเจ้าของสนามในค่ำคืนอลังการที่พบกับ เชลซี ผู้อกหักอย่างหนักจากปี 2008

ไม่ว่าเงื่อนไขก่อนเตะจะเป็นอย่างไร เกมนัดชิงที่มิวนิคล้วนลงเอยด้วย "แชมป์หน้าใหม่" ทั้งสิ้น (3 ครั้งแรกชิงกันที่โอลิมปิก สเตเดี้ยม ครั้งล่าสุดชิงกันที่ ฟุตบอล อารีน่า มิวนิค หรือ อัลลิอันซ์ อารีน่า)

ตีสองคืนนี้ แชมป์ 3 สมัย อินเตอร์ มิลาน จะพบกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่ยังไม่เคยได้แชมป์รายการนี้มาก่อน ครั้งเดียวที่เข้าชิงก่อนหน้านี้ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ (แพ้ บาเยิร์น มิวนิค นัดชิงปี 2020)

เรื่องสถานที่ ดูเหมือนประวัติศาสตร์แห่งมิวนิคจะเป็นใจให้ เปแอสเช

ไม่เพียงเท่านั้น.. ถ้าเรามองไปที่ผลการแข่งขันในนัดชิงเจ้ายุโรปของ อินเตอร์ มิลาน เราจะยังได้เห็นอะไรเพิ่มเติมอีกนิด

อินเตอร์ มิลาน ได้แชมป์ 3 สมัยจากการเข้าชิง 6 ครั้ง

แชมป์ 3 สมัยเกิดขึ้นในปี 1964 (ชนะ เรอัล มาดริด 3-1), 1965 (ชนะ เบนฟิก้า 1-0) และ 2010 (ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-0)

รองแชมป์ 3 สมัยเกิดขึ้นในปี 1967 (แพ้ กลาสโกว์ เซลติก 1-2), 1972 (แพ้ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม 0-2) และ 2023 (แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1)

ใน 3 ครั้งที่ อินเตอร์ แพ้ในนัดชิง คู่แข่งของพวกเขาล้วนทำ "ทริปเปิลแชมป์" ทั้งสิ้น

เซลติก ชนะ อินเตอร์ คว้าทริปเปิลแชมป์ปี 1967 (อันที่จริง จ๊อค สตีน พาเซลติกคว้าควอดรัปเปิลแชมป์เพราะมีถ้วย สกอตติช ลีก คัพ อีกรายการ)

อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ของ สเตฟาน โควัคส์ ด้วยขุนพลเอก โยฮัน ครัฟฟ์ คว้าทริปเปิลแชมป์ปี 1972

และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่เพียงกดแชมป์ยุโรปสมัยแรกของตัวเองได้สำเร็จเท่านั้นแต่ยังทะลุเป็นทริปเปิลแชมป์ สิ้นสุดการรอคอยอย่างยิ่งใหญ่

ถ้า อินเตอร์ แพ้ที่มิวนิคค่ำคืนนี้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะเป็นทริปเปิลแชมป์ประวัติศาสตร์เพราะไม่เคยมีทีมจากฝรั่งเศสทีมใดทำได้มาก่อน (มาร์กเซย 1992/93 ได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้แชมป์ลีกเอิง แต่ถูก แซงต์-เอเตียน เขี่ยตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเฟร้นช์ คัพ)

มันเป็นเรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อเหมือนกันนะครับที่ทั้ง 3 ครั้งซึ่ง อินเตอร์ มิลาน แพ้ในนัดชิงเจ้ายุโรปนั้น คู่ชิงของพวกเขาล้วนเติมเต็มฐานะ ทริปเปิลแชมป์ ทั้งหมด

ขณะที่ครั้งเดียวที่ทีมจากฝรั่งเศสได้แชมป์ยุโรปนั้น มันก็ยังเกิดขึ้นบนความบังเอิญแปลก ๆ

ปี 1993 โอลิมปิก มาร์กเซย ชิงกับ เอซี มิลาน ที่มิวนิค

ปี 2025 ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ชิงกับ อินเตอร์ มิลาน ที่มิวนิค

คู่แข่งของโอแอ็มมาจากเมืองมิลาน คู่ชิงของเปแอสเชก็มาจากเมืองมิลาน

อินเตอร์ กับ มิลาน คือคู่ปรับร่วมเมืองในศึกดาร์บี้ เดลล่า มาดอนนิน่า ขณะที่ เปแอสเช กับ โอแอ็ม แม้ไม่ได้อยู่ในเมืองเดียวกัน แต่เป็นคู่ปรับตลอดกาลของลีกเมืองน้ำหอม "เลอ กลาสซิก" หวดกันเมื่อไหร่ก็ไฟลุกเมื่อนั้น

และแน่นอน มันก็ย้อนกลับขึ้นไปถึงเรื่องเดิม 2 คู่นี้หวดกันที่มิวนิค เมืองที่สร้าง "แชมป์หน้าใหม่" ทุกครั้ง หรือพูดในทางกลับกัน เมืองนี้ที่ไม่เคยเป็นมิตรกับทีมที่เคยเป็นแชมป์มาแล้ว

อินเตอร์ มิลาน แชมป์ 3 สมัย

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แชมป์ 0 สมัย

ทฤษฎีสมคบคิดดูจะโอบอุ้ม เปแอสเช ไปสู่แชมป์ยุโรปที่ปรารถนาและวิ่งไล่ตามมานานนะครับ กองเชียร์ของพวกเขาในคืนนี้ก็มีไม่น้อยเลย หลายคนเอาใจช่วยทั้งที่ไม่เคยเชียร์มาก่อน เพราะประทับใจผลงานที่แสดงออกมาในสนามว่าเด็ก ๆ ของ หลุยส์ เอนริเก้ เล่นฟุตบอลที่ดีงามจริง ๆ

แต่นัดชิงก็คือนัดชิง บอลนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ อินเตอร์ที่ผ่านทั้ง บาเยิร์น มิวนิค และ บาร์เซโลน่า มาก็ใช่จะเป็นสมันให้เคี้ยวง่าย ๆ ประสบการณ์ก็ไม่ธรรมดา

และที่สำคัญ นัดชิงไม่เคยสนใจทฤษฎีสมคบคิดทั้งหลายอยู่แล้ว

บทสรุปจะเป็นอย่างไร อีกไม่กี่ชั่วโมงรู้กันครับ

ตังกุย