ใครจะเป็นเจ้ายุโรป? เกร็ดก่อนเกม เปแอสเช พบ อินเตอร์ มิลาน

ใครจะเป็นเจ้ายุโรป? เกร็ดก่อนเกม เปแอสเช พบ อินเตอร์ มิลาน
วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม มาถึงเกมที่แฟนฟุตบอลหลายคนทั่วโลกจับตามองกับเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่ทาง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะเจอกับ อินเตอร์ มิลาน บนสังเวียน อัลลิอันซ์ อารีน่า ในนครมิวนิค ประเทศเยอรมนี

นี่นับเป็นการเจอกันในเกมแบบเป็นทางการ (หมายถึงไม่นับเกมอุ่นเครื่อง) ครั้งแรกของคู่นี้เลย แต่มันก็มีเกร็ดบางอย่างที่น่าพูดถึงเช่นกัน

- ซ้ำรอยจากคู่รุ่นพี่หรือไม่ ?

ในประวัติศาสตร์ของศึก ยูโรเปี้ยน คัพ/ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นี่นับเป็นครั้งที่ 2 เท่านั้นที่คู่ชิงเป็นการเจอกันระหว่างทีมจากฝรั่งเศสกับอิตาลี และมันก็เหมือนกับโชคชะตากำหนดมา เพราะครั้งแรกมันเตะกันที่นครมิวนิคเช่นกัน โดยครั้งนั้นเกิดขึ้นในปี 1993 และเป็น โอลิมปิก มาร์กเซย ที่เอาชนะ เอซี มิลาน ไปได้ 1-0

- ทีมฝรั่งเศสอกหักบ่อย

ที่ผ่านมามีทั้งหมด 15 ครั้งด้วยกันที่สโมสรจากประเทศฝรั่งเศสเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของเกมฟุตบอลถ้วยยุโรประดับเมเจอร์ แต่มีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นที่จบลงด้วยความสุขของแฟนบอลจากแดนน้ำหอม นั่นคือ มาร์กเซย ที่ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 1993 และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กับแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1996

- "ทีมเยือน" มักได้เฮ

แม้ว่านัดชิงชนะเลิศจะเตะกันที่สนามเป็นกลาง แต่มันก็มีการกำหนด "ทีมเหย้า" และ "ทีมเยือน" ผ่านทางการแบ่งสาย โดยในปีนี้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ได้ลงเล่นในฐานะ "ทีมเหย้า" ส่วน อินเตอร์ จะลงสนามจากการเป็น "ทีมเยือน"

จาก 5 ครั้งก่อนหน้านี้ที่นัดชิงดำของถ้วย ยูโรเปี้ยน คัพ/ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เตะกันในนครมิวนิคนั้น มีถึง 4 หนที่สุดท้ายแล้วทีมที่ลงเล่นในฐานะ "ทีมเยือน" ได้แชมป์ไปครอง นั่นคือ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในปี 1979, มาร์กเซย ในปี 1993, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 1997 และ เชลซี ในปี 2012

- อินเตอร์ ลุ้นทาบสถิติยิงอย่างต่ำ 2 ลูกต่อนัด

ในรอบน็อกเอาต์ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ อินเตอร์ มีเกมรุกที่โดดเด่นจนยิงได้อย่างน้อย 2 ลูกต่อนัด ครบทั้ง 6 เกมที่พวกเขาลงเล่น (2 นัดในรอบ 16 ทีมสุดท้าย, 2 นัดในรอบก่อนรองชนะเลิศ และ 2 นัดในรอบรองชนะเลิศ)

หากในนัดชิงดำพวกเขาทำแบบนั้นได้อีก ทีมของ ซิโมเน่ อินซากี้ ก็จะกลายเป็นทีมที่ 3 ที่ทำประตูในรอบน็อกเอาต์ของศึก ยูโรเปี้ยน คัพ/ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างน้อย 2 ลูกครบทุกเกมภายในซีซั่นเดียวกัน ต่อจาก เรอัล มาดริด ชุดฤดูกาล 1959-60 และ เอซี มิลาน เวอร์ชั่น 1993-94

- เปแอสเช กับการหวังล้างอาถรรพ์

จนถึงตอนนี้ ปารีส เป็นอันดับ 4 ในชาร์ตสโมสรที่ลงเล่นเกม ยูโรเปี้ยน คัพ/แชมเปี้ยนส์ ลีก มากที่สุดแต่กลับยังไม่เคยได้แชมป์เลย หลังจากพวกเขาเล่นไปแล้ว 167 นัด โดย 3 อันดับแรกประกอบด้วย อาร์เซน่อล (211 นัด), ดินาโม เคียฟ (185 นัด) และ แอตเลติโก มาดริด (176 นัด)

ในกรณีที่ ปารีส ได้แชมป์ไปครองกับการลงเล่นนัดที่ 168 พวกเขาก็จะทุบสถิติการเป็นทีมที่ลงเล่นในรายการนี้มากที่สุดก่อนที่จะได้แชมป์สมัยแรก หลังจากปัจจุบันสถิติเป็นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เคยลงเล่นไปถึง 116 นัด ก่อนที่จะได้แชมป์ในนัดที่ 117 ของตัวเองเมื่อปี 2023

- อินซากี้ จะอยู่ฝั่งไหน ?

อย่างที่รู้กันดีว่า ซิโมเน่ อินซากี้ เคยพา อินเตอร์ แพ้ในนัดชิงดำของ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2023 โดยนี่ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เขาจะได้สัมผัสนัดชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะเทรนเนอร์ ซึ่งมันเคยมีกุนซือ 2 คนที่แพ้กับการนำทีมลงเล่นนัดชิงดำครั้งแรก แต่แก้มือได้ในครั้งที่ 2 นั่นคือ ฟาบิโอ คาเปลโล่ (แพ้ปี 1993 ได้แชมป์ปี 1994) กับ โธมัส ทูเคิาล (แพ้ปี 2020 ได้แชมป์ปี 2021)

ถ้าหาก อินซากี้ แพ้อีกครั้ง มันก็จะทำให้เขาเป็นกุนซือคนที่ 9 ที่พ่ายกับการนำทีมลงเล่นนัดชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นจำนวน 2 เกมหรือมากกว่านั้น

- เอ็นรีเก้ มีโอกาสเข้าก๊วนเดียวกับยอดกุนซือ

ด้วยความที่ หลุยส์ เอ็นรีเก้ เคยได้แชมป์รายการนี้กับ บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2015 ทำให้ตอนนี้เขามีโอกาสเป็นคนที่ 6 ที่ได้ถ้วยบิ๊กเอียร์กับ 2 สโมสร ต่อจาก คาร์โล อันเชล็อตติ (เอซี มิลาน กับ เรอัล มาดริด), อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กับ บาเยิร์น มิวนิค), จุ๊ปป์ ไฮย์เกส (เรอัล มาดริด กับ บาเยิร์น มิวนิค), โชเซ่ มูรินโญ่ (เอฟซี ปอร์โต้ กับ อินเตอร์ มิลาน) และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (บาร์เซโลน่า กับ แมนซิตี้)

- มาร์ตีเนซ อาจซัดครบทุกรอบ

ในฤดูกาลนี้ เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ กองหน้า อินเตอร์ ทำได้อย่างน้อย 1 ลูกทั้งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย, รอบก่อนรองชนะเลิศ และรอบรองชนะเลิศ ซึ่งที่ผ่านมามีเพียง 5 คนเท่านั้นที่ทำประตูในรอบน็อกเอาต์ของศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ครบทุกรอบจนถึงนัดชิงดำ ประกอบด้วย แฟร้งค์ แลมพาร์ด ในฤดูกาล 2007-08, ดีเอโก้ มิลิโต้ กับซีซั่น 2009-10, ลิโอเนล เมสซี่ เวอร์ชั่นซีซั่น 2010-11, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในฤดูกาล 2013-14 และ ซาดิโอ มาเน่ ในฤดูกาล 2017-18


- เด็กเกร็ดบอล -



ที่มาของภาพ : REUTERS / Gettyimage
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport