มาเกเลเล่ แฉ เทอร์รี่ เปลี่ยนตัวหวังยิงจุดโทษเป็นฮีโร่ เหตุทำ เชลซี ชวดแชมป์ UCL 2008

โคล้ด มาเกเลเล่ อดีตกองกลางเชลซี เผย จอห์น เทอร์รี่ ถูกเปลี่ยนให้เป็นคนยิงจุดโทษคนสุดท้ายเพราะหวังจะเป็นฮีโร่ ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2008 ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย 

ทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" เข้าชิงกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยตลอด 120 นาทีทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 และต้องดวลจุดโทษเพื่อหาแชมป์ ซึ่งตอนนั้นการยิง 4 คนแรก "ผีแดง" พลาดไป 1 รายได้แก่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขณะที่ เชลซี ยิงเข้าเรียบวุธ 

ช่วงเวลานั้น เชลซี นำ 4-3 คนสุดท้าของ แมนยู ได้แก่ นานี่ ที่ยิงเข้าไปก่อนทำให้เสมอกัน 4-4 และถ้า เทอร์รี่ ซัดเข้าจะทำให้ทีมคว้าแชมป์ทันที แต่จังหวะที่ยิงเขาลื่นส่งผลให้บอลชนเสาออกไป ทำให้การยิง 5 คนแรกสกอร์ก็เลยเสมอกัน 4-4

สำหรับช่วงยิงจุดโทษซัดเด้น เดธ ลูกทีมเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซัดเข้าสองคน ส่วน เชลซี พลาด 1 รายนั่นก็คือ นิโกล่าส์ อเนลก้า ส่งผลให้แชมป์หลุดมือ และกลายเป็น แมนยูไนเต็ด ผงาดครองความเป็นเจ้าฟุตบอลถ้วยใบโตยุโรป 

ประเด็นดังกล่าวได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อ มาเกเลล่ ปัจจุบันอายุ 52 ปี ย้อนความหลังว่าจริงๆ แล้วคนที่ 5 ที่ต้องยิงจุดโทษก็คือ ซาโลมอน กาลู แต่ดันเกิดความผิดพลาดบางอย่าง ทำให้ เทอร์รี่ รับหน้าที่แทน เพราะเขาต้องการที่จะเป็น "ฮีโร่" แต่สุดท้ายกลายเป็น "ซีโร่"

อดีตดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส เผยผ่านรายการ "The LineUp" ว่า "ภายในห้องแต่งตัวหลังจบเกมมันราวกับดินแดนที่แสนเศร้าสร้อย ไม่มีความสุขเลย เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เราทำผิดพลาดมหันต์ก่อนยิงจุดโทษ เราได้รับคำสั่งซึ่งเป็นความเห็นชอบร่วมกันระหว่างนักเตะกับผู้จัดการทีม แต่มีการเปลี่ยนแปลงในนาทีสุดท้าย"

"เดิมที ซาโลมอน กาลู ต้องรับหน้าที่ยิงจุดโทษคนสุดท้าย แต่ จอห์น (เทอร์รี่) ฉวยโอกาสจากเขาไป ผมคิดว่าเราแพ้การแข่งขันนี้เพราะฟุตบอลบางครั้งมันก็โหดร้าย และถ้าคุณไม่ทำหลายสิ่งให้ถูกต้อง คุณก็ต้องโดนลงโทษ" 

"ผมโกรธมากตอนที่เขายิงจุดโทษพลาด เพราะมันเป็นโอกาสที่ผมรู้ว่านักเตะดาวรุ่งหลายคนยังไม่เคยได้สัมผัส ผมเคยได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก มาก่อนหน้านี้ แต่ในตอนนั้น จอห์น ต้องเป็นผู้นำ และทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อทีม"

"เขาไม่มั่นใจว่าเราจะคว้าโทรฟี่แชมป์รายการนี้ เขาพยายามที่จะเป็นฮีโร่ ถ้าเขารู้เข้าใจอะไรซักหน่อย เขาก็จะได้เป็นฮีโร่ เพราะเขาจะได้เป็นคนชูโทรฟี่แชมป์" มาเกเลเล่ ร่ายยาว