อาร์เซน่อล งานหนัก! มีแค่ 2 ทีมในประวัติศาสตร์ที่พลิกเข้าชิง UCL หลังแพ้นัดแรกคาบ้าน

อาร์เซน่อล งานหนัก! มีแค่ 2 ทีมในประวัติศาสตร์ที่พลิกเข้าชิง UCL หลังแพ้นัดแรกคาบ้าน
อาร์เซน่อล พ่าย เปแอสเช 0-1 คารังในรอบรองฯ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรก โดยสถิติชี้มีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่เคยพลิกสถานการณ์แบบนี้ได้สำเร็จ ขณะที่ “ปืนใหญ่” ยังเสียประตูเร็วสุดในน็อกเอาต์ UCL จากจังหวะต่อบอล 26 ครั้งของทีมเยือน

โดยเกมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาถือเป็นเกมที่ อาร์เซน่อล เสียประตูเร็วที่สุดในการเล่นรอบน็อกเอาต์ของรายการนี้ด้วย

ความหวังของ อาร์เซน่อล ในการลุ้นเข้าชิงศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กำลังสั่นคลอน หลังพวกเขาเปิดบ้านพ่าย ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 0-1 ในรอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา โดยสถิติบ่งชี้ว่ามีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่เคยพลิกสถานการณ์จากความพ่ายแพ้คารังในรอบตัดเชือก แล้วผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

ประตูชัยของ เปแอสเช ในนัดนี้เกิดขึ้นหลังจากเริ่มเกมได้เพียง 3 นาที 15 วินาที ซึ่งถือเป็นประตูที่เร็วที่สุดที่ อาร์เซน่อล เคยเสียในรอบน็อกเอาต์ของแชมเปี้ยนส์ ลีก และเป็นประตูที่เกิดจากการต่อบอลมากที่สุดของ เปแอสเช ในรายการนี้ นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติอย่างเป็นทางการเมื่อฤดูกาล 2003-04 ด้วยจำนวนการผ่านบอลถึง 26 ครั้ง ซึ่งถือเป็นประตูที่ อาร์เซน่อล เสียใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มาจากการต่อบอลมากที่สุดในรายการนี้นับตั้งแต่ซีซั่น 2003-04 เป็นต้นมาเช่นกัน

ไม่เพียงแค่นั้น ถ้านับรวมรอบอื่นๆ แล้วนั้น นี่ถือเป็นลูกที่พวกเขาเสียเร็วที่สุดนับตั้งแต่ที่โดน เอดินสัน คาวานี่ พังตาข่ายในรอบแบ่งกลุ่มของเดือนกันยายน ปี 2016 หลังจากที่ตอนนั้นเตะกันไปได้เพียง 42 วินาที ซึ่งวันนั้นเป็นเกมที่ "ไอ้ปืนใหญ่" เจอกับ "เปแอสเช" ที่ประเทศฝรั่งเศส ก่อนที่จะจบด้วยการเสมอกัน 1-1

สำหรับ 2 ทีมที่เคยพลิกสถานการณ์จากการแพ้คาบ้านในนัดแรกของรอบตัดเชือกได้นั้น ประกอบด้วย อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ชุดฤดูกาล 1995-96 ที่เคยแพ้ พานาธิไนกอส ทีมจากกรีซ 0-1 แต่บุกไปชนะ 3-0 ในนัดสอง ส่วนอีกทีมคือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ชุดซีซั่น 2018-19 ที่แพ้ อาแจ็กซ์ 0-1 คากรุงลอนดอนในนัดแรก แต่บุกไปชนะ 3-2 ในนัดสอง จนทำให้เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วทั้ง 2 ทีมนั้นก็ชวดแชมป์ทั้งคู่หลังจากในนัดชิงชนะเลิศ อาแจ็กซ์ กับ สเปอร์ส แพ้ให้ ยูเวนตุส และ ลิเวอร์พูล ตามลำดับ

ที่มาของภาพ : Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport