ถ้วยข้าใครอย่าแตะ! 5 ข้อ มาดริด พิชิต ดอร์ทมุนด์ ซิวถ้วยชปล.สมัย15

ถ้วยข้าใครอย่าแตะ! 5 ข้อ มาดริด พิชิต ดอร์ทมุนด์ ซิวถ้วยชปล.สมัย15
เรอัล มาดริด ปิดฉากซีซั่น 2023/24 ได้อย่างยิ่งใหญ่เมื่อพวกเขาแสดงให้เห็นถึงการเป็นเจ้าพ่อถ้วยหูใหญ่ตัวจริงเสียงจริงจากการเผด็จศึก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศถ้วย ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ที่สนาม เวมบลีย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มิ.ย.สานต่อสถิติสุดน่าทึ่งกับการครองแชมป์บิ๊กเอียร์เป็นสมัยที่ 15 พร้อมทั้งคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้สำเร็จแม้ว่าเกมในครึ่งแรกจะตกเป็นของ เสือเหลือง อย่างชัดเจน แต่ทีมจากเมืองเบียร์คว้าโอกาสพังประตูเอาไว้ไม่ได้ ก่อนโดนทีเด็ดของ ราชันชุดขาว เล่นงานในครึ่งหลังโดยมี ดานี่ การ์บาฆาล กับ วินิซิอุส จูเนียร์ ทะลวงประตูให้ทีมจากลีกกระทิงดุได้เฮฮาปาร์ตี้ในถ้วยใบนี้อีกตามเคย

1. เสือเหลืองยึดโผเดิมบุกโค่น เปแอสเช

ดอร์ทมุนด์ ทีมอันดับห้าของ บุนเดสลีกา จัดไลน์อัพชุดเดิมจากเกมล่าสุดที่บุกไปพิชิต ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 1-0 ในเกมรอบตัดเชือกนัดสองที่มี มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ ปราการหลังจอมเก๋าพังประตูโทนช่วงต้นครึ่งหลัง

จากโผดังกล่าวหมายความว่า เสือเหลือง ซึ่งผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จจากการกำชัยเหนือแชมป์ ลีกเอิง ด้วยสกอร์รวม 2-0 ยังจับ มาร์โก รอยส์ ที่เตรียมอำลาทีมหลังจบเกมนี้นั่งอยู่ข้างสนามตามเดิมร่วมกับ เจมี่ ไบโน กิตเท่นส์ ปีกวัย 19 ปีชาวอังกฤษซึ่งยิงประตูในรายการนี้ได้นัดบุกไปทุบ เอซี มิลาน 3-1 ในรอบแบ่งกลุ่มซึ่งเขาได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง

อย่างไรก็ดี เจดอน ซานโช่ ดาวเตะอิงลิชอีกรายได้ออกสตาร์ตเกมนี้หลังย้ายมาจาก แมนฯ ยูไนเต็ด แบบยืมตัว และระเบิดฟอร์มกับอดีตสโมสรได้อย่างยอดเยี่ยม

2. ชุดขาวไม่พลิกโผ,สำรองมีเซอร์ไพรส์

เรอัล มาดริด เจ้าพ่อถ้วยหูใหญ่ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ แสดงความมั่นใจเต็มเปี่ยมด้วยการเผยรายชื่อนักเตะออกมาล่วงหน้าก่อนเวลาฟาดแข้งร่วมสองชั่วโมง และเป็นไปตามความคาดหมาย

ราชันชุดขาว เลือกส่ง ติโบ กูร์กตัวส์ เฝ้าตาข่ายนัดสำคัญแม้ อันเดร ลูนิน นายทวารทีมชาติ ยูเครน จะมีบทบาทพาทีมเข้าชิงชนะเลิศได้ และหายป่วยบินมาสมทบกับทีมในภายหลัง

นอกจาก กูร์กตัวส์ ที่ได้ลงเล่นเกมหูใหญ่เป็นนัดแรกในรอบเกินกว่า 12 เดือนหลังเจ็บไปนาน โทนี่ โครส กองกลางทีมชาติ เยอรมัน จะลงเล่นให้สโมสรเป็นเกมสุดท้ายก่อนรีไทร์หลังรับใช้ชาติในศึก ยูโร 2024 ลุล่วงแล้ว

อย่างไรก็ดี ในรายชื่อตัวสำรองของทีมจาก ลา ลีกา มีเซอร์ไพรส์เนื่องจาก ออเลเรียง ชูอาเมนี่ กับ ดาวิด อลาบา ที่ไม่น่าจะมีส่วนร่วมเนื่องจากเจ็บหนักจนจบซีซั่นมีชื่ออยู่ในโผ และต้องรอดูว่าทั้งคู่จะฟิตมากพอต่อการถูกส่งลงสนามหรือเปล่า ขณะที่ โฆเซลู ซูเปอร์ฮีโร่ในรอบรองชนะเลิศยังตกเป็นตัวสำรองตามเดิม

ขณะเดียวกัน สื่อสแปนิช ระบุออกมาก่อนที่เกมจะเริ่มต้นไม่นานว่า วินิซิอุส จูเนียร์ กองหน้าตัวเก่งของ เรอัล มาดริด มีอาการป่วยเล็กน้อย แต่สุดท้ายยังถูกใส่ชื่อลงเล่นเป็น 11 คนแรก

3. บอลรองไม่กดดัน-ราชันรอดตัว

ตามหน้าเสื่อ เรอัล มาดริด เหนือกว่า ดอร์ทมุนด์ ชนิดที่เทียบกันไม่ได้ แต่ในเกมชิงชนะเลิศที่ทั้งสองฝ่ายไม่อาจพลาดได้แม้แต่เสี้ยววินาที ทีมที่ถูกมองว่ามีภาษีเหนือกว่าย่อมกดดันมากกว่าเป็นธรรมดา และไม่เว้นแม้แต่ ราชันชุดขาว ที่เจอความเครียดเล่นงานอย่างหนักจนทำเอาโชว์ฟอร์มไม่ออก และมีผลงานแย่กว่าทีมคู่ปรับอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 45 นาทีแรก

จากโอกาสที่ปรากฏในเกม แม้ เสือเหลือง น่าจะได้ประตูนำหลายหน แต่พวกเขาไม่อาจคว้าโอกาสเอาไว้ได้โดยเฉพาะจังหวะหลุดเดี่ยวของ คาริม อเดเยมี่ ซึ่งน่าจะสอยตาข่ายให้ทีมจากเมืองเบียร์ออกนำเห็นๆ แต่ปีกซ้ายวัย 22 ปีทิ้งโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย

ไม่เพียงเท่านั้น ในหลายๆจังหวะ อเดเยมี่ อาศัยความเร็วที่เหนือกว่า ดานี่ การ์บาฆาล จู่โจมเข้าพื้นที่อันตรายของ เรอัล มาดริด ได้อย่างต่อเนื่อง แต่การปราศจากความเฉียบคมในจังหวะสุดท้ายทำให้ เสือเหลือง ต้องยอมรับผลเสมอแบบไร้สกอร์กับ เรอัล มาดริด ไปอย่างช่วยไม่ได้ในครึ่งแรกซึ่งลูกทีมของ เอดิน แทร์ซิช หลายรายโชว์ฟอร์มได้ดี ขณะที่ทีมแชมป์ ลา ลีกา คายพิษสงไม่ออก และไม่มีใครโดดเด่นเลยแม้แต่รายเดียวยกเว้น กูร์กตัวส์ ที่ต้องทำงานหนัก และมีจังหวะเซฟประตูรักษาสกอร์ให้ทีมได้โดยสถิติในครึ่งแรก ราชันชุดขาว มีดีแค่การครองบอลที่เหนือกว่า 63.6%:36.4% แต่เป็นรอง ดอร์ทมุนด์ ชัดเจนทั้งโอกาสคลำเป้า 8:2 ครั้ง และการส่งบอลเข้ากรอบ 3:0 ครั้งซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าทีมเต็งจ๋าอาศัยความเก๋าเอาตัวรอดไปได้สำเร็จในช่วง 45 นาทีแรก

จากตัวเลขที่ปรากฏ เท่ากับว่า เรอัล มาดริด มีโอกาสเช็กบิลน้อยที่สุดเท่ากับสถิติร่วมของพวกเขาในซีซั่นนี้ (2ครั้ง) หลังจบครึ่งแรก แถมการโดนยิง 8 ครั้งยังเป็นสถิติที่โดนฝ่ายตรงข้ามเล่นงานหนักที่สุดในเกมครึ่งแรกของซีซั่นนี้เช่นกัน แม้พวกเขาจะรอดพ้นจากการเสียประตูก็ตาม

4. การ์บาฆาล ถลกหนังเสือ

แล้วในที่สุด เรอัล มาดริด ก็ทำแสบให้กับคู่แข่งอีกจนได้จนดูราวกับว่าพวกเขาเป็นอมตะ และฆ่าไม่ตายสำหรับฟุตบอลรายการนี้

จากที่เป็นรองเห็นๆตลอดครึ่งแรก และยังเป็นรองต่อไปเนื่องจาก อันเชล็อตติ ยังหาทางแก้ลำ เสือเหลือง ไม่ได้ปรากฏว่า ราชันชุดขาว สามารถงัดทีเด็ดลูกนิ่งมาเล่นงานคู่ต่อสู้ได้อยู่ดีจากลูกเตะมุมที่ การ์บาฆาล โขกไม่เหลือพาทีมจากสเปนออกนำ 1-0

เท่านั้นแหละ สถานการณ์ต่างๆในเกมก็พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเนื่องจาก เรอัล มาดริด ที่เล่นได้แย่กว่ามาโดยตลอดมีทั้งความมั่นใจ และความฮึกเหิมจนสามารถเดินเกมรุกโจมตีใส่ ดอร์ทมุนด์ ได้มากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดความผิดพลาดของฝ่ายตรงข้ามก็นำมาซึ่งประตูที่สองของพวกเขาซึ่งเพียงพอต่อการตอกย้ำผลลัพธ์ของเกมนี้

จากครึ่งแรกซึ่ง การ์บาฆาล โดน อเดเยมี่ เล่นงานหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาไม่ได้ทำให้ทีมเสียหาย กลายเป็นว่าแบ็คขวาจอมเก๋าพลิกกลับมาเป็นฮีโร่ของทีมในครึ่งหลังได้อย่างไม่น่าเชื่อเนื่องจากประตูที่เขาทำให้ทีมออกนำเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆในสนามได้อย่างสิ้นเชิงกระทั่ง ยูฟ่า เลือกให้เขารับตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์

ขณะเดียวกัน หลังกำชัย 2-0 เรอัล มาดริด ซึ่งเล่นได้ดีขึ้นทันตาเห็นนับตั้งแต่เจาะตาข่าย ดอร์ทมุนด์ ได้พลิกกลับมามีสถิติหลังจบ 90 นาทีเหนือกว่าทีมจาก บุนเดสลีกา จนได้จากการครองบอลที่ยังเหนือกว่าในสัดส่วน 57.3%:42.7% แถมมีจังหวะสับไกเท่ากับ คู่ต่อกร 13 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 6:4 ครั้ง

5. ราชันไร้เทียมทาน

ไม่เพียงได้ถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก เพิ่มเป็นสมัยที่ 15 ทว่าปีนี้มีความพิเศษเพิ่มขึ้นสำหรับทีมแชมป์ด้วยเนื่องจากพวกเขามีสถิติไร้พ่ายในรายการนี้ตลอดทั้งซีซั่นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

หลังคว่ำ ดอร์ทมุนด์ ลงได้ 2-0 ราชันชุดขาว มีผลงานชนะ 9 เสมอ 4 จากการลงสนามทั้งหมด 13 นัดโดยไม่แพ้ใครเป็นครั้งแรกรวมทั้งสมัยที่ถ้วยใบนี้ยังใช้ชื่อว่า ยูโรเปี้ยนคัพ  และเป็นทีมที่สองจากลีกกระทิงดุที่สร้างผลงานเยี่ยงนี้ได้สำเร็จต่อจาก บาร์ซ่า ในซีซั่น 2005/06 ที่ชนะ 9 นัด เสมอ 4 นัดเช่นกัน

ด้าน การ์บาฆาล ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าตัวยิงประตูแรกในรายการนี้ได้เป็นครั้งแรกในรอบห้าปี แถมกลายเป็นประตูสำคัญแผ้วทางให้ทีมได้แชมป์อีกต่างหาก

รวมแล้ว การ์บาฆาล คลำเป้าในถ้วยหูใหญ่ได้เป็นเม็ดที่สองโดยก่อนหน้านี้เขายิงได้เมื่อเดือนพ.ย.2015 แต่จะอย่างไรก็ตาม ฟูลแบ็คสแปนิชได้เหรียญชปล.เป็นสมัยที่หกแล้วเช่นเดียวกับ โทนี่ โครส , ลูก้า โมดริช และ นาโช่ เทียบเท่ากับตำนานของทีมอย่าง ปาโก้ เกนโต้ หากแต่ในรายของกองกลางทีมชาติ เยอรมัน ได้แชมป์รายการนี้กับ บาเยิร์น หนึ่งครั้ง และ ราชันชุดขาว ห้าครั้ง

นอกจากนี้ โครส ยังเป็นนักเตะคนแรกในรอบ 29 ปีที่รีไทร์หลังได้โทรฟี่หูใหญ่ด้วยจากการได้ลงสนามเป็น 11 คนแรกต่อจาก แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด ในปี 1995


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport