เบื้องหลังสามแชมป์ของเรือ

บางคนอาจคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับสโมสรที่มีเพียบพร้อมทุกอย่างที่ชื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้แต่ก็อยากให้คิดดูง่ายๆว่าแล้วทำไมก่อนนี้ตลอดประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังอังกฤษถึงมีแค่ทีมเดียวกับครั้งเดียวที่ทำสำเร็จ

"พวกมันจะไม่มีทางทำได้อย่างเรา อย่าว่าแต่เทรบเบิ้ลแชมป์เลย เอาแค่แชมป์ยุโรปก่อนค่อยมาคุยกัน"คำพูดของแฟนผีที่เคยเย้ยหยันเพื่อนร่วมเมืองสีฟ้าเอาไว้ในปี1999

ก็ตอนนั้นทั้งสองต่างกันราวฟ้ากับเหว

ก็เวลานั้นขณะที่ฝ่ายหนึ่งกำลังแห่รถฉลองสามถ้วยใหญ่ประกอบด้วยพรีเมียร์ลีก, แชมเปี้ยนส์ลีกและเอฟเอ คัพ อีกฝ่ายที่ห่างไปไม่กี่ไมล์ทางตะวันออกก็ได้แต่ชนแก้วกันเงียบๆกับความสำเร็จในรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้นกลับดิวิชั่น1(ปัจจุบันเป็นแชมเปี้ยนชิพ)

"ขณะที่พวกเราแซงเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคที่คัมป์ นูแต่พวกมันมีความสุขที่ยิงจุดโทษชนะจิลลิ่งแฮม..."อีกบางคำกล่าวในยุคที่อาณาจักรสีแดงแผ่ขยายเกรียงไกร

เวลาผ่านไปไวราวโกหก ทว่าความจริงไม่เคยมีวันตาย ผ่านมา24ปีก็มีอีกทีมแล้วที่ก้าวมาทาบสำเร็จโดยสำคัญที่สุดกว่านั้นก็ยังเป็นทีมสีฟ้าทีมเดียวกันนั้นอีกต่างหาก

ถูกต้องว่าทุกอย่างเริ่มจากการมาของกลุ่มอาบูดาบี พวกเขาได้ทุ่มเงินไปเกินพันล้านปอนด์ในการเนรมิตโทรฟี่แล้วโทรฟี่เล่าให้แมนฯซิตี้ กระนั้นอย่างหนึ่งมันก็พิสูจน์มาตลอดเช่นกันว่าเงินไม่เคยเป็นคำตอบแรกและสุดท้ายของฟุตบอล

หากมันเป็นเพราะตั้งแต่ส่วนบนลงสู่ส่วนล่างที่ยอดเยี่ยมต่างหาก แนวคิดของบอร์ดบริหารกับโปรเจกต์ที่วางไว้ทั้งระยะสั้นกับระยะยาว พวกเขาก็ไม่ได้ให้น้ำหนักไปแต่เรื่องในสนามของทีมชุดใหญ่เท่านั้น จะทีมเยาวชน, ทีมบอลหญิงรวมถึงกระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆทั้งหลายก็ไม่เคยมองข้าม

เครดิตแรกต้องเทให้ฝ่ายบริหารของซิตี้ การปูทางรอแค่การมาของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าถือเป็นจุดเริ่มต้น ถึงก่อนหน้านั้นพวกเขาจะเคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้วสองครั้งกับโค้ชสองคนแต่ก็ไม่เคยยืนระยะได้ พูดอีกอย่างก็ยังไม่ใช่สโมสรหมายเลขหนึ่งที่แท้จริง

"งานเร่งด่วนที่เราต้องทำก็คือปรับเปลี่ยนทัศนคติของทีม ไม่ใช่แค่นักเตะแต่ทุกๆคนที่ทำงานในสโมสรนี้ มันเป็นบางอย่างที่ทีมอย่างแมนฯยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, บาเยิร์น, มาดริดหรือว่าบาร์เซโลน่ามี"

เป๊ปเลือกใช้ศัพท์เปรียบไว้ว่า'heavy shirt'โดยตลอดหลายปีมานี้เขาก็ทำได้ตามที่ลั่นวาจาไว้ การครองลีก5จาก6ครั้งหลังถือเป็นชิ้นหลักฐานที่ยืนยัน ทว่าเป๊ปก็สะท้านเต็มอกว่าถ้วยยุโรปเท่านั้นที่จะทำให้จิ๊กซอว์ชิ้นนี้สมบูรณ์แบบ

เมื่อคืนวันเสาร์ในสังเวียนอตาเติร์กเป็นเกมที่61ของซิตี้ สถิติทั้งหมดในทุกถ้วยอ่านได้ว่าชนะ44 เสมอ10 แพ้7

ก็มีบางช่วงของซีซั่นโดยเฉพาะในเดือนมกราต่อกุมภาที่ทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขาอาจจะมีปีที่ล้มเหลว ในลีกก็ตามหลังอาร์เซน่อล ในบอลถ้วยก็กระเด็นตกรอบลีก คัพด้วยน้ำมือเซาธ์แฮมป์ตัน มีบางจุดเปลี่ยนที่ทำให้โมเมนตัมเหวี่ยงกลับ หนึ่งในนั้นก็มาจากเกมที่พวกเขาพลิกชนะสเปอร์ส4-2หลังตามหลังไปก่อน2-0

"ถ้าพวกเราเล่นได้แค่นี้ อาร์เซน่อลก็จะถล่มพวกเราราบคาบ ถ้าพวกเรายังไม่เปลี่ยนแปลงอีก พวกเราก็จะไม่ได้แชมป์สักใบเดียว นี่ไม่ใช่ทีมที่ผมสร้างมา ผมต้องการเห็นทีมของผมจริงๆ"เป๊ปให้สัมภาษณ์ไว้หลังเกมวันนั้น

จากนั้นทีมก็อาจมีสะดุดอีกบ้างอย่างเช่นแมตช์ออกไปทำได้เพียงเสมอฟอเรสต์1-1แต่เป๊ปยังยิ้มได้กับความทุ่มเทของนักเตะ

เพราะนี่คือสิ่งแรกที่โค้ชทุกคนอยากเห็นจากลูกทีมตัวเอง ไม่ใช่พรสวรรค์หรือเทคนิคสูงส่งอะไร ก็นั่นเองทำให้เชา กานซาโล่ที่ทำตัวแตกแถว(เล่ากันว่าตอนประชุมทีมใส่หูฟังไม่สนใจ)จึงโดนเฉดออกพ้นทีมไปให้บาเยิร์นตอนตลาดหน้าหนาว

ถูกต้องว่าเป๊ปไม่ใช่คนพอใจอะไรโดยง่าย

ต่อให้เอร์ลิ่ง ฮาลันด์จะพังตาข่ายได้ต่อเนื่องจนได้รับคำชื่นชมไปทั่วแต่ก็มีบางเกมที่เป๊ปออกมายักไหล่พูดว่า"ผมอยากให้เขามีส่วนร่วมกับเกมมากกว่านี้ สำหรับผมแล้วกองหน้าไม่ได้มีไว้แค่รอในกรอบเพื่อยิงแค่นั้น"

อีกมุมวัยรุ่นเลือดไวกิ้งก็ทำตัวเป็นแก้วที่มีน้ำครึ่งเดียวเสมอ เขาพร้อมเรียนรู้ตลอด ไม่เคยลำพองตัวว่าดังแล้ว วิธีการเล่นจึงหลากหลายขึ้นกลายมาเป็นตัวที่คอยชงให้เพื่อนจนได้ประตูในครึ่งซีซั่นหลัง ยกตัวอย่างก็เกมนัดสำคัญเยือนอาร์เซน่อลในเดือนกุมภาฯ

แน่นอนเรื่องของแท็กติกที่ล้ำกว่าใครก็มีส่วนยิ่งต่อการพาไปสู่สามแชมป์ การเอาฟูลแบ็กหุบมิดฟิลด์ในศัพท์'Inverted Fullback'ถือเป็นหนึ่งในไอเดียบ้าๆของเป๊ป ทว่าเขาทำให้หลายคนต้องทึ่งกว่านั้นด้วยการจับจอห์น สโตนส์ไปทำหน้าที่มิดฟิลด์ตัวพิเศษโดยครั้งแรกเกิดในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกที่ต้อนบาเยิร์น มิวนิค3-0

อย่างไรก็ตามว่ากันจริงๆแล้วหนแรกสุดเลยที่สโตนส์ขึ้นไปเล่นแดนกลางเป็นช่วงคริสต์มาสปี2018ซึ่งเพียงแต่ว่าตอนนั้นบาลานซ์ของเซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอังกฤษยังดูไม่ดีเท่าตอนนี้

"ถ้าคุณหยุดนิ่งแล้วคู่แข่งก็จะหาทางแก้ได้ดังนั้นผมจึงต้องหาแท็กติกใหม่ๆมาใช้ ฟุตบอลมีไซเคิ่ลของมันไม่เกิน4ปี"บางประโยคที่สะท้อนชายที่ชื่อเป๊ป

การที่แพ้เพียงนัดเดียวจาก28เกม

การที่แจ็ค กรีลิชโชว์ฟอร์มสมราคาได้ซะที

การที่มีตัวทีเด็ดแทบทุกตำแหน่ง ไม่ได้โยนความหวังให้ฮาลันด์หรือเควิน เดอ บรอยน์เท่านั้น ก็สัปดาห์ก่อนนัดชิงเอฟเอ คัพก็เป็นอิลคาย กุนโดอัน มาถึงค่ำคืนล่าสุดนี้ก็เป็นโรดรี้ที่สวมบทฮีโร่

อีกจุดที่สำคัญก็เป็นการที่เป๊ปลดทิฐิตัวเอง พอแล้วจัดตัวแปลกประหลาดในเกมชี้เป็นชี้ตาย คราวนี้เขาเลือกทีมที่ดีที่สุดลง ก็แค่นั้นเองที่ทำให้จบเกมบทเพลงWe Are The Championsกระหึ่มไปทั่วโดยมีสาวกเรือใบเขย่าลำคอเฉลิมฉลองตาม

"มันเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจมากที่ทำได้เหมือนอย่างที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเคยทำ ผมได้รับข้อความจากเขาตอนเช้าก่อนแข่ง มันเป็นเกียรติยิ่ง"เป๊ปยังได้กล่าวไว้อีก

อยากให้พักเรื่องคดีความร้อยข้อกล่าวหานั้นไว้ชั่วครู่....

สิ่งที่เป๊ปได้ทำนับแต่ลากกระเป๋ามาพรีเมียร์ลีกยังมีมากกว่าแค่ถ้วยแชมป์วางเรียง เขาได้เปลี่ยนแนวทางเป็นต้นแบบให้โค้ชหลายต่อหลายคน ทุกวันนี้แม้แต่สโมสรในนอกลีกก็ยังเลียนแบบอยากสร้างทีมให้เอนเตอร์เทนอย่างเป๊ป

นี่คือเบื้องหลัง นี่ต่างหากที่เรียกว่าความสำเร็จแท้จริง

"ไก่ป่า"


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ไก่ป่า
เอกราช นิติสุทธิ์สกุล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport