วงการฟุตบอลอิตาลีเคยมีผู้เล่นที่มีบุคลิกโดดเด่นมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่มีไม่กี่คนที่จะเทียบได้กับ เจมี่ วาร์ดี้ ชายผู้ผ่านประสบการณ์มาครบทุกรูปแบบตลอดเส้นทางอาชีพค้าแข้งอันไม่เหมือนใครยาวนานถึง 19 ปี
วาร์ดี้ ซึ่งเริ่มต้นนักฟุตบอลอาชีพกับ สต๊อคบริดจ์ สตีล หลังโดน เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ปล่อยตัว ค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมาจากลีกล่างกับ ฮาลิแฟกซ์ และ ฟลีตวู้ด ทาวน์ ก่อนจะได้รับโอกาสสำคัญในชีวิตค้าแข้งกับ เลสเตอร์ ซิตี้
หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นตำนานอย่างที่ทุกๆ คนรู้ โดยนับตั้งแต่ที่อำลา สต๊อคบริดจ์ สตีล จนมาสร้างตำนานกับ เลสเตอร์ ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2015/16 เขากลายเป็นนักเตะที่อายุมากที่สุดที่คว้ารางวัลรองเท้าทองคำ พรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 23 ประตู ในซีซั่น 2019/20
ช่วงเวลาแห่งเทพนิยายกับ เลสเตอร์ สิ้นสุดลงในเดือนกันยายน เมื่อเขาอำลาถิ่นคิง เพาเวอร์ เพื่อไปเล่นที่ สตาดิโอน โจวานนี่ ซินี่ ของสโมสรเครโมเนเซ่
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์หลังย้ายมาสู่ดินแดนมะกะโรนี วาร์ดี้ ยิงประตูแรกให้กับ เครโมเนเซ่ เกมเสมอ อตาลันต้า 1-1 ก่อนจะฉลองด้วยท่าตีลังกากลับหลังอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
กระนั้นหนึ่งในเรื่องส่วนตัวที่น่าสนใจของ วาร์ดี้ ก็คือเรื่องการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อยอดฮิต และ กาแฟเอสเพรสโซ ก่อนคิกออฟทุกเกม
นีมา ทาวัลเลย์ รูดซารี นักข่าวคนดัง ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพอดแคสต์ "The Italian Football Podcast" แสดงความเห็นว่า "อาหารการกินและนิสัยแปลก ๆ ของเขา อย่างการดื่มเรดบูลล์และอะไรทำนองนั้น ยิ่งช่วยเสริมบุคลิกเฉพาะตัวของเขาให้เด่นชัดขึ้น"
"ผู้คนไม่ได้มองว่าเขาไร้ความเป็นมืออาชีพหรืออะไรแบบนั้น แต่พวกเขามองว่าการได้เขามาร่วมทีมเป็นเรื่องที่สนุก เหมือนเป็นการเติมสีสันให้ทีมได้เล็กน้อย หลายๆ คนต่างดีใจกันมากที่ได้เห็นเขามาอยู่ในเซเรีย อา มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย"
"ผมไม่ได้จะพูดให้ดูแย่นะ แต่ปกติแล้วชาวอิตาเลียนมักจะรู้ดีถึงพฤติกรรมแปลกๆ โดยเฉพาะทัศนคติของชาวอังกฤษเรื่องการกินและการดื่มเป็นกิจวัตรทั่วไปของพวกเขา" นักข่าวคนดังระบุ