ฤดูกาลนี้ กัลโช่ เซเรีย อา ของอิตาลีกินขาดในเรื่องความดุเดือดของการแย่งแชมป์
ในขณะที่บรรดาลีกใหญ่ด้วยกันเขาได้แชมป์กันไปหมดแล้ว เปแอสเชปิดจ๊อบก่อนใครเพื่อน ตามมาด้วยลิเวอร์พูล บาเยิร์น มิวนิค และ บาร์เซโลน่า ฝั่งเมืองมะกะโรนียังคาราคาซังกันอยู่จนต้องวุ่นวายหาวันเตะนัดปิดซีซั่นกันใหม่
ทำไมต้องย้ายวันเตะนัดปิดฤดูกาล มันมีเหตุผลอยู่ครับ
เมื่อคืนที่ผ่านมาทั้ง 20 ทีมลงฟาดแข้งกันในนัดรองสุดท้ายของฤดูกาล เท่ากับว่าฤดูกาลเซเรีย อาเหลืออีกเพียงเกมเดียวเท่านั้นโดยจะเตะกันในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (25 พ.ค.)
ผลเสมอของทั้ง นาโปลี (เยือน ปาร์ม่า 0-0) และ อินเตอร์ (เหย้า ลาซิโอ 2-2) ทำให้สถานการณ์บนตารางคะแนนยังเป็นเหมือนเดิมคือนาโปลีนำอินเตอร์อยู่ 1 คะแนน
ทั้ง 2 ทีมมีโอกาสที่จะจบซีซั่นด้วยการมีคะแนนเท่ากัน ถ้าหากนาโปลีแพ้กายารี่คาบ้านในเกมสุดท้าย และอินเตอร์เสมอโคโม่เจ้าถิ่น
ตามกฎของฟุตบอลอิตาลีการจัดอันดับทีมที่มีคะแนนเท่ากันจะใช้กฎเฮดทูเฮด ถ้าเท่ากันให้ดูผลต่างประตูได้เสีย ถ้ายังเท่ากันอีกให้ดูประตูที่ยิงได้
กฎนี้ใช้กับทุก ๆ อันดับบนตารางคะแนน ยกเว้นอยู่ 2 อันดับที่จะใช้กฎแตกต่างออกไป
-ทีมลุ้นแชมป์ และ
-ทีมสุดท้ายที่จะตกชั้น
ใน 2 ตำแหน่งนี้ ถ้าจบฤดูกาลคะแนนเท่ากัน.. ทางออกคือเตะเพลย์ออฟทุกกรณี เกมเดียวตัดสิน
อันที่จริงว่ากันตามหลักการ เฮดทูเฮดหรือผลต่างประตูได้เสียนั้นควรจะมีผลอยู่บ้างในการเพลย์ออฟ คือทีมที่เหนือกว่าควรได้เล่นในบ้านตัวเอง เพียงแต่นี่ไม่ใช่ข้อกำหนดตายตัว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเลกากัลโช่ และที่ผ่านมาก็ใช้สนามกลางเป็นสังเวียนแข้งตัดสิน
คำว่า 'ที่ผ่านมา' ที่ว่าคือปี 1964 ที่ โบโลญญ่า เอาชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-0 ในเกมเพลย์ออฟตัดสินที่สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงโรม ครับ
นั่นคือครั้งแรกและครั้งเดียวจนถึงเวลานี้ที่ฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา ตัดสินหาแชมป์ด้วยการเตะเพลย์ออฟ
นอกจากฤดูกาล 1963/64 นั้นแล้วก็ไม่มีฤดูกาลไหนอีกเลยที่ทีม 2 อันดับแรกของตารางจะมีคะแนนเท่ากันเมื่อจบฤดูกาล ไม่มีแม้กระทั่งในช่วงเกือบ 20 ซีซั่นที่ เซเรีย อา ยกเลิกกฎเพลย์ออฟหันไปใช้เฮดทูเฮดตัดสินแชมป์กรณีคะแนนเท่ากัน
กฎเพลย์ออฟถูกยกเลิกไปเมื่อเข้าสู่ฤดูกาล 2005/06 ก่อนที่ฤดูกาล 2022/23 จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่เคยมีกรณีที่ 2 ทีมหัวตารางมีคะแนนเท่ากันเมื่อจบฤดูกาลอีก
เต็มที่ก็แค่เกือบจะมี แต่สุดท้ายเซเรีย อา จะได้แชมป์ที่มีแต้มมากที่สุดเสมอ ยิ่งเมื่อกลับมาใช้กฎเพลย์ออฟอีกครั้งก็ยิ่งไม่ใกล้เคียงกับการเพลย์ออฟเลย
นาโปลีทิ้งรองแชมป์ 16 คะแนนในฤดูกาล 2022/23 อินเตอร์ไปไกลกว่านั้นอีกทิ้งอันดับสองกระจุย 19 แต้มเมื่อซีซั่นที่แล้ว..
-----------------
สำหรับโอกาสที่จะเกิดเกมเพลย์ออฟตัดสินแชมป์ขึ้นในฤดูกาลนี้ก็คงต้องบอกว่ายากมากอยู่ดีนะครับ เพราะนาโปลีต้องแพ้กายารี่คาบ้าน และอินเตอร์ได้เพียงแต้มเดียวที่โคโม่เท่านั้น
อย่างไรก็ตามในเมื่อมันยังมีโอกาสเกิดขึ้น แม้จะน้อยนิดก็ยังถือว่ามีความเป็นไปได้
และด้วยความที่ อินเตอร์ มิลาน มีโปรแกรมเตะนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับเปแอสเช วันเสาร์ที่ 31 พ.ค. นี้ด้วย จึงทำให้มีความยุ่งยากเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
เพราะถ้าเตะนัดปิดฤดูกาลตามโปรแกรมเดิมวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค. หากอินเตอร์ฯ ต้องเตะเพลย์ออฟกับนาโปลีจริง ๆ ย่อมกระทบต่อการเตรียมความพร้อมของพวกเขาในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะเกมเพลย์ออฟจะต้องมาเตะช่วงกลางสัปดาห์นั้น
มีเวลาพักน้อยกว่าเปแอสเชคู่ชิง
เลก้ากัลโช่จึงต้องพูดคุยกันในช่วงบ่ายวันนี้ตามเวลาบ้านเรา ก่อนจะได้บทสรุปว่าเกมปิดฤดูกาลระหว่าง นาโปลีกับกายารี่ และ โคโม่กับอินเตอร์ฯ จะขยับมาเตะกันในคืนวันศุกร์ที่ 23 พ.ค. นี้ (01.45 น. ตามเวลาประเทศไทย)
แค่ 2 คู่นี้เท่านั้น ส่วนเกมอื่น ๆ อีก 8 คู่ที่เหลือยังคงเตะนัดปิดซีซั่นตามโปรแกรมปกติ อาทิตย์ที่ 25 พ.ค.
จะต้องยืดเยื้อไปถึงเกมเพลย์ออฟไหม แฟนอินเตอร์ฯ ที่อยู่ในสถานะเสียเปรียบเวลานี้คงบอกว่าถ้าแซงนาโปลีไม่ได้ ขอทำแต้มเท่าก็ยังดี แต่แฟนทีมปาร์เตโนเปคงบอกว่าไม่เอาด้วยหรอก เพราะเท่าที่เห็นใน 2 เกมหลังสุดสภาพชวนปวดกบาลเหลือเกิน เพราะสั่นไปทุกขุมกำลัง สั่นแบบจับไข้นะไม่ใช่สั่นสู้
อันโตนิโอ คอนเต้ ก็ไม่รู้จะกระตุ้นทีมอย่างไรแล้ว เจ้าตัวยังบอกเองว่านี่คืองานที่ยากที่สุดในชีวิต เพราะต้องเค้นสมองงัดทุกกลยุทธออกมาให้หมดเพื่อรีดประสิทธิภาพของลูกทีมให้เล่นได้เกินขีดจำกัดที่มี
ผมคิดว่า คอนเต้ พูดได้เห็นภาพที่สุดจริง ๆ ยิ่งเมื่อทีมเสีย ควิช่า ควารัตสเคเลีย ออกไปช่วงมกราคม นาโปลีก็ยิ่งอยู่ในสภาวะประคองตัวให้รอด
สองเดือนเต็ม ๆ ที่เป๋ไปเลยจากการเสียควารัตสเคเลีย นาโปลีชนะแค่ 2 เกมเท่านั้นจาก 9 นัดในลีก
โดน อินเตอร์ฯ แซงขึ้นจ่าฝูงก็ช่วงนั้น
แต่เมื่อเข้าสู่เดือนเมษายน คอนเต้พาทีมเร่งเครื่องกำชัย 4 นัดติด ปาดหน้าอินเตอร์ฯ กลับขึ้นไปเป็นจ่าฝูงอีกครั้งในช่วงนี้เช่นกัน ฉกฉวยจังหวะที่ทีมงูใหญ่กำลังมึนแพ้โบโลญญ่านาที 90+4 ต่อด้วยถูกโรม่าบุกถลกหนังคาบ้าน
กระทั่งเกมที่ 36 กับ 37 ที่ผ่านมานี่แหละที่นาโปลีแข้งขาหนักเหมือนยกไม่ขึ้น ความเครียดความกดดันโถมถั่ง ดูเกร็งไปหมดในทุก ๆ จังหวะ ถูกเจนัวไล่ตีเสมอคาบ้าน และเป่าปาร์ม่าไม่ลงในเกมเยือนเอ็นนิโอ ตาร์ดินี่
โชคยังดีที่ อินเตอร์ฯ เองก็พลาดเช่นกันในเกมรับมือลาซิโอ
ใครที่ได้ลุ้นแบบสด ๆ ทั้ง 2 สนามเมื่อคืนที่ผ่านมาคงยังอิ่มเอมกับความระทึกขวัญ สถานการณ์พลิกไปพลิกมา 4-5 ตลบจนอยากจะตบหัวคนเขียนสคริปต์ว่าพอได้แล้ว กูจะหัวใจวายแล้วเนี่ย
[ก่อนเตะ นาโปลี 78 คะแนน อินเตอร์ 77 คะแนน]
นาที 45+2 อินเตอร์ฯ นำ ลาซิโอ 1-0 (ยานน์ บิสเซ็ค)
[อินเตอร์ 80 คะแนน นาโปลี 79 คะแนน]
นาที 53 จุดพลิกผันสำคัญที่ จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า ลาซิโอส่ง เปโดร โรดริเกซ วัย 37 ปีลงไปแทน กุสตาฟ อิซัคเซ่น ปีกชาวเดนมาร์ก
นาที 72 เปโดรยิงตีเสมอให้ ลาซิโอ 1-1.. เช็ก VAR กันนานว่า มาติอัส เวซิโน่ ล้ำหน้าไหมก่อนจะตัดสินให้เป็นประตู
[นาโปลี 79 คะแนน อินเตอร์ 78 คะแนน]
นาที 79 อินเตอร์ฯ นำอีกครั้ง 2-1 จากการโหม่งของ เดนเซล ดุมฟรีส
[อินเตอร์ 80 คะแนน นาโปลี 79 คะแนน]
นาที 90 อินเตอร์ฯ เสียจุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอลของบิสเซ็ค ปราการหลังชาวเยอรมันเอามือไพล่หลังแล้วแต่ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณที่สะดุ้งเอาแขนมาขวางลูกบอลทำให้ผู้ตัดสินเห็นเป็นอื่นไม่ได้จริง ๆ นอกจากต้องให้จุดโทษ
เปโดรซัดจุดโทษเสียบเสา ตีเสมอให้ลาซิโออีกครั้งเป็น 2-2
[นาโปลี 79 คะแนน อินเตอร์ 78 คะแนน]
ณ ตอนนั้นที่อีกสนาม อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือนาโปลี กับ คริสเตียน คิวู นายใหญ่ปาร์ม่าถูกไล่ออกจากสนามทั้งคู่ไปแล้ว ด้วยอารมณ์เผ็ดร้อนที่พลุ่งพล่านขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลาที่เหลือน้อยลง
ที่มิลานก็ไม่น้อยหน้า ซิโมเน่ อินซากี้ ของอินเตอร์ฯ กับ มาร์โก บารอนี่ โค้ชลาซิโอก็โดนอัปเปหิแบบแพ็กคู่เช่นกัน ด้วยความเดือดของอุณหภูมิเกมที่ทะลักจุดแตกเหมือนกัน
กลายเป็น 2 สนามที่ 2 ทีมลุ้นแชมป์ 1 ทีมลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก และอีก 1 ทีมลุ้นหนีตายหวดกัน กุนซือทั้ง 4 คนถูกไล่ออกหมดเลย เข้าใจว่าน่าจะเป็นครั้งแรกในโลกที่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น
เหล่านี้ยังไม่รวมจังหวะใกล้เคียงที่ นาโปลี ยิงชนเสาชนคานรวมกันอีก 3 ครั้ง และโอกาสหลุดเดี่ยวของลาซิโอที่เตรียมตัวมาเล่นงานพื้นที่ด้านหลังของทีมเนรัซซูร่าเป็นอย่างดีแต่ยิงพลาดกันไปเอง
ช่วงทดเวลาของทั้ง 2 สนามแฟนบอลทั้งในสนามและทางบ้านลุ้นกันนิ้วมืองอหงิกนิ้วเท้าจิกพื้น อินเตอร์ฯ เทหมดหน้าตักถอดกองหลัง 1 คน กองกลาง 2 คนออกแล้วส่งตัวรุก 3 คนลงไป ได้บอลลากจี้เข้าใส่ เอาบอลไปอยู่ในเขตโทษให้มากที่สุด
จังหวะหวาดเสียวมีอีกไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้ง มาร์โก อาร์เนาโตวิช โหม่งเข้าแต่ล้ำหน้า ฟรานเชสโก้ อแชร์บี้ เกือบเป็นฮีโร่เหมือนวันน็อกบาร์เซโลน่าในแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ตวัดยิงวินาทีสุดท้ายหลุดกรอบหวิว
ส่วนที่ปาร์ม่า ความอึดอัดสีฟ้าได้พังทลายเมื่อถึงนาที 90+5 ซีริล เอ็นก็องเก้ ตัวสำรองไหลบอลให้ เดวิด เนเรส ตัวสำรองอีกคนล็อกหลบ มาตีอัส ฟอร์ทอฟต์ โลวิก ก่อนถูกกองหลังชาวนอร์เวย์ขวางล้ม
มันคือจุดโทษอย่างไม่ต้องสงสัย ดูจากภาพช้าก็ชัดเจนว่าเป็นจุดโทษแน่นอน
แต่ VAR เรียกผู้ตัดสินไปดูจังหวะก่อนหน้าที่ โจวานนี่ ซิเมโอเน่ เข้าถึงบอลช้ากว่ากลายเป็นย่ำใส่ข้อเท้า อเลสซานโดร เซอร์คาติ ก่อนที่บอลจะไปถึงเอ็นก็องเก้
มันคือจังหวะต่อเนื่องที่เริ่มมาจากการทำฟาวล์ เมื่อจุดเริ่มต้นผิด จังหวะต่อเนื่องก็ย่อมผิดตามไปด้วย ว่ากันตามกฎก็ถูกต้องแล้วสำหรับคำตัดสิน
นาโปลีถูกริบจุดโทษคืน ไม่ได้แม้กระทั่งโอกาสสังหารจากระยะ 12 หลา
ดราม่าจึงซ้อนกันแบบกอง ๆ ขึ้นไปอีก เพราะถ้านาโปลีได้จุดโทษแล้วยิงเข้าท่ามกลางสถานการณ์กลับตาลปัตรจ่าฝูงเปลี่ยนมือไปมาในเกมเดียว 3-4 หน พวกเขาจะก้าวเข้าสู่นัดปิดฤดูกาลด้วยการนำอินเตอร์ฯ 3 คะแนน ต้องการแค่ผลเสมอเท่านั้นในนัดสุดท้ายก็เพียงพอต่อการคว้าแชมป์
เป็น 90 นาทีที่อารมณ์สวิงขึ้นลงรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 20 นาทีสุดท้ายหลังจาก เปโดร เปลี่ยนตัวลงมายิงตีเสมอ 1-1 ให้ลาซิโอเป็นต้นไป เพราะนับจากนั้นมันเหมือน นาโปลี กับ อินเตอร์ฯ ร่วมกันพาเรานั่งรถไฟเหาะตีลังกา 38 ตลบ
มันยกร่องและโคตรเข้มข้น.. เข็มนาฬิกาบอกเวลาจะตีสี่อยู่แล้วแต่ความง่วงงุนไม่มีเลย หัวใจเต้นรัว ๆ
สุดท้ายแล้วนาโปลีอาจไม่ได้จุดโทษและจบลงด้วยผลเสมอ แต่ก็เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก
ตัวเองเก็บ 3 คะแนนไม่ได้ แต่ อินเตอร์ฯ คู่แข่งแย่งแชมป์ก็ทำไม่ได้เช่นกัน
ทีมอัซซูร่าจึงยังนำอยู่ 1 คะแนนและเดินเข้าสู่เกมสุดท้ายของฤดูกาล
โจทย์ของนาโปลีไม่ซับซ้อนเลยครับ
แม้จะยังมีหน้ากว้างให้ออกทางอื่นได้สำหรับการเป็นแชมป์ แต่เชื่อว่า อันโตนิโอ คอนเต้ จะกระตุ้นลูกทีมให้ลงสนามด้วยโจทย์เดียวเท่านั้น
"ต้องชนะ"
ชนะแล้วฉลองแชมป์กันให้สุดเหวี่ยง.. เอาแบบนี้ชัวร์ที่สุด ไม่ต้องฝากความหวังไว้กับฟ้าฝนที่โคโม่
ท่ามกลางแฟนบอลหกหมื่นชีวิตที่จะเข้าไปอัดแน่นเต็มสนาม ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า สตาดิโอน วันศุกร์นี้ นาโปลีจะเผชิญหน้ากายารี่ผู้มาเยือนด้วยความมุ่งมั่นเดียว
ผืนดิน ผืนน้ำ ผืนฟ้า แห่งเมืองเนเปิลส์.. จะงดงามอร่ามตาเหมือนวันฉลองใหญ่ของชาวเมืองเมื่อ 2 ปีก่อนไหม เวลาเท่านั้นที่จะมอบคำตอบให้กับเรา
ตังกุย