"กวาราโดน่า" ควิชา กวารัตสเคเลีย ผู้ปลุกความฝันชาวเนเปิลส์

ด้วยความที่มีนาโปลีเป็นทีมในดวงใจอีกทีม ผมจึงดูทีมอัซซูร่าลงเตะทุกนัดเหมือนกับที่ดูลิเวอร์พูล

การที่ได้เห็นทีมเชียร์ทั้งสองได้อยู่ในกลุ่มเดียวกันในเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จึงถือเป็นกำไรอย่างหนึ่ง เป้าหมายในการเชียร์คือขอให้เข้ารอบไปได้ด้วยกันทั้งสองทีม

สองเกมที่เตะกันเองที่แอนฟิลด์และ ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า สเตเดี้ยม ก็แล้วแต่สถานการณ์ว่าเวลานั้นควรจะให้กำลังใจใครก่อน

ผลงานของทีมรักทั้งสองทีมของผมในฤดูกาลนี้แตกต่างกันมากนะครับ เพราะในขณะที่นาโปลีออกตัวสวยหรูทำท่าจะได้ลุ้นแชมป์อีกแล้ว ลิเวอร์พูลกลับหัวทิ่มหัวตำสะดุดหกล้มถลอกปอกเปิกไปหมด

ในเกมที่เจอกันเอง นาโปลีก็ขยี้หงส์แดงชนิดเปิดแผลแล้วราดทิงเจอร์ลงไปทั้งขวด มันย่อมแสบทรวงแทบเป็นบ้าสำหรับผู้ปราชัย แต่สำหรับผมมองว่าลิเวอร์พูลได้ประโยชน์มากมายจากความพ่ายแพ้ครั้งนั้น

อย่างน้อยมันก็เป็นเกมที่ปลุกความกระตือรือร้นของพวกเขาขึ้นมา นับตั้งแต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามาคุมทีม ลิเวอร์พูลไม่เคยแพ้ด้วยรูปเกมที่สิ้นสภาพอย่างนี้มาก่อน ต่อให้วันที่ถูก แอสตัน วิลล่า ขยี้ 2-7 ก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้เห็นเท่านี้

อันนี้เราไม่ได้พูดเอง แต่คล็อปป์เป็นคนพูดเอาไว้ตั้งแต่หลังจบเกมที่เนเปิลส์

พินิจดูมันก็จริงอย่างที่คล็อปป์ว่านะครับ 90 นาทีที่เนเปิลส์วันนั้นลิเวอร์พูลเล่นไม่เหมือนลิเวอร์พูลเลยสักนิด โดยเฉพาะ 45 นาทีแรกนี่เหมือนเอาใครก็ไม่รู้มาสวมชุดหงส์แดงแล้วลงสนาม มันเหมือนกับทีมชุดนี้ไม่เคยเล่นด้วยกันมาก่อน

นั่นคือโจทย์ของ คล็อปป์ และ ลิเวอร์พูล เขาจะทำอย่างไรให้ทีมกลับมาตั้งหลักเป็นลิเวอร์พูลอย่างที่เคยเป็นได้อีกครั้ง ตรงนี้ต้องรอเวลาให้คำตอบกับเราซึ่งคงไม่นานหรอกครับ

ส่วนนาโปลี เป็นอีกปีแล้วล่ะครับที่กองเชียร์ของพวกเขาได้ลุ้นในระดับสคูเด๊ตโต้กันเลย ไม่ใช่แค่พื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ครั้งล่าสุดที่พวกเขาคว้ามาครองนั้นเกิดขึ้นเมื่อสามสิบสองปีที่แล้วในฤดูกาล 1989/90 โลกของเรายังอยู่ในยุคอนาล็อกอยู่เลย

ดีเอโก้ มาราโดน่า พานาโปลีคว้าแชมป์เซเรีย อา แล้วอีกสองเดือนให้หลังก็พาทีมชาติอาร์เจนติน่าเฆี่ยนอิตาลีต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองที่เนเปิลส์ทะลุเข้าชิงฟุตบอลโลกกับเยอรมันตะวันตก

นั่นคือยุคที่เนเปิลส์คึกคักที่สุดแล้ว ความหวังแผ่ซ่านไปทั่วแคว้นคัมปาเนีย

สามสิบสองปีต่อมานาโปลีไม่เคยกลับไปอยู่ในจุดเดิมได้อีก ความหวังของพวกเขาไม่เคยไปได้สุดทางเสียที มีความหวังแล้วก็หมดหวัง มีความหวังแล้วก็หมดหวัง มีความหวัง.. แล้วก็หมดหวัง เวียนวนกันไปอย่างนี้

บางครั้งก็สิ้นเรี่ยวแรงที่จะหวัง ร่วงปีกหักหล่นจากฟ้าสู่ดิน ตกชั้นจมอยู่ในลีกล่าง ล้มละลายต้องเริ่มตั้งหลักกันใหม่ก็ผ่านมาแล้ว

กระทั่งในยุคทศวรรษหลังสุดมานี่ล่ะครับ นาโปลีก็กลับมาเป็นชิ้นเป็นอันอีกครั้ง แน่นอนมันยังลงเอยด้วยความผิดหวังทุกหนยามที่มีความหวัง แต่มันก็ดูมั่นคงจับต้องได้มากขึ้นเรื่อยๆ

คล้ายกับว่าเมฆเงาความยิ่งใหญ่ของ ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่ปกคลุมอยู่เริ่มคลายไป ทุกคนยังพูดถึงมาราโดน่าและนาโปลีในยุคของเขา แต่ในวันนี้คล้ายทีมปาร์เตโนเปจะปล่อยวางและค่อยๆ วางอิทธิพลของเสือเตี้ยลงอย่างละเมียดละไม

นักฟุตบอลผ่านมาแล้วก็ผ่านไป สามสิบสองปีที่ผ่านพ้นนาโปลีมีนักเตะชั้นเลิศปรากฏกายขึ้นนับไม่ถ้วน

จานฟรังโก้ โซล่า รูเบน โซซ่า เอ๊ดมุนโด้ ฟาบิโอ เป๊คเคีย เอเซเกล ลาเวซซี่ เอดินสัน คาวานี่ มาเร็ก ฮัมซิค จอร์จินโญ่ กอนซาโล่ อิกวาอิน โฆเซ่ กาเยฆอน ดรีส เมอร์เท่นส์ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่

ทุกคนที่ว่ามาล้วนสร้างความฝันและเติมความหวังให้กับแฟนบอล มันสวยงามเพียงแต่บทลงเอยเท่านั้นเองที่ไม่เป็นดั่งใจ

นาโปลีในยุค เมาริซิโอ ซาร์รี่ ทำได้ใกล้เคียงที่สุดที่ความฝันของชาวเนเปิลส์จะได้สัมผัสกับความจริง ซาร์รี่พานาโปลีเป็นแชมป์ครึ่งฤดูกาลแรกสองหน ตามสถิติแล้ว 80-90 เปอร์เซนต์จะลงเอยด้วยสคูเด๊ตโต้

แต่เพราะดันเป็นยุคเดียวกับการกินรวบของยูเวนตุส นาโปลีจึงเป็นแค่พระรองทั้งสองครั้ง หลุดวงโคจรในโค้งสุดท้ายอยู่ตลอดจนน่าเสียดายว่าทำไมยูเว่ในเวลานั้นถึงไม่ใช่ทีมม้าลายที่กำลังหายใจเหนื่อยหอบอย่างตอนนี้

จังหวะเวลาจึงมีส่วนสำคัญเช่นกันสำหรับปัจจัยที่จะประสบความสำเร็จ

ผมคิดว่าสำหรับใครก็ตามที่เป็นแฟนบอลนาโปลี เรากำลังมีอีกฤดูกาลที่ตามลุ้นทีมรักได้สนุกจริงๆ

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์น่าตกใจ อินซินเย่ไป เมอร์เท่นส์ไป กาลิดู กูลิบาลี่ก็ยังย้ายออกไป

ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ เติมทีมด้วยผู้เล่นกลุ่มหนึ่ง

หนึ่งในผู้เล่นกลุ่มนั้นคือนักเตะโนเนมที่ชื่อ ควิชา กวารัตสเคเลีย

แฟนบอลน่าจะจับจ้องการเข้ามาของนักเตะที่คุ้นหูอย่าง โจวานนี่ ซิเมโอเน่, ตองกีย์ เอ็นดอมเบเล่ หรือ จาโคโม่ ราสปาดอรี่ ที่เดินเข้าสู่สโมสรด้วยสัญญายืมตัวในเวลาห่างกันแค่คนละวันมากกว่า แต่กลับเป็นกวารัตสเคเลียที่ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งแทนอย่างรวดเร็ว

ไม่เพียงแค่ที่เนเปิลส์เท่านั้น เวลานี้ความฟีเวอร์ของนักเตะจอร์เจียนคนนี้กระจายไปทั่วเมืองรองเท้าบู้ต คล้ายใครๆ ก็อยากเห็นเขาลงสนามเพราะลีลากระชากกระชั้นและทำเกมรุกนั้นน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ

อารมณ์คล้ายกับที่เราอยากเห็นมาราโดน่าลงเล่น อยากเห็นสามทหารเสือดัตช์ลงสนาม อยากเห็น โรแบร์โต้ บาจโจ เห็น โรนัลโด้ เห็น กาเบรียล บาติสตูต้า เห็น จูเซ็ปเป้ ซินญอรี่ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ เห็น กาก้า เห็น อันเดรีย ปีร์โล่ ฯลฯ

เราอาจไม่ใช่แฟนบอลทีมนั้นหรอก แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าพวกเขาเล่นฟุตบอลที่ดึงดูดใจเรา คล้ายไม่อาจละสายตาออกไปจากสองเท้าและท่วงท่าของพวกเขาได้เลย มันหลงใหลน่าชมบอกไม่ถูก

นั่นแหละ กวารัตสเคเลีย ก็แบบเดียวกัน และเขาทำมันได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ 2-3 เกมแรกในอิตาลีเท่านั้นเอง

จำได้ว่าครั้งแรกเลยที่ได้เห็นเขาเล่นก็คือเกมเปิดฤดูกาลเซเรีย อา กับเวโรน่า ยังนึกสงสัยว่าไอ้นักเตะชื่อยาวๆ คนนี้มันอ่านว่ายังไง แต่จังหวะไปกับบอล จังหวะกระชาก จังหวะสับไกยิงประตู และลีลาพลิ้วไหวท่าทางสะโอดสะองน่าหวดให้ขาดสองท่อนนั้นเตะตาเรา

รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่บอลถูกส่งไปถึงเท้าเขา เราเกิดความคาดหวังขึ้นมาทันทีว่าจะได้เห็นอะไรพิเศษ

บางคนอาจไม่รู้สึกก็ได้อันนั้นไม่ว่ากันอยู่แล้ว แต่สื่อเกือบทุกเจ้าที่พูดถึงเขาจะบอกว่า กวาราโดน่า ของชาวเนเปิลส์ไม่เพียงเข้ามาเขย่านาโปลีเท่านั้น แต่ยังเขย่าวงการลูกหนังเมืองมะกะโรนีอย่างรุนแรงอีกด้วย

ผมไม่กล้าแย้ง อาจจะด้วยเป็นกองเชียร์นาโปลีด้วยนั่นส่วนหนึ่ง แต่ถามตัวเองดูอีกสักครั้งในใจเราก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เขามีเสน่ห์มากยามที่บอลอยู่กับเท้า ประทับใจเขาถึงขนาดที่นั่งชมเกมของทีมชาติจอร์เจียในช่วงฟีฟ่าเดย์ที่ผ่านมา

นักเตะบางคนก็มีออร่าอย่างนั้นจริงๆ นะครับ และสำหรับผมแล้วเท่าที่ดูนาโปลีเล่นมาในซีซั่นนี้ กวารัตสเคเลีย มีมันเต็มเปี่ยมจนอยากจะชวนทุกคนที่ยังไม่เคยเห็นเขาเล่นลองจับตาดูนักเตะคนนี้

บางทีอาจจะแค่เกมเดียว หรือบางทีอาจจะใช้เวลาสัก 2-3 นัด แล้วคุณก็น่าจะเข้าใจว่าเพราะอะไรทีมใหญ่ๆ ในยุโรปถึงอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีมตั้งแต่ช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา

ป.ล. เรื่องของ กวารัตสเคเลีย ยังไม่หมดแค่นี้ครับ ผมจะเขียนแยกถึงเขาต่างหากเลยอีกโพสต์หนึ่ง เรื่องราวของเขาน่าสนใจ อย่างฉายาที่เขาได้รับไม่เพียงมีแค่ กวาราโดน่า เท่านั้นแต่ยังมี กวารินช่า กวาเรก้า กวานี่ รวมทั้งที่เกือบจะได้ย้ายไปยูเวนตุสอยู่แล้ว และการเลือกเพลงในวันเปิดตัวที่ทำให้แฟนบอลนาโปลีนึกถึง ดีเอโก้ มาราโดน่า

ตังกุย


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport