เวียร์ทซ์มาแล้ว

เวียร์ทซ์มาแล้ว
อาดัม พาเทล คอลัมนิสต์แห่ง BBC อยู่ในสนามแอนฟิลด์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

เขาเขียนบรรยายถึงบรรยากาศที่นั่นหลัง โฟลเรียน เวียร์ทซ์ พังประตูแรกในสีเสื้อลิเวอร์พูลได้สำเร็จ

พาเทลบอกว่าประตู 2-0 ของเวียร์ทซ์นั้นห่างจากประตูขึ้นนำ 1-0 ของ ไรอัน กราเฟนแบร์ก แค่ 89 วินาที แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเลยก็คือ "เสียง"

ทันทีที่ เวียร์ทซ์ ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส พาเทลบรรยายว่า "Anfield is not just celebrate - it roared"

แอนฟิลด์ไม่เพียงแค่เฉลิมฉลอง แต่มันคำรามกึกก้อง

เป็นเสียงคำรามแห่งความโล่งใจและยินดีปรีดา ทุกคนร่วมแสดงความดีใจไปกับเวียร์ทซ์ที่กำลังต้องการประตูนี้อย่างที่สุด

190 วันแห่งการรอคอยนับตั้งแต่เซ็นสัญญาย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เข้าสู่ถิ่นแอนฟิลด์ด้วยค่าตัว 116 ล้านปอนด์ ในที่สุดประตูที่เขาและทุกคนเฝ้ารอก็เกิดขึ้น

แน่นอนครับ เส้นทางยังอีกยาวไกลสำหรับการพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นประตูที่น่าจะทำให้ทุกอย่างผ่อนคลายลง ความกดดันก้อนใหญ่ถูกยกออกไป

ดาวเตะวัย 22 ปีไม่ได้ระเบิดฟอร์มร่ายมนตร์แข้งหวือหวาเขย่าพรีเมียร์ลีกได้ทันทีอย่างที่คาดหวังตามค่าตัว 116 ล้านปอนด์

แต่มันไม่ใช่ความผิดของเขา นักฟุตบอลแต่ละคนใช้เวลาปรับตัวไม่เท่ากัน บางคนเร็ว บางคนช้า คงไม่ยุติธรรมถ้าจะนำเอาการปรับตัวเร็วของนักเตะบางคนไปตัดสินอนาคตของนักเตะอีกคนว่าไปไม่รอดแน่

ปัจจัยของการปรับตัวมีหลายอย่าง ความพร้อมของตัวนักเตะเอง ความพร้อมของเพื่อนรอบตัว ระบบที่เอื้ออำนวย ทีมโค้ช สภาพแวดล้อม ฯลฯ

มีหลายเรื่องมาก ๆ ที่มีผลต่อการปรับตัวของเวียร์ทซ์ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือเขาไม่เคยอยู่นิ่งเฉย

การที่เขายังไม่โดดเด่นอย่างที่คาดหวังไม่ได้หมายความเขาเมินเฉยไม่แยแส หรือทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่พัฒนา ไม่ขวนขวาย ไม่พยายาม อยู่กับที่เสียเมื่อไหร่

ถ้าใช้เหตุผลนำทาง เราก็จะพบว่ามันเป็นไปได้หรือที่นักเตะใหม่และทีมใหม่จะไม่พยายามปรับตัวเข้าหากันเลย

มันเป็นไปไม่ได้หรอก คุณก็รู้

อาร์เน่อ สล็อต บอกว่าเวียร์ทซ์นั้นทำงานอย่างหนักทั้งในสนามซ้อมและในโรงยิม เขาเสริมน้ำหนัก เข้าคอร์สสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มความทรหด พัฒนาการฟื้นฟูร่างกายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ทั้งหมดทั้งมวลคือสิ่งที่มืออาชีพต้องทำอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องย้ายทีมหรือย้ายลีกด้วย ทุกคนไม่เคยอยู่นิ่งเฉย หากแต่พยายามแก้ไขข้อบกพร่องและพัฒนาตัวเองให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

แล้วกับการย้ายมาสู่ลิเวอร์พูล แชมป์เก่าพรีเมียร์ลีกด้วยค่าตัวมหาศาลระดับโลก การจับตามองขยายวงกว้างกว่าเดิมหลายเท่า มีเหตุผลอะไรที่เวียร์ทซ์จะไม่ทำงานหนัก

คำดูถูกที่มีต่อเขานั้นจะถูกนำมาใช้เป็นพลังไหมผมไม่รู้ แต่เวลานี้สิ่งต่าง ๆ เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

เวียร์ทซ์ทำผลงานได้ดีขึ้น เกมล่าสุดกับวูล์ฟแฮมป์ตัน สตีเฟ่น วอร์น็อค อดีตกองหลังลิเวอร์พูลที่ปัจจุบันทำงานเป็นนักวิจารณ์บอกว่าดาวเตะทีมชาติเยอรมันเป็นแมนออฟเดอะแมตช์แบบไร้คู่แข่ง ทิ้งห่างแบบไกลสุดกู่

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีมหงส์แดงเองก็พูดถึงเวียร์ทซ์ว่าเพลย์เมกเกอร์อินทรีเหล็กเริ่มคุ้นเคยกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวแล้ว คุ้นเคยกับเพื่อนร่วมทีม คุ้นเคยกับวิธีการเล่นและความถนัดของเพื่อนแต่ละคน

ในทางกลับกันเพื่อนร่วมทีมก็เข้าใจจังหวะของเวียร์ทซ์มากขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้นเขายังคุ้นเคยกับความเข้มข้นของพรีเมียร์ลีกที่แตกต่างไปจากบุนเดสลีกามากขึ้นด้วย สามารถรับมือกับคู่ต่อสู้ได้ดีขึ้น ระแวดระวังและจับจังหวะเข้าปะทะได้ดีขึ้น

ทุกอย่างเริ่มเห็นผล แต่แน่นอนครับ เขาก็คงไม่หยุดแค่นี้ ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำต่อ ต้องพัฒนาต่อ

อย่างน้อยก็เรื่องความฟิตที่ยังเห็นว่าแม้จะดีขึ้น แต่ก็ยังต้องไปให้ได้ดีกว่านี้ ต้องเล่นเต็มเวลาในความเข้มข้นของพรีเมียร์ลีกได้ต่อเนื่องกว่านี้

จาก 60 นาที เป็น 70 นาที 80 นาที และเต็มเกม เขายังต้องเพิ่มความทรหดให้มากขึ้นไปอีก แต่ทุกอย่างนี้เป็นสิ่งที่เขาพร้อมรับมืออยู่แล้ว เหมือนที่เขาพูดเองตั้งแต่แรก ๆ ว่าเขาจะได้เจอกับลีกที่ยากขึ้น

เวลานี้เวียร์ทซ์บอกว่าเขารู้สึกดีขึ้นในทุก ๆ เกมที่ผ่านไป มันก็สะท้อนออกมาจากผลงานระยะหลังที่เล่นได้อย่างไหลลื่นขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ

ผลงานที่เป็นรูปธรรมก็เริ่มปรากฏ จากสัปดาห์ก่อนที่ทำแอสซิสต์ให้ อเล็กซานเดอร์ อิซัค พังประตูสเปอร์ส มาสัปดาห์นี้ที่สังหารเองใส่วูล์ฟแฮมป์ตัน

การเคลื่อนที่อันเป็นจุดเด่น การผ่านบอลอันร้ายกาจ ความคล่องเอาตัวรอดในพื้นที่แคบ เซนส์ฟุตบอลและสายตาที่มองเห็นเกมรุกแบบคมกริบ

และการเล่นสวย ๆ มีประสิทธิภาพอีกมากมาย อย่างที่เราเคยเห็นเขาร่ายมนตร์ในบุนเดสลีกากับทีมห้างขายยา

ทั้งเขาและลิเวอร์พูลเริ่มปรับตัวเข้าหากันได้มากขึ้น เข้าใจธรรมชาติในการเล่นของกันและกันมากขึ้น เพื่อนร่วมทีมรู้จักฟุตบอลของเขามากกว่าเดิม ในทางกลับกันดาวเตะวัย 22 ก็เข้าใจฟุตบอลของเพื่อนแต่ละคนเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้นมันยังมีจุดที่ส่งเสริมถึงโอกาส เมื่อทีมมีวิกฤติเกิดขึ้นและทำให้ อาร์เน่อ สล็อต ต้องปรับเปลี่ยนแนวทางบางอย่าง ประกอบกับสถานการณ์บังคับที่ตามมา เวียร์ทซ์จึงได้พิสูจน์ตัวเองแบบเต็มตัวอีกครั้ง

วิกฤติที่ว่าก็คือตอนที่ สล็อต ตัดสินใจดร็อป โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลังการแพ้ 3 เกมรวดต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-3 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-3 และพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 1-4

แรงกระเพื่อมครั้งนั้นหนักหนาสาหัสถึงขีดสุด เก้าอี้กุนซือของนายใหญ่ชาวดัตช์สั่นคลอนอย่างหนัก เขาจำเป็นต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อทีมก่อนในช่วงเวลานั้น และแน่นอนมันนำมาซึ่งจุดพลิกผัน ในหายนะกลายเป็นสร้างโอกาส เวียร์ทซ์ได้เทิร์นนิ่งพอยนต์สำคัญ

การถูกดร็อปของซาลาห์ทำให้ทีมมีพื้นที่ว่าง 1 ที่ ตำแหน่งตัวจริงของเวียร์ทซ์ก็มั่นคงขึ้น มันไม่ใช่ว่าเขาถูกดองยาวไม่ได้สัมผัสเกมเลย แต่ตำแหน่งตัวจริงของเขาไม่มั่นคง การลงเล่นเป็นเพียงเข้า ๆ ออก ๆ ด้วยความที่ตัวเองก็ยังหัวหมุนกับการปรับตัวเข้ากับทีมและฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

ในเกมกับแมนฯ ซิตี้ เวียร์ทซ์ลงเล่นตัวจริงและถูกเปลี่ยนตัวออกนาทีที่ 83 จากนั้นก็มีปัญหาบาดเจ็บมาจากเกมทีมชาติทำให้ไม่ได้เล่นในเกมแพ้ฟอเรสต์กับพีเอสวียับเยินคาแอนฟิลด์

แต่เขากลับมาพอดีในเกมลงใต้เยือนเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นเกมแรกที่ซาลาห์ถูกสล็อตดร็อปเป็นตัวสำรองข้างสนาม

เวียร์ทซ์เป็นตัวจริงในเกมที่ลอนดอน สเตเดี้ยม เล่นร่วมกับ ไรอัน กราเฟนแบร์ก อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ โกดี้ กักโป และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ถูกเปลี่ยนตัวออกช่วง 15 นาทีสุดท้ายในชัยชนะ 2-0 ที่ทำให้สล็อตหายใจโล่งขึ้น

เกมต่อมาที่เสมอซันเดอร์แลนด์ 1-1 ในแอนฟิลด์ เวียร์ทซ์เล่นเต็มเกมด้วยกองกลางกับกองหน้าชุดเดิม นัยว่าเป็นการเรียกความเชื่อมั่นในกันและกันของผู้เล่นที่จะเป็นตัวหลักของทีมในช่วงนี้

ซาลาห์นั่งสำรองอีกเกม ก่อนถูกส่งลงสนามในครึ่งหลัง

ถัดมาคือเกมเสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เอลแลนด์ โร้ด 3-3 เริ่มมี เคอร์ติส โจนส์ โผล่เข้ามาในเฟรม เกมนั้น แม็ค อัลลิสเตอร์ คือคนที่ถูกจับนั่งข้างสนามเช่นเดียวกับซาลาห์ที่สำรองยาว 3 เกมติดต่อกัน

หลังจบเกมกับยูงทอง ซาลาห์ให้สัมภาษณ์ทิ้งระเบิดลูกใหญ่จนเหตุการณ์อลเวง สโมสรสั่งพักงานดาวเตะอียิปต์ 1 เกมนัดที่ไปเยือนอินเตอร์ มิลาน

เวียร์ทซ์สำรองในเกมนั้นและได้ลงเล่นในช่วง 22 นาทีสุดท้ายที่จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า หรือซาน ซิโร่

จากนั้นใน 3 เกมล่าสุดที่ลิเวอร์พูลชนะรวดในพรีเมียร์ลีกเหนือไบรท์ตัน สเปอร์ส และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส โฟลเรียน เวียร์ทซ์ ลงเล่นเป็นตัวจริงทุกนัด เกมกับไบรท์ตันถูกเปลี่ยนตัวออกนาทีที่ 78 ขณะที่สองเกมหลังเล่นถึงนาที 90 ก่อนถูกถอดออกเพื่อเน้นเกมรับ

มองเห็นได้ชัดเจนว่านับจากวิบากกรรมที่ลงเล่น 3 เกมกับเรือใบสีฟ้า เจ้าป่า และไอนด์โฮเฟ่น ถูกทะลวงไปถึง 10 ประตู สล็อตใช้งานเวียร์ทซ์อย่างจริงจัง เป็นตัวหลักอีกคนหนึ่งในการขับเคลื่อนเกมรุกของทีม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ กักโป เจ็บหายหน้าไปอีกคน หงส์แดงเล่นแบบไม่มีปีกและทำผลงานได้ดีด้วยการประสานงานกันของผู้เล่นแดนกลางธรรมชาติที่ทำให้เกมแน่นขึ้น

รูปแบบการยืน 4-4-2 ไดมอนด์เน้นฟุตบอลตรงกลางมี โจนส์ กับ กราเฟนแบร์ก ยืนคู่มิดฟิลด์ แม็ค อัลลิสเตอร์ ดันขึ้นเป็นตัวรุกกับโซโบซไลและเวียร์ทซ์

ด้วยคุณภาพของผู้เล่นเหล่านี้ที่สามารถทำหน้าที่ได้ดีในหลากหลายรูปแบบ การขยับมาเล่นแทนพื้นที่ของเพื่อนจึงทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ

กลายเป็นฟุตบอลที่หมุนเวียนกันได้ดีและมีประสิทธิภาพ เกมรุกสร้างโอกาสเข้าทำได้ต่อเนื่อง และเวียร์ทซ์เข้ามามีส่วนร่วมตลอดเวลา

เวียร์ทซ์อาจจะยังต้องทำงานหนักของตัวเองต่อไปเพื่อให้เป็นนักเตะที่ดีขึ้น แต่อย่างน้อยเวลานี้เขาก็ใช้จุดพลิกผันที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นประโยชน์

น่าติดตามมาก ๆ ล่ะครับกับเส้นทางที่เหลือของฤดูกาล เมื่อกักโปกลับมาพร้อมเป็นตัวจริงอีกครั้งจะเป็นอย่างไร

และถ้าซาลาห์เสร็จสิ้นภารกิจเนชั่นส์ คัพกับอียิปต์และกลับสู่แอนฟิลด์อีกครั้งไม่ย้ายทีม.. มันจะเป็นอย่างไร

ตังกุย




ที่มาของภาพ : reuters
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport