อาร์เซน่อล นำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกด้วยขุมกำลังดีที่สุดในประเทศ แต่กำลังเผชิญวิกฤตใหญ่เพราะ วิคตอร์ โยเคเรส กองหน้าตัวความหวัง ทำผลงานได้สวนทางกับเม็ดเงินที่สโมสรทุ่มลงไปในช่วงซัมเมอร์นี้
ทัพ "ปืนใหญ่" ควักกระเป๋าจำนวน 54.8 ล้านปอนด์ (ราว 2,420 ล้านบาท) เพื่อซื้อ โยเคเรส มาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน โดยคาดหวังจะให้เข้ามาช่วยอุดช่องโหว่ในการทำประตู แต่ฟอร์มของนักเตะไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่ใจปรารถนา
ลองมองไปที่ 10 อันดับดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก แล้วจะเห็นช่องว่างที่ชัดเจนอย่างน่าตกใจ ที่จริงแล้ว ไม่ใช่แค่ท็อป 10 แต่ขยับไปถึงท็อป 14 ก็ยังไม่มีชื่อของ สตาร์ดาวยิงทีมชาติสวีเดน อยู่เลย !!!
แม้ "เดอะะ กันเนอร์ส" จะนำเป็นจ่าฝูง และเป็นทีมที่ยิงประตูได้มากเป็นอันดับสองรองจาก "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ อาร์เซน่อล ยังไม่มีผู้เล่นคนใดทำประตูในลีกสูงสุดฤดูกาลนี้ได้มากกว่า 5 ประตูเลย
โยเคเรส ซึ่งตะบันไป 5 ตุงในลีกรั้งอันดับ 15 ร่วมในตารางดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก ร่วมกับผู้เล่นอีก 8 คน ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังอย่างมาก
จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แหล่งที่มาหลักของประตูที่ อาร์เซน่อล ทำได้อาจกลายเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของผู้เล่นฝั่งตรงข้ามเสียมากกว่า
ยกตัวอย่างในเกมที่ "ปืนใหญ่" ชนะไบรท์ตัน 2-1 เมื่อวันเสาร์ จอร์จินิโอ รุตแตร์ กลายเป็นผู้เล่นรายที่ 4 จาก 3 นัดหลังสุดที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ที่ทำเข้าประตูตัวเองให้กับ อาร์เซน่อล โดยก่อนหน้านั้นคือมักซ็องซ์ ลาครัวซ์ ของคริสตัล พาเลซ ในศึกคาราบาว คัพ
ขณะที่ โยเคเรส ซึ่งเคยยิงได้ถึง 97 ประตูจาก 102 นัดในโปรตุเกส ดูเหมือนจะหลงทางและหาฟอร์มเก่งของตัวเองไม่เจอเลย ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ และหาก อาร์เซน่อล ต้องการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก พวกเขาจำเป็นต้องมีแนวรุกอย่างน้อยหนึ่งคนที่ยิงได้เกิน 20 ประตู
อย่างไรก็ตาม อาร์เตต้า ยังคงเชื่อมั่นว่า โยเคเรส จะกลับมาระเบิดฟอร์มได้ในที่สุด เช่นเดียวกับบรรดา "เดอะ กูนเนอร์ส" ทุกคนต่างก็เฝ้ารออย่างสุดหัวใจให้เขาประสบความสำเร็จ ซึ่งจะเห็นได้ว่าสาวกเหล่านั้นไม่เคยบ่น, วิจารณ์รุนแรง หรือส่งเสียงโห่จากบนอัฒจันทร์ใส่นักเตะเลย
หลังจากออกสตาร์ตได้ค่อนข้างช้า โยเคเรส ก็เริ่มแสดงสัญญาณที่น่าพอใจให้เห็น ก่อนจะได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขาในเกมพบ เบิร์นลี่ย์ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นับตั้งแต่กลับมาลงสนามอีกครั้ง นักเตะดูขาดความมั่นใจ, เชื่องช้า และไม่สามารถพักบอลหรือเก็บบอลไว้กับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน อาร์เตต้า รวมถึงเพื่อนร่วมทีมทุกคน ก็ต้องมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาไม่สามารถจ่ายบอลขึ้นหน้าไปถึง โยเคเรส ได้รวดเร็วมากพอ
อย่างไรก็ตาม จะโทษกุนซือกํบเพื่อนร่วมทีมอย่างเดียวก็ไม่ใช่เรื่อง ! เพราะบางครั้ง โยเคเรส ได้รับโอกาสทองแต่ไม่สามารถเปลี่ยนจังหวะเหล่านั้นให้เป็นประตูได้ ยกตัวอย่างเกมล่าสุดตอนที่ได้โอกาสทองช่วง 2 นาทีแรก เขาก็ยิงเบาๆ เข้าซอง บาร์ท แฟร์บรู๊กเก้น นายทวารไบรท์ตัน
ยังไม่หมดแค่นั้นจังหวะก่อนหมดครึ่งแรก สตาร์ชาวสวีดิช ดูเหมือนจะชะงักไปกับจังหวะที่ วิลเลี่ยม ซาลิบา เข้าถึงลูกเปิดไม่ทัน ส่งผลให้บอลไปโดนเข่า ทั้งที่ควรจะเป็นโอกาสทำประตูได้ในครึ่งหลัง เขามีโอกาสงามอีกครั้งหนึ่ง แต่ซัดบอลไปชนเสาอย่างจัง
ขณะที่ในซุ้มม้านั่งสำรอง "เดอะ กันเนอร์ส" มี กาเบรียล เชซุส ที่หายเจ็บจากอาการเอ็นไขว็หน้าฉีก (ACL) แล้ว และผลงานของนักเตะก็ดูเฉียบคมพอสมควรหลังคัมแบ็คกลับมาลงสนาม แต่เขาก็ไม่ใช่กองหน้าที่ถล่มประตูเป็นกอบเป็นกำ แต่ข้อดีก็คือนักเตะมีประสบการณ์คว้าแชมป์ลีกร่วมกับ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งน่าจะพอประคับประคองทีมในยามคับขันได้
แม้ อาร์เซน่อล จะเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีขุมกำลังดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก แต่ปัญหาอาการบาดเจ็บก็กลับมารุมเร้าอีกหน โดย ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ และ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ คือสองแข้งล่าสุดที่กลายเป็นผู้เล่นเจ็บเพิ่ม
ตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา อาร์เซน่อล มีผลงานที่ยังไม่ค่อยน่าเชื่อถือมากนัก ดังนั้นการมาเยือนของ แอสตัน วิลล่า ในวันอังคารที่ 30 ธันวาคมนี้จะเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ เพราะนี่คือเกมที่พวกเขาไม่สามารถแพ้ได้ และผลเสมอก็ไม่ถือว่าเป็นหายนะเพียงแต่ทำให้ทีมเกิดความระส่ำ
อย่าลืมว่าหากทีมแพ้ "สิงห์ผงาด" ที่มี อูไน เอเมรี่ อดีตกุนซือ "ปืนใหญ่" ไม่เพียงจะเป็นของขวัญชิ้นโตให้กับคู่แข่งอย่าง แมนฯ ซิตี้ เท่านั้น แต่ยังอาจปลุกความเชื่อให้ วิลล่า ว่าพวกเขาสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อราวสิบปีก่อนได้
ฉะนั้นสิ่งที่ อาร์เตต้า ต้องทำให้สำเร็จก็คือกระตุ้นฟอร์มเก่งของ โยเคเรส ออกมาให้ได้ และภาวนาไม่ให้มีนักเตะคีย์แมนเจ็บเพิ่ม เพราะหนทางการลุ้นแชมป์ลีกยังอีกยาวไกล ความสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄