เกมรับมือ วูล์ฟแฮมป์ตัน จบลงด้วยสามคะแนนตามคาด แต่รายละเอียดของเกมคือความกระเสือกกระสนในช่วง 10 นาทีสุดท้าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ จอห์น อารีอาส ลงสนามมาในนาทีที่ 79 ทุกอย่างก็ตกเป็นของทีมหมาป่า
ความขยันคล่องแคล่วของดาวเตะโคลอมเบียสร้างปัญหาให้เกมป้องกันของลิเวอร์พูลมาก ประกอบกับยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ นักเตะลิเวอร์พูลก็เริ่มเผชิญกับความกดดันมากขึ้น ๆ จนเครียดและเกร็ง เล่นไม่เป็นธรรมชาติ
บอลแรกเริ่มแพ้ บอลสองเริ่มเก็บไม่ได้ สถานการณ์ตัวต่อตัวเริ่มเอาไม่อยู่ กลายเป็นความกังวลจนถอยร่น เปิดพื้นที่ให้ทีมเยือนเก็บบอลบุกต่อเนื่อง เซนเตอร์แบ๊กจากโมลินิวซ์กล้าดันขึ้นมาสูงถึงครึ่งสนาม
เป็นอีกครั้งที่การควบคุมสถานการณ์ของลิเวอร์พูลย่ำแย่ ห่างไกลจากสิ่งที่ควรจะเป็น
แฟนบอลหงส์แดงต้องนั่งดูไปกัดเล็บไป เครียดหนักกับความโงนเงนที่ได้เห็น การสะดุดเสียแต้มเกมนี้คือหายนะ เตะผ่านมา 17 เกมวูล์ฟแฮมป์ตันเพิ่งจะเก็บได้ 2 คะแนนเท่านั้นเอง
สุดท้ายประสิทธิภาพที่ไม่ดีพอของวูล์ฟแฮมป์ตันและการสกัดช่วงชีวิตลูกนั้นของ คอเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ ทำให้ลิเวอร์พูลจบเกมด้วยการไม่เสียประตูเพิ่ม จบที่ 2-1 ชนิดโล่งอกพร้อมปัญหาแก้ไม่ตกข้ามปี
ตอนที่ โฟลเรียน เวียร์ทซ์ ทำประตู 2-0 ในนาทีที่ 42 และเกมดำเนินไปจนจบครึ่งแรก ไม่มีวี่แววอะไรเลยว่าวูล์ฟแฮมป์ตันจะกลับมาทำอะไรได้
ไม่มีวี่แววเหมือนตอนที่นำบอร์นมัธ 2-0 นำนิวคาสเซิ่ล 2-0 นำลีดส์ ยูไนเต็ด 2-0..
ปัญหาของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้คือการควบคุมสถานการณ์ที่ได้เปรียบไม่ดีพอและการเสียประตูง่าย ๆ จากหลากหลายรูปแบบตั้งแต่การต่อบอลเข้าทำเองของฝ่ายตรงข้าม ถูกโยนเข้าใส่ แดนกลางหลวมบอลทะลุขึ้นมาตรง ๆ เจอโต้กลับ โดนลูกตั้งเตะ ลูกทุ่ม ลูกเตะมุม หรือก่อความผิดพลาดเองรายบุคคล
การเสียประตูไม่ว่าจะจากเหตุผลใดเหล่านี้ ผลลัพธ์ของมันล้วนเป็นการทำให้ความกดดันเพิ่มขึ้นและเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้กลับมาสู่เกม
ใน 26 เกมทุกรายการฤดูกาลนี้ (พรีเมียร์ลีก 18 แชมเปี้ยนส์ ลีก 6 คาราบาวคัพ 2) ลิเวอร์พูลอยู่ในสถานการณ์ขึ้นนำ 2-0 ทั้งสิ้น 10 เกม
ไม่มีเกมไหนเลยที่ทำประตูหนีเป็น 3-0..
ฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลยังไม่เคยนำใคร 3-0 เกมบุกอัด ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 5-1 นั้นถูกทีมอินทรีแดงดำยิงนำไปก่อน และเป็นเกมเดียวในซีซั่นนี้ที่หงส์แดงชนะเกิน 2 ประตู
การคาสกอร์นำที่ 2-0 ในด้านหนึ่งอาจเป็นความอุ่นใจ แต่ในอีกทางก็เป็นความเสี่ยงเช่นกันถ้าพลาดเสียประตูขึ้นมาหมายความว่าคู่แข่งต้องการอีกเพียงประตูเดียวเพื่อกระชากคุณหลุดจากชัยชนะ
ถ้าการปิดเกมของคุณแน่นอนพอ เกมรับของคุณเหนียวแน่นพอ การรับมือกับการสู้แบบหลังพิงฝาของคู่แข่งคุณหนักแน่นพอ คุณก็อาจวางใจได้กับสกอร์ที่นำ 2-0
แต่ถ้าคุณยังมีปัญหาเรื่องเกมรับ ยังมีความผิดพลาด มีความกังวล มีความกดดัน ปั่นป่วนเมื่อความเครียดพุ่งสูง การนำ 2-0 ไม่มีอะไรการันตีเลยว่าคุณควรจะสบายใจได้
ใน 10 เกมจากทุกรายการที่ลิเวอร์พูลนำคู่แข่ง 2-0 นอกจากจะไม่สามารถทำประตู 3-0 ได้เลยแม้แต่เกมเดียวแล้ว ยังเสียประตู 2-1 ถึง 7 เกม
ทั้ง 7 เกมนั้น สิ่งที่ตามมาคือความปั่นป่วนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะปั่นป่วนในทันที หรือปั่นป่วนหลังจากพยายามควบคุมสถานการณ์ได้อีกสักพัก
ส่งบอลผิด จับบอลพลาด ทำฟาวล์โดยไม่จำเป็น ตั้งเกมไม่ได้ วิ่งไม่เจอบอล เสียตำแหน่ง ถอยร่น ไม่เข้าหา ตั้งรับไม่เป็นกระบวน ถูกบุกกระหน่ำเข้าใส่ ปล่อยให้คู่ต่อสู้มีโอกาสทอง..
เหล่านี้ล้วนเป็นภาพที่เห็นว่าเกิดขึ้นกับลิเวอร์พูลทั้งสิ้น ใน 7 เกมที่ขึ้นนำ 2-0 แล้วโดนยิงไล่มาเป็น 2-1
ใน 7 เกมนั้น สุดท้ายลิเวอร์พูลยันได้และจบที่ 2-1 แบบเจียนไปเจียนอยู่จำนวน 3 เกม (เอฟเวอร์ตัน สเปอร์ส วูล์ฟแฮมป์ตัน)
อีก 4 เกมเลยเถิดไปถึงขั้นถูกตีเสมอ 2-2 (บอร์นมัธ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แอตเลติโก มาดริด และ ลีดส์ ยูไนเต็ด)
ถึงกระนั้นทั้ง 4 เกมที่เสียกระบวนจนถูกไล่ตีเสมอ 2-2 ลิเวอร์พูลสามารถตั้งหลักและกลับมาทำประตูนำอีกครั้งเป็น 3-2 ได้ทั้งหมดเช่นกัน
กับบอร์นมัธสุดท้ายไปจบที่ 4-2 กับนิวคาสเซิ่ลและแอต.มาดริดจบที่ 3-2 มีเพียงเกมเยือนเอลแลนด์ โร้ด เกมเดียวเท่านั้นที่โดนไล่ตีเสมออีกหนจบที่ 3-3
เหนื่อยแทบขาดใจ ทั้งนักเตะ ทั้งแฟนบอล..
มองภาพรวมในเรื่องนี้ ความสะบักสะบอมก็เรื่องหนึ่ง แต่ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ ลิเวอร์พูลยังชนะได้ถึง 9 จาก 10 เกมที่ขึ้นนำคู่แข่ง 2-0 ในฤดูกาลนี้ (อีก 3 เกมคือ แอสตัน วิลล่า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และไบรท์ตัน รักษาสกอร์ 2-0 ได้ตลอดรอดฝั่ง)
เกือบจะเป็นชนะทั้ง 10 เกมแบบ 100 เปอร์เซนต์ด้วย ประตูตีเสมอ 3-3 ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด จาก อาโอะ ทานากะ เกิดขึ้นในนาที 90+6 เข้าไปแล้ว
มันก็อาจจะยังโอเคในความไม่โอเค แม้จะดูโงนเงนไปมา บางเกมถูกอีกฝ่ายที่เหลือ 9 คนโขยกจนโงหัวไม่ขึ้นด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายลิเวอร์พูลก็เอาตัวรอดได้หมด เก็บ 28 จาก 30 คะแนนเต็มของเกมที่ขึ้นนำ 2-0
มองในด้านแย่มันก็แย่ มองในด้านดีมันก็มี แต่ที่แน่ ๆ อาร์เน่อกับลูกทีมของเขาพยายามจัดการกับปัญหาเหล่านี้ ยังไม่สมบูรณ์แบบหรอก มันยังห่างไกลจากคำนั้นมาก แต่พวกเขาก็ยังพยายามกันอย่างเต็มที่
และอย่างน้อย เวลานี้ลิเวอร์พูลไม่แพ้มา 7 เกมติดต่อกันแล้ว.. 4 เกมหลังสุดชนะรวด
มันก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไปนัก ขณะที่นักเตะหลายคนเริ่มสร้างผลงานของตัวเอง เกมล่าสุดนอกจากเวียร์ทซ์เบิกประตูแรกในชุดหงส์แดง เฌเรมี่ ฟริมปงยังมีแอสซิสต์ หรือ มิลอส เคอร์เคซ ในช่วงหลังก็ดูดีขึ้นกว่าตอนแรก ๆ
ความกังวลน่ะมีแน่ แต่ก็ไม่แย่นักหรอก
With hope in your heart.. ก้าวเดินต่อไป อย่าเพิ่งรีบยอมแพ้หรือทิ้งความหวัง มันเพิ่งจะครึ่งทางเท่านั้นเอง
ตังกุย