เจาะลึกเส้นทางของ แจ็ค และ ไทเลอร์ เฟล็ทเชอร์ สองฝาแฝดที่แมนฯ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินดึงจากแมนฯ ซิตี้ พร้อมเลือกเส้นทางทีมชาติคนละฝั่ง สู่บทบาทความหวังยุคใหม่ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ชื่อของ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ คือหนึ่งในสัญลักษณ์ของความทุ่มเทและความภักดีในประวัติศาสตร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และวันนี้ นามสกุลเดียวกันกำลังถูกสานต่ออีกครั้ง ผ่านเรื่องราวของสองฝาแฝดอย่าง แจ็ค เฟล็ทเชอร์ และ ไทเลอร์ เฟล็ทเชอร์ ที่ถูกจับตามองในฐานะอนาคตของสโมสร
จากสีฟ้าสู่สีแดง เดิมพันของตระกูลเฟล็ทเชอร์
ย้อนกลับไปในปี 2023 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างความฮือฮาด้วยการยอมจ่ายเงินราว 1.25 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว แจ็ค และ ไทเลอร์ จากอคาเดมีของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมือง ท่ามกลางคำถามถึงความคุ้มค่าในการลงทุนกับนักเตะเยาวชน
อย่างไรก็ตาม เวลาพิสูจน์แล้วว่าการตัดสินใจครั้งนั้นไม่ได้อาศัยเพียงนามสกุลของผู้เป็นพ่อ แต่คือการมองเห็นศักยภาพที่แท้จริง
แจ็ค เฟล็ทเชอร์ โดดเด่นในบทบาทกองกลางตัวกลาง เล่นบอลนิ่งและมีวินัยเกมสูง ขณะที่ ไทเลอร์ เฟล็ทเชอร์ เป็นมิดฟิลด์ตัวรุกที่มีวิสัยทัศน์และความสร้างสรรค์ ทั้งคู่เซ็นสัญญาอาชีพฉบมแรกกับสโมสรเมื่อเดือน เมษายน 2024 และเริ่มถูกจับตามองจาก รูเบน อโมริม กุนซือคนใหม่ของทีม
ภาพที่สะท้อนความเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยเกิดขึ้นในเกม บ็อกซิ่งเดย์ ที่พบกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อแฟนบอลใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้เห็นชื่อ “เฟล็ทเชอร์” สองคนบนม้านั่งสำรองพร้อมกัน เป็นสัญญาณว่า ยูไนเต็ด กำลังเปิดพื้นที่ให้สายเลือดใหม่
พี่น้องท้องเดียวกัน แต่คนละเส้นทางทีมชาติ
อีกหนึ่งมิติที่ทำให้เรื่องราวของสองฝาแฝดกลายเป็นประเด็นระดับประเทศ คือการตัดสินใจเลือกเล่นทีมชาติที่แตกต่างกัน
ไทเลอร์ เฟล็ทเชอร์ เลือกเดินตามรอยเท้าพ่อ สวมเสื้อทีมชาติ สกอตแลนด์ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี และรับบทกัปตันทีม
ขณะที่ แจ็ค เฟล็ทเชอร์ เลือกเล่นให้ทีมชาติ อังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี พร้อมสวมปลอกแขนกัปตันเช่นกัน
ทั้งสองเกิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ในช่วงที่ดาร์เรนค้าแข้งกับยูไนเต็ด ทำให้มีสิทธิ์เลือกเล่นได้ทั้งสองชาติ และครอบครัวเปิดโอกาสให้ตัดสินใจด้วยตัวเอง
ภาพที่น่าจดจำเกิดขึ้นเมื่อฝาแฝดคู่นี้ต้องลงสนามพบกันในระดับเยาวชน โดยแจ็คเป็นฝ่ายทำประตูช่วยให้อังกฤษคว้าชัย ขณะที่ไทเลอร์สู้เต็มที่เพื่อศักดิ์ศรีของสกอตแลนด์
โอกาสท่ามกลางวิกฤตของปีศาจแดง
สถานการณ์ล่าสุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดช่องให้ดาวรุ่งได้ก้าวขึ้นมา เมื่อ รูเบน อโมริม ยืนยันว่า ทีมจะไม่มีทั้ง บรูโน่ แฟร์นันเดส และ ค็อบบี้ เมนู ในเกมบ็อกซิ่งเดย์กับนิวคาสเซิล เนื่องจากอาการบาดเจ็บ
กุนซือวัย 40 ปี มองว่านี่คือโอกาสสำคัญของนักเตะดาวรุ่ง
“แจ็ค เฟล็ทเชอร์ ทำผลงานได้ดีในเกมกับแอสตัน วิลล่า และเมื่อโอกาสมาถึง เราต้องเปิดพื้นที่ให้ผู้เล่นอายุน้อยได้แสดงศักยภาพ” อโมริม กล่าว
วันนี้ แจ็ค และ ไทเลอร์ ไม่ได้ถูกมองเพียงในฐานะ “ลูกชายของดาร์เรน เฟล็ทเชอร์” อีกต่อไป แต่คือสองนักฟุตบอลอาชีพที่กำลังสร้างตัวตนของตัวเองในเส้นทางที่แตกต่าง
ไม่ว่าสุดท้ายใครจะไปได้ไกลกว่ากัน หรือจะรับใช้ชาติใดในระดับสูงสุด แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ นามสกุล Fletcher กำลังกลับมามีบทบาทอีกครั้งใน โรงละครแห่งความฝัน และอาจถูกจดจำไปอีกยาวนานในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด