แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถผ่าวิกฤติการขาดผู้เล่นหลักหลายคนได้อย่างยอดเยี่ยม หลังเปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เฉือน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แบบหืดขึ้นคอ 1-0 เกมบ็อกซิ่ง เดย์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยแมตช์นี้ แพทริค ดอร์กู สวมบทฮีโร่ ขณะที่เกมรับก็เล่นได้อย่างเหนียวแน่น ที่สำคัญก็คือ รูเบน อโมริม ปรับแท็คติกให้หลังสี่ ซึ่งถือเป็นการยืดหยุดระบบการเล่นที่น่าสนใจมากๆ
1. ปรับระบบเล่นหลังสี่
ดูเหมือนบทสัมภาษณ์ที่ รูเบน อโมริม เผยว่าได้เรียนรู้อะไรมากมายเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้เจ้าตัวตาสว่างปรับแท็กติกหันมาใช้ระบบกองหลังสี่ตัว และถือว่าสร้างประโยชน์ให้กับทีมอย่างมาก เพราะทำให้เกมรับเหนียวแน่นยิ่งขึ้น
การได้ ลีซานโดร มาร์ตีเนซ มายืมเป็นหัวใจในเกมรับด้วยระบบแบ็กโฟร์ ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เสียบอลง่ายในแดนหลัง และที่สำคัญยังช่วยประคอง เอย์เดน เฮฟเวน ให้เล่นได้อย่างมั่นใจ และกล้าครองบอล นอกจากนี้การเคลียร์บอลยังมีความเด็ดขาดด้วย
แม้ว่าในช่วงครึ่งหลัง อโมริม จะปรับระบบหันกลับมาเล่นหลังสาม เนื่องจากโดน นิวคาสเซิ่ล กดยับจนโงหัวไม่ขึ้นตลอดทั้งเกม แต่การแก้ไขสถานการณ์ของเขาถือว่ารอดตัวไป เพราะหากทีมดันเสียประตู งานนี้คงโดนด่าระงม แต่ในเมื่องสามารถรักษาสกอร์เอาไว้ได้ ทุกอย่างก็สบายตัว
2. ดอร์กู เฉิดฉายในตำแหน่งปีกขวา
เนื่องจากทีมขาดแนวรุกทางริมเส้นฝั่งขวา เพราะทั้ง อาหมัด ดิยัลโล่ และ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ติดภารกิจรรับใช้บ้านเกิดในศึกแอฟคอน 2025 มันจึงเป็นไฟต์บังคับให้ อโมริม ต้องใช้งาน แพทริค ดอร์กู ลงเล่นปีกขวาซึ่งเป็นฝั่งที่เจ้าตัวไม่ถนัด
แต่สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เพราะ แนวรุกทีมชาติเดนมาร์ก ระเบิดฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ โดยเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง และเล่นได้โดดเด่นทั้งเกมรุก รวมทั้งยังมีส่วนในการลงมาช่วยเกมรับได้ดีด้วย
จังหวะการซัดประตูอย่างสวยงามของเจ้าตัวถือเป็นโบนัสชิ้นโบว์แดงสำหรับฟอร์มที่น่าประทับใจ ขณะที่ในช่วงกลางครึ่งหลังโดนจับกลับมายืนวิงแบ็กซ้าย ก็ยังสามารถรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างดีเยี่ยม ถือเป็นหนึ่งในฟอร์มที่น่าชื่นชมสำหรับเจ้าตัวจริงๆ
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่คู่ควรสำหรับการคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้
3. ไร้ บรูโน่ ไม่ขาดใจ
ก่อนเกมจะฟาดแข้งสาวก "เร้ด อาร์มี่" มีอาการตื่นตระหนก วิตกกังวลว่าทีมรักอาจจะพลาดท่าเสียทีให้กับ นิวคาสเซิ่ล คาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพราะพวกเขาไม่มีจอมบัญชาเกมอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ได้รับบาดเจ็บต้องพักรักษาตัว
อย่างไรก็ตาม อโมริม มีการปรับแท็คติกด้วยการจัด กาเซมีโร่ และ มานูเอล อูการ์เต้ ช่วยกับเล่นเกมรับในแดนกลาง และใช้แนวรุกสามคนในการสร้างสรรค์เกม โจมตีเกมรับของนิวคาสเซิ่ล ซึ่งถือว่าได้ผลอย่างมาก
ไม่ใช่แค่ ดอร์กู ที่ฟอร์มโดดเด่น เมสัน เมาท์ ก็เล่นได้อย่างน่าประทับใจ การสอดประสานช่วยเกมรุก และการผ่านบอลที่แม่นยำทำให้ "ผีแดง" ทำผลงานได้อันตรายยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าหาก กัปตันบรูโน่ หายเจ็บกลับมา กุนซือชาวโปรตุกีส น่าจะใช้ระบบนี้ เพราะคงดึงศักยภาพของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่
ที่สำคัญนี่คือการคว้าชัยชนะในเกมพรีเมียร์ลีกครั้งแรกโดยที่ไม่มี แฟร์นันด์ส ลงสนามนับตั้งแต่ที่พวกเขาเฉือนสเปอร์ส 3-2 เมื่อเดือนมีนาคม 2022 ซึ่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำแฮตทริก คว้าสามคะแนนในยุคที่ ราล์ฟ รังนิค กุมบังเหียน
4. นิวคาสเซิ่ล ฟอร์มไม่เด็ดขาด
จริงๆ แล้วเกมนี้ นิวคาสเซิ่ล ถือว่าเล่นได้ดีพอสมควร แต่สิ่งที่ขาดให้ไปก็คือพลังในการบดบี้คู่แข่ง และความเฉียบคมในการจบสกอร์ เพราะหากมองจากโอกาสที่พวกเขาสร้างขึ้นมันควรมีมากกว่า 1 ประตูด้วยซ้ำ!!
ฟอร์มของ "สาลิกาดง" ในแมตช์นี้เหมือนกับฟอร์มในช่วงครึ่งหลังเกมที่เสมอกับ เชลซี 2-2 (ครึ่งแรกนำ 2-0 ครึ่งหลังโดนตีเสมอ 2-2) โดยทีมของกุนซือเอ็ดดี้ ฮาว ขาดความกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนไม่สามารถเร่งฟอร์มออกมาได้เลย
แม้ว่าในช่วงครึ่งหลัง นิวคาสเซิ่ล จะกด แมนฯ ยูไนเต็ด จนโงหัวไม่ขึ้นอยู่ในแดนของตัวเอง แต่พวกเขาดันขาดความแม่นยำ และความเฉียบคมในจังหวะการยิงประตู ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างมาก
ถ้าหาก "เดอะ แม็กพายส์" เล่นได้ดุดัน และกระหายมากกว่านี้ เชื่อว่าพวกเขาคงไม่ออกจากโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบมือเปล่าแน่นอน แต่ในเมื่อทำไม่ได้ สิ่งที่ได้รับก็คือความพ่ายแพ้ เพราะแม้จะมีสถิติข่มมิดแต่ยิงประตูไม่ได้ ก็ไร้ประโยชน์
5. ตัวเทพบ็อกซิ่งเดย์
เกมในช่วงเปิดกล่องของขวัญสำหรับ แมนฯ ยูฯ ถือว่าเป็นโบนัสชั้นดีสำหรับพวกเขาจริงๆ เพราะจากสถิติจะเห็นได้ว่าทัพ "ปีศาจแดง" สามารถเก็บชัยชนะในโปรแกรมช่วงเทศกาลนี้ได้ถึง 53 เกมเลยทีเดียว
ครั้งล่าสุดที่ "เร้ด เดวิลส์" ลงสนามพบกับ นิวคาสเซิ่ล ในวันบ็อกซิ่งเดย์ พวกเขาเป็นฝ่ายเก็บสามแต้มเต็มไปครองได้สำเร็จ โดย รูเบน อโมริม มีส่วนช่วยสานต่อและยกระดับสถิติวันเปิดกล่องของขวัญ พร้อมพาทีมคว้าชัยชนะสำคัญอีกครั้ง
แน่นอนว่าชัยชนะในเกมนี้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บเพิ่มเป็น 29 คะแนนเท่ากับ ลิเวอร์พูล และ เชลซี โดยพวกเขารั้งอันดับ 5 และตามหลัง อาร์เซน่อล จ่าฝูงซึ่งมีคิวดวล ไบรท์ตัน วันเสาร์นี้ เพียง 10 แต้มเท่านั้น !!
✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄